เหตุกราดยิงขบวนรถพลเรือนในกูปิยันสก์

พิกัด: 49°39′24.4″N 37°44′51.2″E / 49.656778°N 37.747556°E / 49.656778; 37.747556
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหตุกราดยิงขบวนรถพลเรือนในกูปิยันสก์
เป็นส่วนหนึ่งของการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย พ.ศ. 2565
ผู้เสียชีวิตและรถยนต์ที่เสียหายจากการถูกยิงและเผา
แผนที่
จุดเกิดเหตุกราดยิงระหว่างหมู่บ้านกูรือลิวกากับหมู่บ้านปิชชาแนเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม นิคมกิวชาริวกา ที่ซึ่งผู้รอดชีวิต 7 คน (รวมเด็ก 2 คนซึ่งพ่อแม่เสียชีวิต) หนีการกราดยิงไปซ่อนตัว
สถานที่ถนนเลียบทางรถไฟที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้านกูรือลิวกากับหมู่บ้านปิชชาแน เขตกูปิยันสก์ แคว้นคาร์กิว ยูเครน
พิกัด49°39′24.4″N 37°44′51.2″E / 49.656778°N 37.747556°E / 49.656778; 37.747556
วันที่25 กันยายน พ.ศ. 2565
ประมาณ 09:00 น. (UTC+3)[2]
เป้าหมายพลเรือน
ประเภทการกราดยิงหมู่
อาวุธกระสุนระเบิดแรงสูงขนาด 30 และ 45 มม. รวมถึงลูกระเบิดโวก-17 และโวก-25
ตาย26 คน (รวมเด็ก 13 คนและหญิงมีครรภ์ 1 คน)[3]
เจ็บอย่างน้อย 3 คน (รวมเด็ก 2 คน)[4][5]
ผู้ก่อเหตุ กองทัพรัสเซีย

เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565 ระหว่างการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย กองทัพรัสเซียได้กราดยิงขบวนรถพลเรือนยูเครนบนถนนสายเชื่อมระหว่างหมู่บ้านกูรือลิวกากับหมู่บ้านปิชชาแน ใกล้เมืองกูปิยันสก์ แคว้นคาร์กิว ประเทศยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน ครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็ก

ในช่วงเวลานั้นถนนสายดังกล่าวอยู่ใน "พื้นที่สีเทา"[6][7] ทหารยูเครนไม่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้จนกระทั่งวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565

ภูมิหลัง[แก้]

หมู่บ้านกูรือลิวกาตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองกูปิยันสก์ซึ่งถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เพียงสามวันหลังจากเริ่มรุกรานยูเครน[8] พื้นที่บริเวณนี้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน จนกระทั่งในช่วงปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 กองทัพยูเครนเปิดฉากรุกโต้ตอบเพื่อปลดปล่อยดินแดนที่รัสเซียยึดครองในแคว้นคาร์กิว ซึ่งรวมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองกูปิยันสก์และพื้นที่โดยรอบ

การยิงโต้ตอบกันระหว่างกองกำลังรัสเซียกับกองกำลังยูเครนรุนแรงขึ้น อีกทั้งกองกำลังรัสเซียยังใช้กลยุทธ์ผลาญภพระหว่างหลบหนีการรุกคืบของกองกำลังยูเครน[9][10] ชาวบ้านกูรือลิวกาส่วนหนึ่งจึงตัดสินใจอพยพออกจากพื้นที่ ตลอดเวลาหลายเดือนชาวบ้านใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากสัญญาณโทรทัศน์หรือสัญญาณโทรศัพท์[9] ท่ามกลางหมอกสงคราม พวกเขาเห็นว่าทางเลือกที่น่าจะปลอดภัยที่สุดคือการเดินทางย้อนเข้าไปในพื้นที่ที่รัสเซียยึดครอง[8] จากนั้นค่อยแยกย้ายกันไปตามจุดหมายของแต่ละครอบครัวหรือบุคคล[9] โดยใช้ถนนสายหนึ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นเส้นทางเดียวที่ยังใช้การได้ เนื่องจากหมู่บ้านกูรือลิวกามีลำน้ำและหนองน้ำขนาบอยู่และสะพานข้ามลำน้ำที่ถนนสายอื่นถูกทำลายหมด คนในท้องถิ่นคนหนึ่งรับหน้าที่จัดขบวนอพยพโดยเก็บเงินจากผู้ที่ต้องการอพยพคนละ 6,000 ฮรึวญา[8] และวางแผนออกเดินทางในวันที่ 25 พฤษภาคม

