โป๊กเกอร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เท็กซัส โฮลเอ็ม โป๊กเกอร์ การเล่นโป๊กเกอร์แบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม

โป๊กเกอร์ (อังกฤษ: poker) เป็นเกมไพ่ที่มีผู้เล่นนิยมเล่นมากที่สุดอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากความไม่ซับซ้อน และประกอบกับการที่ต้องใช้ความคิดในการประกอบการตัดสินใจ ดังนั้นจึงเกิดอาชีพนักเล่นโป๊กเกอร์มืออาชีพขึ้นในหลายประเทศในยุโรปและอเมริกา รวมทั้งมีการจัดการแข่งขันเวิลด์ซีรีส์ (อังกฤษ: WSOP) ซึ่งผู้ชนะจะได้รับรางวัลเป็นสร้อยข้อมือเวิลด์ซีรีส์ และเงินรางวัลกลับบ้านอย่างน้อย 1 ล้านเหรียญ

จึงสามารถกล่าวได้ว่าโป๊กเกอร์เป็นเกมที่อาศัยทั้งโชค ศาสตร์แห่งความน่าจะเป็น จิตวิทยา และความเชี่ยวชาญในการเล่นเพื่อที่จะได้กำไรในการเล่นก็ว่าได้ ในบทความนี้ ขอกำหนดคำย่อไว้ดังนี้ (เป็นคำย่อสากล ของผู้ที่ศึกษาและเล่นโป๊กเกอร์) A คือ Ace (เอซ) K คือ คิง Q คือ ควีน หรือ แหม่ม J คือ แจ๊ค T คือ สิบ และอันดับของไพ่ในโป๊กเกอร์จากมากไปหาน้อยจะเรียงได้จาก A K Q J T 9 8 7 6 5 4 3 2 โดย A สามารถแทนเลข 1 ได้เหมือนกัน

ประวัติ[แก้]

มีหลายเรื่องราวเกี่ยวกับไพ่โป๊กเกอร์ และยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ริเริ่มเกมไพ่โป๊กเกอร์ แต่เรื่องราวที่เป็นที่ยอมรับคือ โป๊กเกอร์เป็นส่วนนึงในเกมการพนันอื่น แล้วดัดแปลงมาเป็นเกมไพ่โป๊กเกอร์ในปัจจุบัน

หลายคนเชื่อว่า โป๊กเกอร์ เริ่มต้นมาจากประเทศจีน ช่วง ค.ศ. 900 เหมือน ๆ กับเกมกาสิโนชนิดอื่น ๆ คนจีนเริ่มต้นคิดค้นหลักการเล่นโป๊กเกอร์โดยเริ่มจากการเล่นโดมิโน่โดยการทำสัญลักษณ์ไว้ที่ไม้ชิ้นเล็ก ๆ ต่อมา จักรพรรดิ มู ซุง เริ่มต้นคิดค้นไพ่โดมิโน่เป็นคนแรกในปี ค.ศ. 969 และ จากหลักฐานทางประวิติศาสตร์แล้ว เชื่อว่านี่คือเกมไพ่โป๊กเกอร์ครั้งแรกของโลก และในอีกมุมนึงของโลก ที่ประเทศเยอรมัน ก็มีเกมที่เรียกว่า “Poshspiel” คล้ายกับการเล่นโป๊กเกอร์เหมือนกัน และมีอีกนึงทฤษฏี เชื่อว่าการเล่นโป๊กเกอร์มาจากประเทศอินเดีย เป็นเกมไพ่ที่เรียกว่า “Ganjifa” ก็มีกฏกติกาคล้ายการเล่นโป๊กเกอร์เหมือนกัน

สุดท้ายแล้ว ความเชื่อที่มีหลักฐานใกล้เคียงกันปัจจุบันมากที่สุด คือ ไพ่โป๊กเกอร์ เริ่มต้นที่ประเทศฝรั่งเศส จากเกมที่มีชื่อว่า “Pogue” เป็นเกมไพ่ที่เริ่มต้นเล่นใน ศตวรรษที่ 15 และมีจำนวนไพ่เริ่มต้นเหมือนในปัจจุบัน คือ 52 ใบ และ มีดอกเหมือนกัน 4 ดอก และมันเป็นเกมไพ่ที่ต้องใช้ความคิด มีการวางเดิมพัน และ มีการลักไก่ (Bluff) เหมือนเกม ไพ่โป๊กเกอร์ในปัจจุบัน

