ข้ามไปเนื้อหา

เรียว มิยาอิจิ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรียว มิยาอิจิ
宮市 亮
มิยาอิจิขณะเล่นให้กับอาร์เซนอล ทีมสำรอง ในนัดที่พบกับวุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2013
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม เรียว มิยาอิจิ
เกิด (1992-12-14) 14 ธันวาคม ค.ศ. 1992 (32 ปี)
เกิดที่ โอกาซากิ, จังหวัดไอจิ, ญี่ปุ่น
สูง 1.83 m (6 ft 0 in)
ตำแหน่ง ปีก
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส
หมายเลข 23
ชุดเยาวชน
2001–2007 ซิลฟิดเอฟซี
2008–2010 โรงเรียนมัธยมชูเกียวไดชูเกียว
ชุดใหญ่*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2011–2015 อาร์เซนอล 1 (0)
2011ไฟเยอโนร์ด (ยืมตัว) 12 (3)
2012โบลตันวอนเดอเรอส์ (ยืมตัว) 12 (0)
2012–2013วีแกนแอทเลติก (ยืมตัว) 4 (0)
2014–2015ตเว็นเตอ (ยืมตัว) 10 (0)
2015–2021 ซังคท์เพาลี 77 (8)
2021– โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส 67 (8)
ทีมชาติ
2007 ญี่ปุ่น อายุไม่เกิน 15 ปี 3 (2)
2008 ญี่ปุ่น อายุไม่เกิน 16 ปี 3 (1)
2009 ญี่ปุ่น อายุไม่เกิน 17 ปี 5 (2)
2010 ญี่ปุ่น อายุไม่เกิน 19 ปี[1] 8 (1)
2012–2022 ญี่ปุ่น 5 (0)
เกียรติยศ
  • ฟุตบอลชาย
    ตัวแทนของ  ญี่ปุ่น
    ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียตะวันออก
    ชนะเลิศ ญี่ปุ่น 2022 ทีม
  • จำนวนนัดที่ลงเล่นให้ชุดใหญ่และจำนวนประตูนับเฉพาะลีกท้องถิ่นเท่านั้น และ เป็นข้อมูล ณ วันที่ 06:38, 8 กุมภาพันธ์ 2025 (UTC).

† ลงเล่น (ประตู)

‡ จำนวนนัดที่ลงเล่นและจำนวนประตูในนามทีมชาติ ข้อมูล ณ วันที่ 06:38, 8 กุมภาพันธ์ 2025 (UTC)

เรียว มิยาอิจิ (ญี่ปุ่น: 宮市 亮โรมาจิMiyaichi Ryō; เกิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1992 ที่เมืองโอกาซากิ จังหวัดไอจิ) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวญี่ปุ่น ปัจจุบันลงเล่นให้กับโยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอสในเจลีก

โดยก่อนหน้าได้เล่นให้กับซังคท์เพาลีในซไวเทอบุนเดิสลีกา ลีกในระดับที่ 2 ของเยอรมนี รองจากบุนเดิสลีกา โดยย้ายมาจากอาร์เซนอล ในพรีเมียร์ลีก หลังจากปล่อยยืมให้ตเว็นเตอในเอเรอดีวีซี[2] และหมดสัญญาในที่สุดเมื่อปี ค.ศ. 2015 โดยขณะอยู่ที่อาร์เซนอล มิยาอิจิได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกกับสโมสร เพียงแค่ 17 นาทีเท่านั้น จากการลงมาในฐานะตัวสำรองของฤดูกาล 2013–14 ที่เจอกับสโตกซิตี[3]

ชีวิตช่วงแรก

[แก้]

มิยาอิจิเกิดในครอบครัวนักกีฬา น้องชายของเขา สึโยชิ มิยาอิจิ ก็เป็นนักฟุตบอลเช่นกัน โดยปัจจุบันลงเล่นให้กับทีมอิวาเตะ กรูลล่า โมริโอกะในเจเอฟแอล ลีกในระดับที่ 4 ของญี่ปุ่น ส่วนพ่อของเขา ทัตสึยะ โนมูระ เป็นนักบาสเก็ตบอลที่เคยลงเล่นและมาเป็นผู้จัดการทีมในภายหลังให้กับสโมสรบาสเก็ตบอลโตโยต้า มอเตอร์ส มิยาอิจิเริ่มเล่นฟุตบอลในช่วงประถมศึกษาที่ซิลฟิด เอฟซี ในนาโงยะ เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมชูเกียวไดชูเกียวและเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลของโรงเรียน ในฤดูกาล 2010 ทีมได้ผ่านเข้าสู่ การแข่งขันฟุตบอลระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศญี่ปุ่น แต่กลับพ่ายแพ้ในรอบแรกในการแข่งขันที่ถ่ายทอดสดทั่วประเทศญี่ปุ่น

