เรื่องจริงช็อคโลก
เรื่องจริงช็อคโลก | |
---|---|
![]() โปสเตอร์ภาพยนตร์ | |
กำกับ | เดวิส กุกเกนไฮม์ |
เขียนบท | อัล กอร์ (ดำเนินรายการ) |
อำนวยการสร้าง | ลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ สกอตต์ Z.เบิร์นส์ ลอรี่ เดวิด ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์, ไลน์โปรดิวเซอร์: เลสลี่ย์ ชิลคอทท์ บริหารฝ่ายผลิต: เจฟฟรี่ย์ D.ไอเวอร์ส เจฟฟ์ สกอล์ล ริคกี้ สตรัสส์ ไดแอน ไวเยอร์แมน |
นักแสดงนำ | อัล กอร์ |
กำกับภาพ | เดวิส กุกเกนไฮม์ บ็อบ ริชแมน |
ตัดต่อ | เจ แคสสิดี แดน ชเวทลิค |
ดนตรีประกอบ | ไมเคิล บรูค |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | พาราเมาท์คลาสสิค |
วันฉาย | 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 |
ความยาว | 94 นาที |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | +1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ[1] |
ทำเงิน | 49,047,567 ดอลลาร์สหรัฐ (ทั่วโลก) |
เรื่องจริงช็อคโลก (อังกฤษ: An Inconvenient Truth) เป็นรายการสารคดีเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ที่ดำเนินการนำเสนอโดย อัล กอร์ ซึ่งเป็นอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปีพ.ศ. 2550
เนื้อหา
[แก้]เนื้อหามุ่งเน้นไปยัง อัล กอร์ ผู้เดินทางรวบรวมข้อมูลที่โลกได้รับผลกระทบจากวิกฤติสิ่งแวดล้อม เขาได้กล่าวว่า "ผมได้ลองบอกเรื่องราวเหล่านี้มาเป็นเวลาที่ยาวนานมากแล้ว และผมก็รู้สึกว่าผมล้มเหลวในการส่งข้อความที่พึงตระหนักมาโดยตลอด"[2] ภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ได้ใช้คีย์โน้ตในการนำเสนอ (และมีการพากย์ประกอบการฉายสไลด์) โดยอัล กอร์ได้นำเสนอถึงวิกฤตการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในส่วนต่างๆของโลก เขาได้พยากรณ์ถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และหายนะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กระแสตอบรับ
[แก้]บอกซ์ออฟฟิซ
[แก้]ภาพยนตร์ชุดนี้ได้เปิดตัวในนิวยอร์กและลอสแอนเจลิสในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 ในวันหยุดเมโมเรียลเดย์ ภาพยนตร์ชุดนี้สามารถทำรายได้เฉลี่ย 91447 ดอลลาร์สหรัฐต่อโรงภาพยนตร์ ถือเป็นภาพยนตร์สารคดีที่ทำเงินได้มากที่สุดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ประจำปี ค.ศ. 2006 ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับการปรบมือให้การยอมรับอย่างเต็มที่ถึงสามรอบ[3] และยังได้จัดฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี ค.ศ. 2006 [4] รวมไปจนถึงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเดอร์แบน เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2006 ด้วย[5] นอกจากนี้ ภาพยนตร์ เรื่องจริงช็อคโลก ยังประสบความสำเร็จในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติบริสเบนด้วยเช่นกัน[6]
ภาพยนตร์ชุดนี้ ทำรายได้รวม 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอเมริกา และเกินกว่า 49 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากทั่วโลก และเป็นภาพยนตร์สารคดีที่ทำรายได้รวมสูงสุดเป็นอันดับห้าของโลก (นับจากช่วงปี ค.ศ. 1982 ถึงปัจจุบัน)[7]
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รางวัล
[แก้]ภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ได้รับรางวัลจากทั่วโลก โดยในปีค.ศ. 2007 ได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม[8] และ สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม "I Need to Wake Up"[9] จึงถือเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ถึง 2 สาขา และยังเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกที่ได้รางวัลสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม[10][11]
