แกรี (แร็ปเปอร์)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Gary (rapper))
แกรี่
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดคัง ฮี-ก็อน (강희건, 姜熙建)
เกิด24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521 (46 ปี)
โซล เกาหลีใต้
ที่เกิดเกาหลีใต้ ประเทศเกาหลีใต้
แนวเพลงฮิปฮอป
อาชีพนักร้อง แร็ปเปอร์
ช่วงปีพ.ศ. 2539 - ปัจจุบัน
ค่ายเพลงJungle เอนเตอร์เทนเมนท์
ชื่อเกาหลี
ฮันกึล
강희건
ฮันจา
อาร์อาร์Gang Hui-geon
เอ็มอาร์Kang Hŭi-kŏn

แกรี่ (เกาหลี: 개리; เกิดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521) เป็นแร็ปเปอร์,เอ็นเตอร์เทนเนอร์ชาวเกาหลีใต้ และเขายังเป็นนักร้องสมาชิกวงฮิปฮอปดูโอ วงลีซัง และเขาเคยป็นสมาชิกในรายการวาไรตีเกมโชว์ของเกาหลีใต้ รันนิงแมน ร่วมกับ ยู แจ-ซ็อก, จี ซ็อก-จิน, คิม จง-กุก, ฮาฮา/ฮา ดง-ฮุน, ซง จี-ฮโย และอี กวัง-ซู

ประวัติ[แก้]

ชีวิตช่วงแรก[แก้]

แกรีเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521 ครอบครัวของแกรีประกอบไปด้วยพ่อ, แม่และพี่ชายของเขา[1] ย้อนไปในสมัยที่แกรียังเป็นนักเรียน แกรีมีความสนใจในการเต้นมากกว่าดนตรีและมีความฝันที่อยากจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเกาหลี[2] เนื่องจากชื่อเล่นของเขาในสมัยมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีชื่อว่า "แก" (개) ซึ่งในภาษาเกาหลีแปลว่า "หมา" ทำให้เขาใช้ชื่อในการแสดงว่า "แกรี" (อังกฤษ:Gary, เกาหลี: 개리) ระหว่างช่วงมัธยมศึกษาตอนปลายแกรีได้เป็นนักเต้นประกอบ และชนะการแข่งขันในการเต้น แกรียังได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยยงอินแต่ก็ถูกไล่ออกในเวลาต่อมา[3] ในตอนอายุ 20 ปี แกรีได้เริ่มต้นอาชีพนักมวยเป็นเวลา 10 ปีและได้เป็นนักมวยสากลสมัครเล่น[4] ทั้งเขายังได้รับสายดำดั้ง 8 จากกีฬาศิลปะการต่อสู้ด้วย[5]

ช่วงเริ่มต้นของอาชีพ (2539 ~ 2544)[แก้]

ในปี 2539 แกรีเข้าร่วมกลุ่มดนตรี "สเมิร์ฟ" (Smurfs)[6] สเมิร์ฟได้ปล่อยอัลบั้มแรกของพวกเขา อัลบั้ม "Smurph" ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 ในปี 2540 แกรีเข้าร่วมกลุ่มดนตรี "เอ็กซ์-ทีน" (X-Teen) และได้ออกสองอัลบั้มในปี 2541 และปี 2543 และนี่ทำให้เขาพบกับ กิล ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มดนตรี เอ็กซ์-ทีน เช่นเดียวกัน[7] ในขณะนั้นอาจกล่าวได้ว่าทั้งแกรีและกิล "พวกเขาไม่ได้ดูดีและดนตรีของเขาก็ไม่ได้เยี่ยมตรงไหน" จากนั้นแกรีและกิลลงเอยด้วยการเข้าร่วมกลุ่ม "ฮันนี่ แฟมิลี่" (Honey Family) และได้ออกอัลบั้มในปี 2542 และ 2543 หลังจากนี้แกรีคิดว่าตัวเขาเอง "เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเกาหลี" แกรี, กิลและดิกจิตี้ได้สร้างวงดนตรีทรีโอ ซึ่งมีชื่อว่า "รีซัม ทรีโอ" (Leessam Trio) และได้ปล่อยอัลบั้มในปี 2543 ที่มีชื่อว่า "2000 Korea" ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าวง รีซัม ทรีโอ เป็นวงดนตรีบรรพบุรุษของ รีซัง[8]