ระดับสโมสร

[แก้]

อาร์เซนอล

[แก้]

ในปี ค.ศ. 2010 มิยาอิจิมาทดลองซ้อมคัดตัวกับอาร์เซนอลหลังจากสิ้นสุดการแข่งขันฟุตบอลระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศญี่ปุ่น และได้สัญญานักเตะอาชีพในเดือนมกราคม ค.ศ. 2011 หลังสร้างความประทับใจให้กับอาร์แซน แวงแกร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสของอาร์เซนอล ณ เวลานั้น โดยแวงเกอร์ เคยกล่าวไว้ว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ เรียว มิยาอิจิ มาร่วมทีมกับเรา เขามาทดสอบฝีเท้ากับเราในช่วงซัมเมอร์ และมีความสามารถที่โดดเด่น ซึ่งดึงดูดสโมสรต่างๆ ทั่วโลก”

ยืมตัวไปไฟเยอโนร์ด

[แก้]
มิยาอิจิขณะลงเล่นให้กับไฟเยอโนร์ดในปี ค.ศ. 2011

ฤดูกาล 2010–11 ตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคมในปี ค.ศ. 2011 เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องใบอนุญาติการทำงานในประเทศอังกฤษที่ยังไม่ได้ตามเงื่อนไข จึงต้องปล่อยยืมให้ไฟเยอโนร์ดในเอเรอดีวีซี พร้อมกับผลงาน 12 นัด 3 ประตู 5 แอสซิสต์ จนสื่อของเนเธอร์แลนด์ต่างตั้งฉายาให้เขาว่า "เรียวดินโญ่" ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบถึงโรนัลดินโญ่ และถูกมองว่าเป็นเมสซี่แห่งญี่ปุ่นอีกด้วย

ฤดูกาล 2011–12

[แก้]

หลังจากหมดสัญญายืมตัวกับไฟเยอโนร์ดและสามารถลงเล่นในอังกฤษได้กับอาร์เซนอล เขาได้ลงสนาม 2 นัดกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในลีกคัพ รวมถึงอาร์เซนอล ทีมสำรอง ในระหว่างเกมของทีมสำรองกับฟูลัมเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 มิยาอิจิลงเล่นได้เพียง 34 นาทีก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แม้จะอยู่ในทีมชุดใหญ่ แต่มิยาอิจิก็ยอมรับว่าเขายังต้องเรียนรู้อีกมาก

ยืมตัวไปโบลตันวอนเดอเรอส์

[แก้]

ต่อมาตลาดหน้าหนาวของฤดูกาล 2011–12 ในเดือนมกราคมของปี ค.ศ. 2012 มิยาอิจิถูกปล่อยยืมไปเล่นกับโบลตันวอนเดอเรอส์ในพรีเมียร์ลีก เขายิงประตูได้ในเอฟเอคัพ และถูกแฟนบอลของสโมสรโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำเดือนของสโมสรในเดือนกุมภาพันธ์ จากผลงานที่น่าประทับใจของดาวรุ่งรายนี้ แม้จะเพิ่งยืมตัวมาในกลางฤดูกาลและเป็นประสบการณ์แรกในพรีเมียร์ลีกของเขา หลังจากเพิ่งเล่นฟุตบอลอาชีพได้ไม่นาน พร้อม 2 แอสซิสต์ ใน 2 นัดติดต่อกันช่วงเดือนมีนาคม

ยืมตัวไปวีแกนแอทเลติก

[แก้]

