เรือหลวงวอร์สไปท์ (03)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรือหลวงวอร์สไปท์ ขณะแล่นอยู่ในมหาสมุทรอินเดียเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ.1942
ประวัติ
สหราชอาณาจักร
ชื่อวอร์สไปท์
Orderedค.ศ. 1912
ปล่อยเรือ31 ตุลาคม ค.ศ. 1912
เดินเรือแรก26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1913
เข้าประจำการ8 มีนาคม ค.ศ. 1915
ปลดระวาง1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945
Strickenค.ศ. 1947
รหัสระบุPennant number: 03
คำขวัญ"I Despise the Hard Knocks of War"
ชื่อเล่นGrand Old Lady
เกียรติยศ
ความเป็นไปถูกแยกชิ้นส่วน, 1950–57
ลักษณะเฉพาะ
ชั้น: เรือประจัญบานชั้นควีนเอลิซาเบธ
ขนาด (ระวางขับน้ำ):
  • 32,590 (33,110 t)
  • 33,260 (33,790 t) (เต็มที่)
ความยาว: 196.2 เมตร
ความกว้าง: 27.6 เมตร
กินน้ำลึก: 10.1 เมตร
ระบบขับเคลื่อน:
  • ใบจักร 4 ใบพัด
  • ใบจักรไอน้ำ 2 ใบพัด
ความเร็ว: 24 นอต (44 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 28 ไมล์ต่อชั่วโมง)
พิสัยเชื้อเพลิง: 5,000 nmi (9,260 km; 5,750 mi) at 12 นอต (22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 14 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเต็มที่:
  • 1,025 นาย (1915)
  • 1,262 นาย (1920)
ยุทโธปกรณ์:
  • 4 × twin 15-inch (381 mm) guns
  • 14 × single 6-inch (152 mm) guns
  • 2 × single 3-inch (76 mm) 20 cwt AA guns
  • 4 × 21-inch (533 mm) torpedo tubes
  • เกราะ:
  • ดาดฟ้า: 3.125–5 in (79–127 mm)
  • หอบังคับการเรือ: 2–3 in (51–76 mm)
  • อากาศยาน: 4 × amphibious aircraft
    อุปกรณ์สนับสนุนการบิน: 1 × aircraft catapult

    เรือหลวงวอร์สไปท์ (HMS Warspite 03) เป็นหนึ่งในห้าของเรือประจัญบานชั้นชั้นควีนอลิซาเบธแห่งราชนาวี เธอได้เข้าร่วมรบในสงครามตั้งแต่เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 1 จนจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ตลอดช่วงเวลา 30 ปี เธอได้ออกปฏิบัติการทางทะเลมาแล้วนับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นใน มหาสมุทรแอตแลนติก, มหาสมุทรอินเดีย, มหาสมุทรอาร์กติกและมหาสมุทรแปซิฟิก เธอล้วนเคยไปมาแล้ว

    ในตอนสงครามโลกครั้งที่ 1การปะทะหลักๆที่เหมือนเป็นการเปิดตัววอร์สไปท์ คือ ยุทธนาวีจัตแลนด์ อันดุเดือดระหว่างอังกฤษกับเยอรมนี เธอเป็นหนึ่งในเรือในกองเรือหลวง (Grand Fleet) ของพลเรือเอกเซอร์จอห์น เจลลิโค (John Jellicoe) สังกัดภายใต้กองเรือลาดตระเวนประจันบาญที่บัญชาการโดยพลเรือโทเดวิด เบตตี้ (David Beatty)

    และต่อมาระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 วอร์สไปท์ได้รับการปรับปรุงเรือใหม่โดยที่ได้รับการพัฒนามากมาย ทั้งระบบขับเคลื่อน เกราะ และยุทโธปกรณ์ รวมถึงเครนขนเครื่องบินน้ำอีกด้วย ทำให้เป็นเรือที่ทันสมัยมากขึ้น

    เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้น เธอได้เข้าร่วมการทัพนอร์เวเจียน (Norwegian Campaign) ช่วงต้นปีค.ศ. 1940 ก่อนที่เธอจะถูกย้ายไปประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนช่วงกลางปีเดียวกัน เธอได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศของเยอรมันในยุทธการที่เกาะครีต ใช้เวลาซ่อมบำรุงถึงหกเดือนในสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นจึงเข้าร่วมกองเรือภาคตะวันออก ในช่วงกลางปีค.ศ.1943 เธอได้กลับสู่เมดิเตอร์เรเนียนโดยเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือเฉพาะกิจ H (Force H)[1]เพื่อช่วยยิงสนับสนุนในการทัพอิตาลี อีกครั้งที่เธอได้รับความเสียหายจากระเบิด ใช้เวลาซ่อมบำรุงเป็นปี ในการยกพล ณ นอร์มังดี เธอได้มีส่วนร่วมโดยการระดมยิงฐานที่มั่นของเยอรมันทั้งๆที่เธอนั้นยังซ่อมบำรุงไม่เต็มที่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอได้รับเหรียญอิศริยาภรณ์ แบทเทิล ออเนอร์ (Battle Honor)

    คำขวัญของเรือ[แก้]

    เป็นวลีภาษาละติน “Belli dura Despicio” มีความหมายว่า

    “ตัวข้านั้นเกลียดชัง ความยากแค้นของสงคราม”

    ชื่อเรือ Warspite เองก็มาจากการสนธิคำว่า War ที่แปลว่าสงคราม กับคำว่า Spite ที่แปลว่า อาฆาต ชื่อเรือจึงมีความหมายใกล้เคียงกับคำขวัญ ซึ่งบ่งบอกถึงความเกลียดชังที่มีต่อความยากแค้นในสงคราม

    ยุทธนาวีที่ได้รับรางวัลและเกียรติยศ[แก้]

    สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

    สงครามโลกครั้งที่สอง

    โน้ต[แก้]

    1.^ Force ในที่นี้เทียบเท่ากับ Task Force ซึ่งหมายถึง กองเรือเฉพาะกิจ

    อ้างอิง[แก้]

    แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]