ภายหลังจากที่ได้รางวัลออสการ์ในปีค.ศ. 2007 แล้ว[12]ทางออสการ์ ยังได้มอบรางวัลแด่ผู้กำกับ กุกเกนไฮม์ ผู้ถึงสอบถามอัล กอร์ถึงการเข้าร่วมเป็นสมาชิกในการทำงานร่วมกัน กอร์ ได้กล่าวสุนทรพจน์ว่า :
"สหายผู้เป็นที่รักชาวอเมริกัน, ประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ต่างๆทั่วโลก, ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมกันช่วยแก้ไขวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการเมือง; แต่มันเป็นเรื่องทางศีลธรรม เราได้รับทุกสิ่งที่ควรค่าแก่การเริ่มต้น, ซึ่งเป็นไปได้ที่จะได้รับการยกเว้นในการปฏิบัติ แม้ทรัพยากรบางอย่างอาจนำมาใช้ได้อย่างจำกัด แต่ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มต้นลดวิกฤติเหล่านี้กันใหม่ได้"[13]
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษา
[แก้]ในหลายๆสถาบันไฮสคูลและในหลายวิทยาลัยได้เริ่มนำภาพยนตร์ชุดนี้มาประกอบการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์[14] ในเยอรมนี รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของเยอรมันได้จัดซื้อดีวีดีจำนวน 6,000 ชุด สำหรับใช้ประโยชน์ในโรงเรียนต่างๆของเยอรมนี,[15] ในสเปน ภายหลังจากการที่นายกรัฐมนตรีโฆเซ ลุยส์ โรดรีเกซ ซาปาเตโรได้พูดคุยกับอัลกอร์แล้วก็มีแนวคิดที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในโรงเรียน, ในเบอร์ลิงตัน รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ทาง Halton District School Board ได้นำภาพยนตร์ชุดนี้มาใช้ประโยชน์ในโรงเรียน และใช้เพื่อประกอบการวิจัยด้วยเช่นกัน
ในสหราชอาณาจักร
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ในสหรัฐอเมริกา
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ในประเทศไทย
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "On a Bender: A chat with Inconvenient Truth co-producer and Hollywood bigwig Lawrence Bender". Grist.org. 2007-03-06. Retrieved 2007-03-07.
- ↑ Revkin, Andrew. "'An Inconvenient Truth': Al Gore's Fight Against Global Warming". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2009-11-02.
- ↑ On Fire at Sundance เก็บถาวร 2011-05-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Reuters. Retrieved 2009-10-29.
- ↑ An Inconvenient Truth, Festival de Cannes. Retrieved 2009-10-29.
- ↑ Durban International Film Festival Artsmart. Retrieved 2009-10-29.
- ↑ BIFF exceeds all expectations (Adobe Reader format). St. George Brisbane International Film Festival. Retrieved 2007-01-10.
- ↑ Documentary Movies Box Office Mojo. Retrieved 2007-06-09.
- ↑ "Hudson wins supporting actress Oscar". CNN. 2007-02-25.
- ↑ "Oscar Night: Winner: Music (Song)". Academy of Motion Picture Arts and Science. 2007-02-25.
- ↑ "80th Annual Academy Awards Oscar Quiz". Pittsburgh Post-Gazette. 2008-01-22. สืบค้นเมื่อ 2008-04-30.
- ↑ Hanrahan, Brian (2007-02-25). "'The Departed' arrives". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ 2008-04-30.
- ↑ "79th Annual Academy Awards". OSCAR.com. สืบค้นเมื่อ 2007-05-24.
- ↑ "Gore Wins Hollywood in a Landslide"
- ↑ Libin, Kevin (2007-05-19). "Gore's Inconvenient Truth required classroom viewing?". National Post.
- ↑ Inconvenient Truth to Continue Airing in Schools, Spiegel Online, 2007-10-13.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]ก่อนหน้า | เรื่องจริงช็อคโลก | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
March of the Penguins | ![]() |
รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม (2006) |
![]() |
Taxi to the Dark Side |