ในวันที่ 27 กันยายน กองทัพยูเครนปลดปล่อยนิคมกูปิยันสก์-วุซลอวึยและหมู่บ้านใกล้เคียงได้สำเร็จ[11] สามวันต่อมา ในวันที่ 30 กันยายน ทหารยูเครนพบศพพลเรือนหลายศพที่บริเวณรอบนอกหมู่บ้านกูรือลิวกา ศพอยู่ในรถเก๋ง 6 คันและรถมินิบัส 1 คันซึ่งถูกยิงและถูกเผาระหว่างเดินทางมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านปิชชาแน[12]

การโจมตี[แก้]

หลังจากที่สื่อยูเครนเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการพบร่างผู้เสียชีวิตออกไป พยานในเหตุการณ์ 7 คนที่หนีรอดไปยังนิคมกิวชาริวกาก็ออกมาแสดงตัวและให้ข้อมูล ตามคำให้การของพวกเขา ในเช้าวันที่ 25 กันยายน ขบวนอพยพของพวกเขาซึ่งประกอบด้วยรถเก๋ง 6 คันและรถมินิบัส 1 คัน พร้อมด้วยพลเรือน 48 คน ออกจากหมู่บ้านกูรือลิวกาโดยใช้ถนนเลียบทางรถไฟ มุ่งหน้าไปทางเมืองสวาตอแวในแคว้นลูฮันสก์ซึ่งถูกรัสเซียยึดครองอยู่[9] ที่ท้ายรถมินิบัสมีป้ายเขียนติดไว้ว่า "เด็ก"[9]

เมื่อขบวนรถมาถึงจุดเกิดเหตุในเวลาประมาณ 09:00 น. รถคันหน้าสุดของขบวนถูกซุ่มยิงจากข้างทางโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า จากนั้นรถคันอื่น ๆ ก็ถูกระดมยิงด้วยลูกกระสุนและลูกระเบิด หลังการยิงชุดแรกสงบลง ผู้โดยสารที่รอดชีวิตรีบหนีออกจากรถแล้วคลานเข้าไปหลบหลังคันดินข้างทางรถไฟ สักพักพวกเขาได้ยินเสียงยานพาหนะเคลื่อนตัวจึงพากันคลานเข้าไปซ่อนในดงไม้[8] แต่กลุ่มผู้โจมตีเริ่มยิงใส่พวกเขาต่อ ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งเล่าว่า "เรารู้สึกว่ามันไล่ตามเรามา"[8] จากดงไม้ริมทางรถไฟนั้น พวกเขาเดินย้อนกลับไปทิศทางเดิมโดยพยายามซ่อนตัวให้พ้นจากยานพาหนะของกลุ่มผู้โจมตีซึ่งยังคงตามล่าพวกเขา[9]

ผู้เสียชีวิต[แก้]

ระหว่างการกราดยิง ผู้อพยพในขบวนอีก 22 คนรอดชีวิตไปได้[13] ในจำนวนนี้มีเด็กชายอายุ 1 ขวบ และเด็กหญิงอายุ 5 ขวบครึ่ง แต่พ่อแม่ของทั้งสองเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ[14] ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 24 คน ในจำนวนนี้มีเด็ก 13 คน และหญิงมีครรภ์ 1 คน จากการตรวจสอบเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ยูเครน พบศพผู้เสียชีวิตอีกศพหนึ่ง เป็นหญิงอายุ 75 ปีซึ่งคลานหนีเข้าไปในดงไม้ได้ประมาณ 200 เมตร ก่อนจะเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ[15] ต่อมาในวันที่ 17 ตุลาคม พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ศพ เป็นชายอายุ 19 ปีซึ่งเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บกลางทางเดินในดงไม้หลังจากหนีออกจากจุดเกิดเหตุไปได้ 1.5 กิโลเมตร[14] ทางการยูเครนสรุปยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงครั้งนี้ไว้ที่ 26 คน[14] ผู้เสียชีวิต 12 คนได้รับการระบุตัวตนภายในวันที่ 20 ตุลาคม[13][16]

การสืบสวน[แก้]

หลักฐานทางกายภาพบางส่วน (ร่างผู้เสียชีวิตและรถยนต์) ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศส พวกเขาพบร่องรอยของการใช้กระสุนระเบิดแรงสูงขนาด 30 มิลลิเมตร และ 45 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับลูกระเบิดโวก-17 และโวก-25[17] ออแลกซันดร์ ฟิลชากอว์ อัยการแคว้นคาร์กิว กล่าวว่าชิ้นส่วนกระสุนที่พบในจุดเกิดเหตุเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในปืนกลหนักที่ติดตั้งบนยานพาหนะหุ้มเกราะของรัสเซีย[17]