หลังจากนั้นเกมไพ่นี้ก็ได้เริ่มเผยแพร่ไปถึงประเทศแคนาดาและสหรัฐในศตวรรษที่ 17 จนกระทั่งเกมไพ่นี้เริ่มเป็นที่โด่งดังมากที่สุดในศตวรรษที่ 18 ในเมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐ โดยเป็นเกมที่ทหารอเมริกันเล่นเดิมพันกันในเวลาว่างระหว่างสงครามโลก หลังจากในปี ค.ศ. 1834 ชาวอเมริกันก็ได้เปลี่ยนชื่อเกมไพ่ชนิดนี้ เป็นเกมไพ่โป๊กเกอร์ และ คนที่เป็นผู้ริเริ่มชื่อใหม่ คือ Jonathan H Green คนนี้คือผู้ที่ทำให้เกมไพ่โป๊กเกอร์เป็นโด่งดังในสหรัฐ

อันดับของไพ่ (Hand Rankings)[แก้]

ความแข็งแกร่งของไพ่จะเรียงจากมากไปหาน้อย (บนลงล่าง)

ตัวอย่าง คำอธิบาย โอกาส
รอยัลสเตรทฟลัช (Royal Straight Flush)

ไพ่ที่ประกอบด้วย 10,J,Q,K,A ที่มีดอกเดียวกัน ดอกใดก็ได้ (ทุกสีมีค่าเท่ากันไม่มีสีใดใหญ่กว่า)

0.00015%
สเตรทฟลัช หรือเรียงสี (Straight Flush)

คือไพ่ 5 ใบ ที่เรียงลำดับกัน และมีดอกเดียวกัน

0.0015%
โฟร์การ์ด (Four of a kind)

ไพ่ที่มีแต้มเท่ากัน 4 ใบ (ชื่อเล่น : Quad)

0.024%
ฟูลเฮ้าส์ (Full House)

(ตองคู่) ประกอบด้วยตอง และคู่ หากแต้มเท่ากันให้นับตองก่อน ตามด้วยแต้มคู่

0.14%
ฟลัช หรือสี (Flush)

ไพ่ที่มีดอกเดียวกัน 5 ใบ ในกรณีที่มีฟลัชมากกว่า 1 คนให้นับใบที่มากที่สุด (ถือว่าเป็นตัว Kicker)

0.20%
สเตรท หรือเรียง (Straight)

ไพ่ดอกใดก็ได้ที่มีแต้มเรียงลำดับต่อกัน 5 ใบ (Note:เรียงต่ำที่สุดคือ 5 4 3 2 A และเรียงสูงที่สุดคือ A K Q J T) ในกรณีที่มีเรียงเหมือนกันมากกว่า 1 คน ให้นับจากใบที่มากที่สุด (ถือว่าเป็นตัว Kicker) หมายเหตุ : A (เอซ) เป็นได้ทั้งต่ำสุดและสูงสุด

0.39%
ตอง (Three of a kind)

ไพ่ที่มีแต้มเท่ากัน 3 ใบ (Note:หากมีตองแต้มเท่ากัน ให้นับตัว Kicker 2 ตัว เช่น 444KJ จะชนะ 444J3) (ชื่อเล่น : Trips, Triple)

2.1%
2 คู่ (Two pair)

มีคู่ 2 คู่ (Note:กรณีที่ 1 หากมีสองคู่เหมือนกัน ให้นับตัวที่มากที่สุดก่อน เช่น AAJJ5 ชนะ JJ553) (กรณีที่ 2: คู่ที่มากที่สุดเหมือนกันให้นับตัวถัดไป เช่น KK99J ชนะ KK22A) (กรณีที่ 3: มีคู่เหมือนกันทั้งสองคู่ นับตัว Kicker 1 ตัว เช่น AAKKQ ชนะ AAKKJ)

4.75%
1 คู่ (One pair)

ไพ่ที่มี 1 คู่ (Note:หากมีไพ่คู่ตัวเดียวกัน ให้นับตัว Kicker เช่น AAK65 ย่อมชนะ AAQ65)

42%
ไพ่สูง (High card)

หากไม่มีอะไรที่ว่ามา ให้นับไพ่ใบสูงที่สุด ใครมีไพ่สูงที่สุดชนะ (หากไพ่สูงที่สุดตัวแรกเท่ากันให้นับตัวที่สอง หากตัวที่สองเท่ากันอีก ให้แบ่งเงินกองกลาง)

50%