ไก่ฟ้าหลังเทา
ไก่ฟ้าหลังเทา | |
---|---|
ตัวผู้ | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Galliformes |
วงศ์: | Phasianidae |
วงศ์ย่อย: | Phasianinae |
สกุล: | Lophura |
สปีชีส์: | L. leucomelanos |
ชื่อทวินาม | |
Lophura leucomelanos (Latham, 1790) |
ไก่ฟ้าหลังเทา (อังกฤษ: Kalij pheasant; ชื่อวิทยาศาสตร์: Lophura leucomelanos) เป็นไก่ฟ้าที่พบในป่าทึบโดยเฉพาะในตีนเขาของเทือกเขาหิมาลัย จากแม่น้ำสินธุไปทางตะวันตกจนถึงไทย มันถูกนำเข้าสู่รัฐฮาวาย (แต่ค่อน ข้างหายาก) ที่นั่นมันจัดเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่กินและแพร่กระจายพืชชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ตัวผู้มีขนหลากหลายขึ้นกับชนิดย่อย แต่อย่างน้อยก็มีสีขนดำออกฟ้า ขณะที่เพศเมียเป็นสีน้ำตาลทั้งตัว ทั้งสองเพศมีหนังสีแดงที่หน้า ขาออกเทา[2] ชนิดย่อยทางตะวันออก 3 ชนิด (oatesi, lineata และ crawfurdi) กำลังถูกคุกคามและ moffitti ซึ่งไม่ทราบสถานะแน่ชัด[2]
อนุกรมวิธาน
[แก้]ไก่ฟ้าหลังเทาเป็นญาติใกล้ชิดกับไก่ฟ้าหลังขาวและมีลูกผสมที่เกิดจากไก่ฟ้าทั้งสองชนิด[3] การจัดวางทางอนุกรมวิธานของ lineata และ crawfurdi ยังคงเป็นที่โต้เถียงกันว่ามันควรจัดเป็นชนิดย่อยของไก่ฟ้าหลังเทา[2] หรือไก่ฟ้าหลังขาว[4] มันมีขาสีเทาเหมือนไก่ฟ้าหลังเทาแต่มีชุดขนคล้ายกับไก่ฟ้าหลังขาว เหตุผลหนึ่งที่ควรจัดเป็นชนิดย่อยของไก่ฟ้าหลังขาวคือ lineata และ crawfurdi พบทางตะวันออกของแม่น้ำอิระวดี จากเครื่องแบ่งทางสัตววิทยาแล้ว ชนิดย่อยอื่นของไก่ฟ้าหลังเทาพบทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ (oatesi ชนิดย่อยของไก่ฟ้าหลังเทามีรายงานว่าพบทางตะวันออกของแม่น้ำ[2] แต่ไม่ถูกต้อง[5]) บนพื้นฐานของ mtDNA เมื่อเร็วๆนี้ ช่วยยืนยันว่า lineata และ crawfurdi ควรเป็นชนิดย่อยของไก่ฟ้าหลังเทา[6]
ลักษณะ
[แก้]ตัวผู้ยาว 63-74 ซม. ตัวเมียยาว 50-60 ซม.[2] ลำตัวกลม ชนิดย่อยแบ่งได้เป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก (hamiltoni, leucomelanos, melanota, moffitti และ lathami) พบทางตะวันตกและตอนกลางของพิสัยการกระจายพันธุ์ กลุ่มที่สอง (williamsi, oatesi, lineata และ crawfurdi) พบทางตะวันออก ในตัวผู้กลุ่มแรก มีขนสีดำ-น้ำเงินเหลือบ ตะโพกขาวหรือส่วนล่างขาว ชนิด hamiltoni กระหม่อมขาว (ชนิดอื่นสีดำ-น้ำเงิน) ในกลุ่มที่สองส่วนล่างและกระหม่อมสีดำ-น้ำเงินเหลือบ หางและส่วนบนสีขาว (หรือสีเทาจางๆ) ปนกับขนแน่นเป็นคลื่นสีดำ[2]
ตัวเมียสีออกน้ำตาล ส่วนล่างมีแต้มขาวสลับดำ ส่วนอื่นๆขนคล้ายเป็นเกล็ด[2]
พฤติกรรม
[แก้]อาหาร
[แก้]อาหารได้แก่ แมลง ตัวหนอน ไส้เดือน สัตว์ขนาดเล็ก และเมล็ดพืชบางชนิด เช่นขุยไผ่ เมล็ดหญ้า ผลไม้สุก
การสืบพันธุ์
[แก้]ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม ทำรังตามแอ่งบนพื้นดินใต้กอไม้รกๆ รองรังด้วยใบหญ้าแห้ง วางไข่ครั้งละ 6 - 9 ฟอง ไข่มีตั้งแต่สีครีมจนถึงสีเนื้อแกมแดง ใช้เวลาฟักไข่ 24 -25 วัน โดยตัวเมียฟักไข่เพียงตัวเดียว ลูกนกแรกเกิดมีขนอุยปกคลุมทั่วตัว หลังออกจากไข่ 3 - 4 ชั่วโมง หรือเมื่อขนแห้งก็จะเดินตามแม่ไปหาอาหารได้[7]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ BirdLife International (2009). Lophura leucomelanos. In: IUCN 2009. IUCN Red List of Threatened Species. Downloaded on 22 March 2009.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 McGowan, P. J. K. (1994). Kalij Pheasant (Lophura leucomelanos). pp. 533 in: del Hoyo, J, A. Elliott, & J. Sargatal (1994). Handbook of the Birds of the World. Vol. 2. New World Vultures to Guineafowl. Lynx Edictions. ISBN 84-87334-15-6
- ↑ MacKinnon, J., & K. Phillipps (2000). A Field Guide to the Birds of China. Oxford University Press. ISBN 0-19-854940-5
- ↑ McGowan, P. J. K., A. L. Panchen (1994). Plumage variation and geographical distribution in the Kalij and Silver Pheasants. Bulletin of the British Ornithologists' Club. 114: 113-123.
- ↑ Robson, C. (2000). A Field Guide to the Birds of South-East Asia. New Holland Publishers. ISBN 1-85368-313-2
- ↑ Moulin, S., E. Randi, C. Tabarroni, & A. Hennache (2003). Mitochondrial DNA diversification among the subspecies of the Silver and Kalij Pheasants, Lophura nycthemera and L. leucomelanos, Phasianidae. Ibis 145: E1-E11
- ↑ ไก่ฟ้าหลังเทา องค์การสวนสัตว์
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Lophura leucomelanos ที่วิกิสปีชีส์