ลีซัง (2545-ปัจจุบัน)[แก้]

2545-2547: อัลบั้มที่ 1 ถึง 3[แก้]

เมื่อดิกจิตี้ได้ออกจากวงลีซัม ทรีโอไป กิลและแกรีได้ก่อตั้งวง ลีซัง (ซัง มีความหมายว่า "สอง") ในปี 2545 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2545 ลีซังได้ออกอัลบั้มแรกของพวกเขาคืออัลบั้ม "Leessang of Honey Family" นักร้องหญิง จองอิน มีส่วนร่วมในอัลบั้มแรกของลีซังและกล่าวได้ว่าเสียงของเธอและดนตรีของลีซังกลมกลืนกันได้อย่างดี เพลง "Rush" ได้รับรางวัลดนตรีฮิป-ฮอป จาก Mnet KM Music Video Festival อัลบั้มที่สองของลีซังคือ "재,계발 (Re-development)" ได้ปล่อยออกมาในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2546[9] จองอินก็ยังคงมีส่วนร่วมในอัลบั้มนี้เช่นเดียวกัน แกรีได้แต่งเนื้อเพลงและประพันธ์เพลง "Leessang Blues" เพลงนี้ได้รับการวิจารณ์อย่างชมเชยว่า การผสมกับระหว่างเนื้อเพลงของแกรีกับเสียงแนวจังหวะหนัก ช้าและเศร้าของกิลและช่วงเสียงของจองอินทำให้เพลงมีความกลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์[10] วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 พวกเขาได้ปล่อยอัลบั้มที่ "ยอดเยี่ยม" คือ "Leessang Special" กิลได้ประพันธ์เพลงในขณะที่แกรีมีหน้าที่ในการเขียนเนื้อเพลง อย่างไรก็ตาม แกรีก็ได้เคยทดลองทำมาแล้วกับอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกของดิกจิตี้ เช่นเพลง "Saturday Afternoon" และ "Area of Battle" ซึ่งได้ปล่อยออกมาในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2546

ในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2548 แกรรี่ได้มีส่วนร่วมในเพลงของ บีเอ็มเค คือเพลง "Rainbow" วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ลีซังได้ปล่อยอัลบั้มที่สาม "Library of Soul" ซึ่งมียอดขายกว่า 30,000 แผ่น เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แกรีได้เขียนเนื้อเพลงส่วนกิลมีหน้าที่ประพันธ์ดนตรี ในอัลบั้มนี้มีทั้งหมด 13 เพลง และ 12 เพลงในอัลบั้มติดอันดับเพลงยอดนิยมของ "Max mp3"[11] ลีซังได้บอกว่าเพลง "I'm not really laughing" สร้างจากประสบการณ์ชีวิตจริงของกิล ไม่นานหลังจากที่มีการบอกออกไป เพลงนี้ได้เข้าชิงอันดับ 1 ใน เอสบีเอส อินกิกาโย และได้รับอันดับ 1 บทเว็บไซต์ Cyworld, Nate, และ MelOn แกรีได้มีส่วนร่วมในเพลง "It's Alright" ของวง Dynamic Duo ซึ่งได้ปล่อยออกมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งเพลงนี้ติดอันดับเพลงในหลายชาร์ต นอกจากนี้ แกรียังได้เขียนเนื้อเพลงด้วยตัวเองเมื่อเขาได้มีส่วนร่วมในเพลง "Fire Flower" ของ จัง ฮเยจิน ซึ่งได้ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2549

2550-2553: อัลบั้มที่ 4 ถึง 6[แก้]

ในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ลีซังได้ปล่อยอัลบั้ม "Black Sun" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สี่ของพวกเขา ซึ่งแต่เดิมอัลบั้มนี้มีความตั้งใจว่าจะปล่อยออกมาในเดือนเมษายนแต่อย่างไรก็ตามเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของอัลบั้มจึงทำให้อัลบั้มได้ปล่อยออกมาในเดือนพฤษภาคม แกรีได้บอกว่าทุกเพลงในอัลบั้มนี้มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงในชีวิต เพลง "Ballerino" เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของเขา 5 ปีกับแฟนเก่า นอกจากนี้เพลง "Leessang Blues", "I'm not really laughing" และ "Ballerino" ต่างมีเค้าโครงเรื่องที่สอดคล้องกัน "Leessang Blues" เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความตื่นเต้นของเขาในการพบใครสักคนในชีวิต และเพลง "I'm not really laughing" เกี่ยวกับความเศร้าโศกเสียใจภายหลังจากที่แกรีเลิกกันกับแฟนเก่าของเขา ท้ายสุด "Ballerino" เกี่ยวกับความเสียใจเกี่ยวกับความทรงจำที่ยังเหลืออยู่ภายหลังจากการเลิกกัน[12] ลีซังได้รับรางวัลเพลงยอดเยี่ยมประจำเดือนมิถุนายนจาก Cyworld Digital Music Awards ลีซังได้ปรากฏตัวเป็นดารารับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง "Dachimawa Lee" ซึ่งได้ออกฉายวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สำหรับอัลบั้มที่ห้าของพวกเขา "Baek jeolhyeon" ลีซังได้ทำงานในอัลบั้มนี้นานถึง 2 ปี อัลบั้มนี้ได้ปล่อยออกมาในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552 และเหมือนกันกับทุกอัลบั้มก่อนหน้านี้แกรีมีหน้าที่เขียนเนื้อเพลงและกิลมีหน้าที่ประพันธ์เพลง ในเพลง "Champion" ได้อุทิศแด่ ชเว โยซัม ซึ่งได้เสียชีวิตขณะชกมวยบนเวทีในปี 2551 ซึ่ง ชเว โยซัมเป็นเพื่อนสนิทของกิลตั้งแต่ชกมวยสากลสมัครเล่น แกรียังได้เป็นผู้กำกับในมิวสิกวิดีโอของเพลง Champion ด้วย[13] ในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ลีซังได้ปล่อยอัลบั้มที่หกคือ "Hexagonal" จองอินได้มีส่วนร่วมด้วยในเพลง "Man who cannot break up, Woman who cannot leave" ซึ่งนำไปสู่กับถกเถียงอย่างมากว่าเพลงนี้ลอกความคิดมาจากที่อื่น อย่างไรก็ตาม ลีซังได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่าได้นำบางส่วนของเสียงและเพลงจากที่อื่น มาใช้ใหม่ในเพลงนี้ และเพลงนี้ยังติดชาร์ตอันดับ 1 ในหลายชาร์ตและได้รับเลือกเป็น "เพลงยอดเยี่ยมประจำเดือน" ของ Cyworld นอกจากนี้เพลงยังขึ้นอันดับ 1 เป็นเวลาสามสัปดาห์ติดต่อกันในรายการ เคบีเอส มิวสิคแบงก์ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 เพลง "Lets meet now" ได้แต่งขึ้นร่วมกับวง "Jang Gi-Hwa and Faces" เพลงนี้ได้ถูกนำมาทำใหม่และใช้เป็นเพลงในโฆษณา Fish & Grill ในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552 แกรีได้มีส่วนน่วมในเพลง "Keep the change" ของวง Dynamic Duo และเพลงนี้ยังได้รับรางวัล 2010 Korea Music Award ในสาขาเพลงแร็บและฮิปฮอปยอดเยี่ยม[14]

2553 - ปัจจุบัน: อัลบั้มที่ 7 ถึงปัจจุบัน[แก้]