อีฮอร์ ชุบ อัยการอีกคนหนึ่งของแคว้นคาร์กิว กล่าวว่าพยานผู้รอดชีวิตต่างให้การสอดคล้องกันว่าทิศทางการยิงมาจากแนวรบฝั่งที่กองกำลังรัสเซียยึดครองอยู่[9] นอกจากนี้ พยานหลายคนยังย้ำว่าก่อนที่ขบวนรถจะไปถึงจุดเกิดเหตุ พวกเขาได้ผ่านด่านตรวจของทหารรัสเซียมาแล้ว 2 ด่านหรือมากกว่านั้น ซึ่งบ่งชี้ว่าบริเวณจุดเกิดเหตุในขณะนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย[9]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Російські окупанти обстріляли цивільну колону біля Куп'янська — військовий". Суспільне | Новини (ภาษายูเครน). Suspilne. 2022-09-30. สืบค้นเมื่อ 23 October 2022.
  2. Федоркова, Тетяна (1 October 2022). "Російський обстріл колони під Куп'янськом на Харківщині: свідчення однієї з уцілілих". Суспільне | Новини (ภาษายูเครน). Suspilne. สืบค้นเมื่อ 23 October 2022.
  3. Федоркова, Тетяна (18 October 2022). "Слідчі знайшли ще одного загиблого від російського обстрілу колони під Куп'янськом і двох уцілілих дітей". Суспільне | Новини (ภาษายูเครน). Suspilne. สืบค้นเมื่อ 23 October 2022.
  4. Солодовнік, Марія (4 October 2022). "Розстріл колони під Куп'янськом: люди, які вижили, розказали про напад та свій порятунок". Суспільне | Новини (ภาษายูเครน). Suspilne. สืบค้นเมื่อ 23 October 2022.
  5. "Двох дітей, які вижили під час розстрілу колони під Куп'янськом, вдалося повернути додому. Ще двоє залишаються в руках окупантів" (ภาษายูเครน). Gordon.ua. 19 October 2022. สืบค้นเมื่อ 24 October 2022.
  6. "RUSSIAN OFFENSIVE CAMPAIGN ASSESSMENT, SEPTEMBER 10" (ภาษาอังกฤษ). Institute for the Study of War. September 10, 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-03-25. สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
  7. "Обстріл автоколони на Харківщині: 24 загиблих, серед них вагітна і 13 дітей" [Shelling of a motorcade in Kharkiv Region: 24 dead, including a pregnant woman and 13 children]. Ukrainska Pravda (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
  8. 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 Palikot, Aleksander; Skove, Sam (October 6, 2022). "In Eastern Ukraine, Survivors Of A Deadly Ambush Recall Their Desperate Escape". Radio Free Europe/Radio Liberty. สืบค้นเมื่อ December 10, 2022.
  9. 9.0 9.1 9.2 9.3 9.4 9.5 9.6 9.7 Vlasenko, Anna (November 10, 2022). "On Ukraine backroad, children's bodies and wreckage of civilian convoy shelled by Russians". Global News. สืบค้นเมื่อ December 10, 2022.
  10. "Знищена краса: Іоанно-Богословська церква в селі Курилівка на Куп'янщині" (ภาษายูเครน). Слобідський край. Хронограф. 16 October 2022.
  11. "На Харківщині звільнили Куп'янськ-Вузловий, ще 6% області – під окупацією" [In Kharkiv region, Kupyansk-Vuzlovy was liberated, another 6% of the region is under occupation]. Ukrainska Pravda (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
  12. Fedorkova, Tatyana (September 30, 2022). "Російські окупанти обстріляли цивільну колону біля Куп'янська — військовий" [Russian occupiers fired at a civilian convoy near Kupyansk — a military one]. Suspilne.
  13. 13.0 13.1 "Розстріл автоколони під Куп'янськом: ідентифікували 12 із 26 жертв" [Shooting of a motorcade near Kupyansk: 12 out of 26 victims have been identified]. Ukrinform (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
  14. 14.0 14.1 14.2 ""Пройшов 1,5 км та помер": правоохоронці виявили 26 жертву розстрілу колони на Харківщині" ["Walked 1.5 km and died": law enforcement officers found the 26th victim of the convoy shooting in the Kharkiv region]. Новини України - #Букви. 18 October 2022. สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
  15. "Знайдено 25 жертву розстрілу автоколони на Харківщині: літня жінка проповзла 200 м". Українська Правда. 12 October 2022.
  16. "Знайдено 25 жертву розстрілу автоколони на Харківщині: літня жінка проповзла 200 м" [The 25th victim of the motorcade shooting in Kharkiv region was found: an elderly woman crawled 200 miles]. Ukrainska Pravda (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
  17. 17.0 17.1 "Експерти визначили, з якої зброї окупанти розстріляли колону на Харківщині" [Experts have determined with which weapon the occupiers shot the convoy in the Kharkiv region]. Ukrainska Pravda (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.