ฤดูกาล 2012–13 เป็นครั้งแรกที่มิยาอิจิถูกยืมตัวไปด้วยสัญญายาวทั้งฤดูกาลจากวีแกนแอทเลติก หลังจากทำผลงานได้ดีมาในครึ่งฤดูกาลหลังของ 2010–11 และ 2011–12 รวมถึงกับอาร์เซนอล ทีมสำรองตั้งแต่มาอยู่กับสโมสร เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างผลงานให้ทีมต้นสังกัดอย่างอาร์เซนอลได้เห็น และมิยาอิจิสามารถแอสซิสต์ให้คัลลัม แม็คมานามานในลีกคัพตั้งแต่นัดแรกที่ได้ลงสนามให้กับวีแกนแอทเลติก แต่หลังจากที่ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีกไปเพียงแค่ 4 นัด และลีกคัพ อีก 2 นัด มิยาอิจิได้รับอาการบาดเจ็บจากเอ็นข้อเท้าฉีกขาดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 และกลับมาลงสนามได้อีกทีในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2013 ในรอบ 8 ทีมของเอฟเอคัพ เจอกับเอฟเวอร์ตัน ในฐานะตัวสำรอง แต่ลงสนามมาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง หรือ 30 นาที เขาก็ถูกเปลี่ยนตัวออกหลังจากปะทะกับเควิน มิรัลลาส โดยการถูกเข้าสกัดจนตกลงไปข้างสนาม และได้รับบาดเจ็บจากเอ็นข้อเท้าฉีกขาดซ้ำอีกรอบ ซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บเดิมที่อาจจะยังไม่หายขาด และทำให้เขาไม่สามารถกลับมาลงสนามได้อีกทั้งที่เหลืออยู่ทั้งพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 และก็ยังเป็นฤดูกาลแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นของอาการบาดเจ็บหนักของมิยาอิจิ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุและปัจจัยหลักที่ทำให้อาชีพการค้าแข้งของมิยาอิจิมีอาการบาดเจ็บในส่วนต่างๆของร่างกายที่รบกวนเขามาตลอดเกือบทุกฤดูกาลจนถึงปัจจุบัน แม้วีแกนแอทเลติกจะตกชั้นด้วยการจบอันดับที่ 18 ของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 แต่เป็นแชมป์เอฟเอคัพ ในฤดูกาล 2012–13 จากการชนะแมนเชสเตอร์ซิตี 1-0 และเป็นถ้วยรางวัลแรกในเกียรติประวัติของมิยาอิจิ แม้ไม่ได้ลงสนามกับสโมสรมากนัก

กลับมาสู่อาร์เซนอล

[แก้]

ฤดูกาล 2013–14 มิยาอิจิกลับมาจากอาการบาดเจ็บและได้ลงสนามให้อาร์เซนอล ทีมสำรองรวมถึงอาร์เซนอล 5 นัด แบ่งเป็น พรีเมียร์ลีก 1 นัด ลีกคัพ 2 นัด ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 นัด ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือกและรอบเพลย์ออฟ 1 นัด และคว้าแชมป์เอฟเอคัพกับอาร์เซนอลที่ชนะฮัลล์ซิตี 3-2 ในฤดูกาล 2013–14 แม้ไม่เคยลงสนามในเอฟเอคัพ ฤดูกาล 2013–14 แต่มิยาอิจิเคยมีชื่อสำรองและเป็นหนึ่งในนักเตะชุดนักเตะชุดใหญ่ของสโมสร ระหว่างฤดูกาล 2013–14 มิยาอิจิมีอาการบาดเจ็บ ซี่โครงช้ำ และกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง 2 ครั้ง

ยืมตัวไปตเว็นเตอ

[แก้]

ฤดูกาล 2014–15 ถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นตเว็นเตอในเอเรอดีวีซี โดยลงสนามในเอเรอดีวีซีไปทั้งหมด 10 นัด และเคเอ็นวีบีคัพ 1 นัด ในระหว่างฤดูกาล มิยาอิจิถูกให้ไปเล่นกับทีมสำรองยอง ตเว็นเตอในจูปิแลร์ลีก ลีกในระดับที่ 2 ของเนเธอร์แลนด์ โดยลงสนามในจูปิแลร์ลีก 14 นัด 3 ประตู 1 แอสซิสต์ และมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าเล็กน้อย

ซังคท์เพาลี

[แก้]