ภายหลังจากการปล่อยอัลบั้มที่หก แกรีได้เป็นส่วนหนึ่งของรายการวาไรตี้รายการใหม่ "รันนิงแมน" ซึ่งได้ออกฉายตอนแรกในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 แกรีได้เป็นพิธีกรหลักตั้งแต่วันแรกที่ออกอากาศ แม้รายการนี้จะเป็นรายการโทรทัศน์รายการแรกของแกรี แต่เขาก็ยังได้รับรางวัล SBS Variety New Star Award ในปี 2553[15] แกรีได้มีส่วนร่วมในเพลง "Swing" ของ อี ฮโยริ ซึ่งได้ปล่อยออกมาในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553 โดยเพลงได้ขึ้นอันดับ 1 ในหลายชาร์ต นอกจากนั้นแกรียังได้มีส่วนร่วมในเพลงของ คิม จงกุก (พิธีกรร่วมในรายการรันนิงแมน) ในเพลง "Come back to me again" แม้ว่าลีซังจะได้บอกว่าอัลบั้มที่เจ็ดของพวกเขาจะได้ปล่อยออกมาในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 แต่จริงๆแล้วอัลบั้ม AsuRa BalBalTa ได้ออกสู่สาธารณชนในวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ภายหลังจากที่ปล่อยอัลบั้มได้ไม่นาน เพลง "You're The Answer To A Guy Like Me" ของพวกเขาได้ขึ้นอันดับ 1 ในหลายชาร์ต ลีซังยังสามารถพาเพลงของเขาในอัลบั้มทะยานขึ้นสู่ 10 อันดับแรกในชาร์ตเพลง อย่างไรก็ตามลีซังไม่สามารถที่จะแสดงดนตรีบนเวทีเพราะทาง เคบีเอส ได้แบนเพลงของพวกเขาเนื่องจากเนื้อเพลงส่อไปในทางลบมากเกินไป[16] ในปี 2554 ลีซังได้ประกาศทัวร์ทั่วประเทศในชื่อ "Leessang Theatre" และได้รับกระแสตอบรับในทางบวก

อี กวางซูได้แสดงร่วมกับแกรีและคิม จงกุก ซึ่งทั้งแกรีและคิม จงกุกได้มาเป็นนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง "Wonderful Radio" ซึ่งได้ออกฉายในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555 ทั้งคิม จงกุกและอี กวางซูต่างก็เป็นพิธีกรร่วมกันในรายการรันนิงแมน นอกจากนั้น แกรีและยัง ฮีอึนได้ร่วมบรรยายในโฆษณา "For Everyone" ของ โคคาโคลา แกรีได้มีส่วนร่วมในเพลง "Voice" ของ มีรโย(เพื่อนร่วมวงฮันนี่ แฟมิลี), Party Rockและเบ็ก จียอง ซึ่งได้ปล่อยออกมาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ไม่นานนักหลังจากเพลง "Voice" ได้ปล่อยออกมาเพลงได้ขึ้นสู่อันดับ 1 ของ MelOn, Mnet, Bugs, Soribada, และอื่นๆ ถึงแม้ว่าแกรีจะยุ่งอยู่กับการถ่ายรายการโทรทัศน์ แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะทำเพลงร่วมกับกิล ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 ลีซังได้ปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับอัลบั้มที่แปดของเขาออกมาคือ "Unplugged" เช่นเดียวกับชื่อของอัลบั้มลีซังต้องการที่จะสร้างอัลบั้มในคอนเสป ถอดปลั๊ก[17] ก่อนที่อัลบั้มจะปล่อย ลีซังได้ปล่อยออกมาสองเพลงคือ "Hard to be Humble" และ "Learn from you" อัลบั้มได้ปล่อยออกวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ระหว่างช่วงเวลานั้นกิลและแกรีได้เข้าร่วมกับหลากหลายวงดนตรีแสดงคอนเสริต ในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 กิลและแกรีได้มีส่วนร่วมกับเพลงของ ไซ ในเพลง "Seventy Seven 101" ไซ, คิม จินพโยและลีซังได้ร่วมทำงานด้วยกันทั้งหมดในเพลงนี้ ในวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555 แกรีได้รับการรักษาจากโรคหมอนรองกระดูกสันหลังในโรงพยาบาลที่โซล[18] ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวในรายการรันนิงแมน ลีซังได้จัดทัวร์คอนเสริตระหว่างวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555 ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 และในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555 แกรีได้เป็นนายแบบสำหรับงาน Seoul Fashion Week ต่อมาแกรี, คิม จงกุก, อี กวางซูและอี ฮโยริ ได้เป็นแบบร่วมกันสำหรับโฆษณา Galaxy R

