กล้าย
กล้าย | |
---|---|
ต้นกำเนิดลูกผสม | Musa acuminata × Musa balbisiana Colla 1820 |
กลุ่มพันธุ์ปลูก | AAB Group (กลุ่มกล้าย) AAB Group (Maoli-Popoulo subgroup) AAA-EA subgroup (Mutika/Lujugira) ABB Group |
ต้นกำเนิด | เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เอเชียใต้ |
กล้าย หรือ กล้วยกล้าย (อังกฤษ: plantain) เป็นพืชโตชั่วฤดูในสกุลกล้วย ผลนิยมใช้ในการทำอาหาร ต่างจากกล้วยตรงความนุ่มและความหวาน มีความแตกต่างทางพฤกษศาสตร์อย่างเป็นทางการระหว่างกล้วยและกล้าย แม้ว่าจะได้รับการจัดอยู่ในพันธุ์ปลูกในชนิดเดียวกัน
กล้ายได้รับการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Musa acuminata, Musa balbisiana หรือลูกผสม Musa acuminata × balbisiana ขึ้นกับโครงสร้างทางพันธุกรรม มีชื่อวิทยาศาสตร์เดิม Musa paradisiaca ซึ่งไม่มีการใช้งานมานานแล้ว กล้ายส่วนมากเป็นลูกผสมพันธุ์ปลูกกลุ่ม AAB และ ABB
สมาชิกในสกุลกล้วยเป็นพืชพื้นเมืองในเขตร้อนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ประกอบด้วย กลุ่มเกาะมลายู (ประเทศอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, บรูไน และฟิลิปปินส์) และประเทศออสเตรเลียตอนเหนือ[1]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
[แก้]ลักษณะจะคล้ายกับพืชในสกุลกล้วยทั่วไป แต่ผลกล้ายจะแข็งและมีน้ำตาลน้อยกว่ากล้วย กล้วยมักจะกินผลขณะที่กล้ายมักจะใช้ในการประกอบอาหาร โดยใช้ขณะที่ผลยังมีสีเขียวหรือยังห่าม (รสคล้ายแป้ง) หรือสุกงอม (รสหวาน) กล้ายให้พลังงานประมาณ 220 แคลอรี มีโพแทสเซียมและใยอาหารสูง[2]
อนุกรมวิธาน
[แก้]ระบบจัดจำแนกแบบเก่าได้แยกกล้ายออกเป็นสปีชีส์เนื่องจากมีการนำไปใช้ประกอบอาหารซึ่งไม่ถูกต้อง ปัจจุบันจัดเป็นสปีชีส์เดียวกันกับกล้วย[3] กล้ายส่วนมากเป็นลูกผสมที่มีโครโมโซมหลายชุดและเป็นหมัน ระหว่าง Musa acuminata (จีโนม A) และ Musa balbisiana (จีโนม B) ปัจจุบัน กล้ายจัดอยู่ในกลุ่ม AAB หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'กลุ่มกล้าย' และกลุ่ม ABB
กล้ายเคยมีชื่อวิทยาศาสตร์ (ชื่อพ้อง) ว่า:[3]
- Musa paradisiaca L.
- Musa × paradisiaca L. cultigroup Plantain
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Musa species (banana and plantain)" (PDF).
- ↑ "Plantains". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-15. สืบค้นเมื่อ August 25, 2009.
- ↑ 3.0 3.1 "Musa paradisiaca". users.globalnet.co.uk/.
- Oke, O.L.; J. Redhead; Dr M.A. Hussain (1998). Roots, tubers, plantains and bananas in human nutrition. Rome, Italy: Food and Agriculture Organization of the United Nations (FAO) and the Informartion Network on Post-Harvest Operations (INPhO). p. 198. FAO code: 86, AGRIS: SO1, ISBN 92-5-102862-1.