ในปี ค.ศ. 2015 หลังกลับจากสัญญายืมตัวและหมดสัญญากับสโมสรต้นสังกัดอย่างอาร์เซนอล ฤดูกาล 2015–16 มิยาอิจิได้เซ็นสัญญาแบบไม่มีค่าตัวกับซังคท์เพาลีในซไวเทอบุนเดิสลีกา ลีกในระดับที่ 2 ของเยอรมนี โดยในช่วงเวลาที่อยู่กับซังคท์เพาลี แม้ยังมีอาการบาดเจ็บระยะสั้นประปรายบ้าง เช่น ปัญหาหัวเข่า 2 ครั้ง หรือจะเป็นปัญหาเอ็นด้านนอก ในฤดูกาล 2017–18 รวมถึงช่วงเวลาฟื้นฟูการเรียกความพร้อมของร่างกายหลังหายจากอาการบาดเจ็บหนักในแต่ละครั้ง มิยาอิจิก็มีช่วงเวลาที่ดีและยึดตัวจริงของทีมในสโมสร จากศักยภาพของเขาและความกดดันที่น้อยลง ต่างจากตอนที่อยู่กับอาร์เซนอล ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2016 มิยาอิจิทำสองประตูให้กับทีมซังคท์เพาลี ชนะ 5-2 ในเกมที่เจอกับไคเซิร์สเลาเทิร์น เขาเคยมีอาการบาดเจ็บหนักคือ เอ็นไขว้หน้าหัวเข่าฉีกขาดถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเข่าซ้ายในช่วง 1 สัปดาห์ ก่อนเปิดฤดูกาล 2015–16 ในเกมสุดท้ายของนัดอุ่นเครื่องกับราโยบาเยกาโน เป็นเวลา 9 เดือน และกลับมาลงสนามเจอกับอูนีโอนแบร์ลีน ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2016 และครั้งที่สองเป็นเข่าขวา ในช่วงเวลาเตรียมตัวเปิดฤดูกาล 2017–18 ตามลำดับ ส่วนอาการบาดเจ็บที่นานที่สุดคือ อาการบาดเจ็บที่ขาหนีบ นับเป็นเวลาเกือบ 1 ปี โดยมีอาการบาดเจ็บในช่วงปลายของฤดูกาล 2019–20 และกลับมาลงสนามอีกครั้งในนัดที่ 33 ของฤดูกาล 2020–21 ซึ่งเป็นนัดรองสุดท้ายของซไวเทอบุนเดิสลีกา ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2021 มีการประกาศบนเว็บไซต์ของสโมสรว่ามิยาอิจิจะออกจากสโมสรหลังจากอยู่มา 6 ปี ช่วงเวลาของมิยาอิจิที่ซังคท์เพาลี เต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ เขาลงเล่นให้สโมสรไปเพียงแค่ 80 นัด ตลอด 6 ฤดูกาล

โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส

[แก้]
มิยาอิจิขณะลงเล่นให้กับโยโกฮามะ เอฟ มารินอส ในนัดอุ่นเครื่องที่พบกับเซลติก เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2023

ในวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 หลังจากหมดสัญญากับซังคท์เพาลี มิยาอิจิได้เซ็นสัญญาแบบไม่มีค่าตัวและย้ายกลับไปเล่นที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี กับโยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอสในเจลีก หลังจากที่เขาอยู่กับทีมฟุตบอลมัธยมปลายของเขาที่ญี่ปุ่น และได้โอกาสเซ็นสัญญากับอาร์เซนอล พร้อมโลดแล่นในลีกยุโรปต่างแดนมาตลอด ตั้งแต่ ค.ศ. 2011 นั้นทำให้มิยาอิจิไม่เคยลงเล่นในบอลระดับอาชีพของฟุตบอลญี่ปุ่นหรืออยู่ในทีมอคาเดมี่ของสโมสรฟุตบอลอาชีพในญี่ปุ่นมาก่อน

ในช่วงเลกที่สองของเจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2021 มิยาอิจิได้ลงเล่นเจลีกและฟุตบอลอาชีพของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกกับโยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2021 และเริ่มได้กลับมาลงสนามจำนวน 2 นัด แต่ยังมีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังติดตัวอยู่

ก่อนที่มิยาอิจิจะทำผลงานได้ดีในเลกที่หนึ่งของเจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2022 จนกลับมาติดทีมชาติญี่ปุ่นอีกครั้งในรอบ 9 ปี และหลังจากนั้น เขาได้รับอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าฉีกขาดเป็นครั้งที่ 3 ในอาชีพการค้าแข้งในนัดชิงที่ทีมชาติญี่ปุ่นชนะทีมชาติเกาหลีใต้ 2–1 ในรายการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียตะวันออก และเมื่อกลับมาสู่การแข่งขันในเลกที่สองของเจลีก มิยาอิจิไม่สามารถลงสนามได้อีกทั้งฤดูกาล 2022 โดยโยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอสคว้าแชมป์เจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2022ไปครอง โดยมิยาอิจิเป็นหนึ่งในคนที่มีโอกาสได้ชูถ้วยรางวัลฉลอง แม้จะเจ็บหนักแต่มีส่วนช่วยให้สโมสรได้แชมป์ลีกในปีนั้น

เจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2023 มิยาอิจิกลับมาลงสนามเป็นตัวสำรอง อีกครั้งในเจ.ลีกคัพ กลุ่ม A กับ คอนซาโดเล ซัปโปโระ ที่มีสุภโชค สารชาติลงสนามเป็นตัวจริง และเป็นฝ่ายโยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส พ่ายแพ้ 3–2 ในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 ต่อมาในวันที่ 10 มิถุนายน มิยาอิจิทำประตูแรกในเจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2023 และเป็นประตูชัย ในนาทีที่ 97 ชนะ คาชิวะ เรย์โซล 4–3 จากการลงสนามมาในฐานะตัวสำรอง

เจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2024 มิยาอิจิสามารถลงสนามอยู่เรื่อยๆได้อย่างสม่ำเสมอ แม้จะลงสนามจากการเป็นตัวสำรองเป็นส่วนมากในภาพรวม และมีอาการบาดเจ็บบริเวณน่อง 1 เดือน ระหว่างฤดูกาล ช่วงกลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม ค.ศ. 2024

เจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2025 อาจจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของมิยาอิจิกับโยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส หลังจากที่เขาจะหมดสัญญากับสโมสร ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2026

รูปแบบการเล่น

[แก้]

มิยาอิจิสามารถเล่นได้ทั้งปีกซ้ายและปีกขวา รวมไปถึงตำแหน่งเอาท์ฟิลด์อื่นๆ มิยาอิจิเป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ด้านเทคนิค เขาเล่นในตำแหน่งปีก และเป็นที่รู้จักในเรื่องความเร็วที่รวดเร็วและความสามารถในการวิ่งและเลี้ยงบอลผ่านแนวรับ


อาร์แซน แวงแกร์ กล่าวว่า "เรียวมีความสามารถด้านเทคนิคโดยธรรมชาติ เขามีสมดุลที่ดีและความเร็วที่เหนือชั้น และการจ่ายบอลและการครอสบอลของเขานั้นมีคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ เขาเป็นผู้เล่นที่น่าตื่นเต้นมาก"


เอริก กุดเด อดีตผู้อำนวยการของเฟเยนูร์ ดกล่าวชื่นชมมิยาอิจิว่า "เขาเป็นผู้เล่นที่มีความเร็ว การเลี้ยงบอล และลูกเล่นมากมายในการหลบฝ่ายตรงข้าม เขามีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมบางอย่าง และเมื่อเทียบกับอายุของเขาแล้ว เขาเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบมาก"


อัลแบร์โต ซักเกโรนี อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น กล่าวว่า "จุดแข็งของมิยาอิจิอยู่ที่ริมเส้นและการสร้างพื้นที่ในการไปข้างหน้า"

มิยาอิจิเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นดาวรุ่งที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลก แต่ตลอดอาชีพการเล่นของเขาก็เต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ โดยพลาดการลงเล่นไปกว่า 150 นัด

ระดับทีมชาติ

[แก้]

มิยาอิจิผ่านการเล่นทีมชาติญี่ปุ่นชุดเล็กมาหลายชุด โดยหนึ่งในนั้น เขาอยู่ในชุดทีมชาติญี่ปุ่น อายุไม่เกิน 17 ปีในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี 2009 และได้ลงเล่นในรายการแข่งขันทั้งหมด 2 นัด

มีโอกาสติดทีมชาติทีมชาติญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือกกับทีมชาติอุซเบกิสถาน แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลงสนาม โดยในภายหลัง ลงเล่นนัดอุ่นเครื่องให้กับทีมชาติชุดใหญ่ 2 นัด ในฐานะตัวสำรองที่เจอกับทีมชาติอาเซอร์ไบจาน เดือนพฤษภาคมและทีมชาติบราซิล เดือนตุลาคม ในปี ค.ศ. 2012

มิยาอิจิทำผลงานได้ดีในเจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2022 จนกลับมาติดทีมชาติญี่ปุ่นอีกครั้งในรอบ 9 ปี สำหรับฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียตะวันออกที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าประเทศเจ้าภาพ เขาได้ลงสนามทั้ง 3 นัด ลงมาในฐานะตัวสำรองเจอกับทีมชาติฮ่องกง และเป็นตัวจริงในนัดที่เจอกับทีมชาติจีน และลงมาเป็นมาในฐานะตัวสำรองในนัดชิงกับทีมชาติเกาหลีใต้ ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกจากอาการบาดเจ็บหลังจากลงสนามไปได้ไม่ถึง 20 นาที สุดท้ายทีมชาติญี่ปุ่นได้แชมป์ของรายการแข่งขัน

เกียรติประวัติ

[แก้]

สโมสร

[แก้]

วีแกนแอทเลติก

อาร์เซนอล

โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส

ทีมชาติ

[แก้]

รางวัลส่วนตัว

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. AFC and FIFA only.
  2. Radstaat, Edwin (1 September 2014). "'FC Twente verslaat Feyenoord in strijd om voormalig publiekslieveling'". Voetbalprimeur. สืบค้นเมื่อ 1 September 2014.
  3. Bellshow, George (June 30, 2016). "Why Arsenal fans should be concerned by transfer of Takuma Asano". metro. สืบค้นเมื่อ July 6, 2016.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]