ผลงานเพลง[แก้]

  • 《Mr.Gae》, 1th mini album [Solo]
  • 《Leessang Unplugged》, 8th album
  • 《AsuRa BalBalTa》, 7th album
  • 《HEXAGONAL》, 6th album
  • 《Baek-ah-jeul-hyun (伯牙絶絃, 백아절현)》, 5th
  • 《Black Sun》, 4th
  • 《Library Of Soul》, 3rd
  • 《Leessang Special》, Jungin
  • 《Jae, Gyeh-bal (재,계발)》, 2nd
  • 《Lessang Of Honey Family》, 1st

ผลงานทางการแสดง[แก้]

วาไรตี้โชว์[แก้]

ปี รายการ บทบาท สถานีโทรทัศน์
2553-59 รันนิงแมน (런닝맨) อดีตสมาชิก เอสบีเอส
2553 สตรองฮาร์ท รับเชิญ (อีพี 99)

ละคร[แก้]

ปี เรื่อง บทบาท สถานีโทรทัศน์
2555 Emergency Couple คนขับรถแท็กซี่ (รับเชิญ) ทีวีเอ็น
2558 The Girl Who Sees Smells สมาชิกรายการรันนิงแมน (รับเชิญ) เอสบีเอส

ภาพยนตร์[แก้]

ปี เรื่อง บทบาท
2551 ดาชินมาวัน ลี รับเชิญ
2555 วันเดอร์ฟูล เรดิโอ ผู้โดยสารนั่งรถแท็กซี่ (รับเชิญ)

รางวัล[แก้]

ปี ประเภท รางวัล ผล
2553 Variety New Star Award SBS Entertainment Award ชนะ
2555 Excellence award SBS Entertainment Award ชนะ

อ้างอิง[แก้]

  1. http://citydaily.co.kr/view_article.php?news_id=86635[ลิงก์เสีย]
  2. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-10. สืบค้นเมื่อ 2013-02-15.
  3. http://sports.donga.com/3/all/20111005/40834947/2
  4. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-10. สืบค้นเมื่อ 2013-02-15.
  5. http://news.naver.com/main/read.nhn?mode=LSD&mid=sec&sid1=106&oid=213&aid=0000018272
  6. http://www.maxmp3.co.kr/artist/51272[ลิงก์เสีย]
  7. http://news.kukinews.com/article/view.asp?page=1&gCode=kmi&arcid=0921460050&cp=nv
  8. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-20. สืบค้นเมื่อ 2013-02-15.
  9. http://music.naver.com/album/index.nhn?albumId=3009
  10. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-10. สืบค้นเมื่อ 2013-02-23.
  11. http://news.naver.com/main/read.nhn?mode=LSD&mid=sec&sid1=106&oid=112&aid=0000018723
  12. http://www.segye.com/Articles/Spn/Entertainments/Article.asp?aid=20070619002166&ctg1=04&ctg2=&subctg1=04&subctg2=&cid=0101060400000&dataid=200706191023000038
  13. http://www.newsen.com/news_view.php?uid=201106261418521001
  14. http://www.newsen.com/news_view.php?uid=201003091125501002
  15. http://www.newsen.com/news_view.php?uid=201012302112211001
  16. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-27. สืบค้นเมื่อ 2013-02-23.
  17. http://www.hiphopplaya.com/magazine/article/view.html?category=rcmd&category2=&mode=basic&page=1&sort=&num=9255&keyfield=&key=
  18. http://news.heraldcorp.com/view.php?ud=20120905000079&md=20120908003641_D

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]