ข้ามไปเนื้อหา

เพลย์สเตชัน พอร์เทเบิล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เพลย์สเตชัน พอร์เทเบิล
รุ่นดั้งเดิม (PSP-1000)
ชื่อเรียกอื่นPSP
ผู้พัฒนาโซนี่ คอมพิวเตอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์
ผู้ผลิตโซนี่ อิเล็กทรอนิกส์
ตระกูลเพลย์สเตชัน
ชนิดเครื่องเล่นเกมพกพา
รุ่นที่เจ็ด
วางจำหน่าย
  • JP: 12 ธันวาคม ค.ศ. 2004
  • NA/BR/IDN: 24 มีนาคม ค.ศ. 2005
  • ITA/UKR/IND: 12 เมษายน ค.ศ. 2005
  • EU/AS/AF/AU: 1 กันยายน ค.ศ. 2005
พร้อมการค้าปลีกค.ศ. 2004–2014
ราคาเบื้องต้นUS$249.99[1]
ยกเลิก
  • NA: มกราคม ค.ศ. 2014
  • JP: มิถุนายน ค.ศ. 2014
  • PAL: ธันวาคม ค.ศ. 2014
หน่วยขาย80–82 ล้าน[2][3][4]
หน่วยส่ง82.52 ล้าน[5]
สื่อUMD (ยกเว้นพีเอสพี โก), การจัดจำหน่ายแบบดิจิทัล
ระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์ระบบเพลย์สเตชัน พอร์เทเบิล
หน่วยประมวลผล222–333 MHz MIPS32 R4000-based
ความจุเมโมรีสติก ดูโอ, เมโมรีสติก โปร ดูโอ
PSP Go: เมโมรีสติกไมโคร (เอ็ม2) และหน่วยความจำแฟลช 16 GB
หน่วยความจำ
  • 32 MB (PSP-1000); 64 MB (2000, 3000, Go, E1000) (แรมระบบ)
  • 2 MB (แรมวิดีโอ)[6]
การแสดงผล4.3 นิ้ว (110 มม.), 480 × 272 พิกเซลและสี 24 บิต, 30:17 จอกว้าง ทีเอฟที แอลซีดี
PSP Go: 3.8 in (97 mm)
รุ่นอื่น: 4.3 in (110 mm)
กราฟฟิกCustom Rendering Engine + Surface Engine GPU, 2.6 GFLOPS[7][6]
ระบบเสียงลำโพงสเตอริโอ, ลำโพงโมโน (PSP-E1000), ไมโครโฟน (PSP-3000, PSP Go), รูเสียบหูฟัง 3.5 มม.
การเชื่อมต่อวายฟาย (802.11b) (ยกเว้น PSP-E1000), IrDA (PSP-1000), ยูเอสบี, บลูทูธ (พีเอสพี โก)
บริการออนไลน์เพลย์สเตชัน เน็ตเวิร์ก
มิติPSP-1000:
2.9 in (74 mm) (h)
6.7 in (170 mm) (w)
0.91 in (23 mm) (d)
PSP-2000/3000:
2.8 in (71 mm) (h)
6.7 in (169 mm) (w)
0.75 in (19 mm) (d)
PSP Go (PSP-N1000):
2.7 in (69 mm) (h)
5.0 in (128 mm) (w)
0.65 in (16.5 mm) (d)
PSP Street (PSP-E1000):
2.9 in (73 mm) (h)
6.8 in (172 mm) (w)
0.85 in (21.5 mm) (d)
น้ำหนักPSP-1000:
9.9 ออนซ์ (280 กรัม)
PSP-2000/3000:
6.7 ออนซ์ (189 กรัม)
PSP Go (PSP-N1000):
5.6 ออนซ์ (158 กรัม)
PSP Street (PSP-E1000):
7.9 ออนซ์ (223 กรัม)
เกมขายที่ที่สุดแกรนด์เธฟต์ออโต: ลิเบอร์ตีซิตีสตอรีส์ (8 ล้าน)
รุ่นก่อนหน้าพ็อกเก็ตสเตชัน
รุ่นต่อไปเพลย์สเตชัน วิตา

เพลย์สเตชัน พอร์เทเบิล[a] (พีเอสพี) เป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่พัฒนาและทำการตลาดโดย โซนี่ คอมพิวเตอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ วางจำหน่ายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2004, อเมริกาเหนือเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2005 และภูมิภาคแพลเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2005 พีเอสพีเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาเครื่องแรกในตระกูลเพลย์สเตชัน และแข่งขันกับนินเท็นโด ดีเอส ในฐานะเครื่องเล่นวิดีโอเกมรุ่นที่เจ็ด

การพัฒนาของพีเอสพีได้รับการประกาศในระหว่างงาน อี3 2003 และเครื่องเล่นเกมดังกล่าวได้เปิดตัวในงานแถลงข่าวของโซนี่เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 ระบบดังกล่าวถือเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่ทรงพลังที่สุดในช่วงเวลาที่เปิดตัว และเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพรายแรกของเครื่องเล่นเกมพกพาของนินเท็นโด หลังจากที่คู่แข่งหลายราย เช่น เอ็น-เกจของโนเกียล้มเหลว ความสามารถด้านกราฟิกขั้นสูงของพีเอสพี ทำให้เป็นอุปกรณ์ความบันเทิงพกพายอดนิยมที่สามารถเชื่อมต่อกับเพลย์สเตชัน 2 และเพลย์สเตชัน 3 คอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีอินเทอร์เฟซยูเอสบี ระบบพีเอสพีอื่น ๆ และอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้พีเอสพียังมีฟีเจอร์มัลติมีเดียมากมาย เช่น การเล่นวิดีโอ การเล่นเสียง และยังถือเป็นเครื่องเล่นสื่อพกพาด้วยเช่นกัน[8][9] พีเอสพีเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาเพียงเครื่องเดียวที่ใช้รูปแบบดิสก์ออปติคัล—ในกรณีนี้คือ ยูนิเวอร์แซลมีเดียดิสก์ (ยูเอ็มดี)—เป็นสื่อจัดเก็บข้อมูลหลัก โดยมีการเปิดตัวทั้งเกมและภาพยนตร์ในรูปแบบนี้แล้ว

พีเอสพีได้รับการตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์ และมียอดขายมากกว่า 80 ล้านเครื่องในช่วง 10 ปีหลังการเปิดตัว มีการวางจำหน่ายพีเอสพีในรุ่นต่าง ๆ ก่อน เพลย์สเตชัน วิตา จะเปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ ค.ศ. 2011 และทั่วโลกในหนึ่งปีต่อมา วิตามีความเข้ากันได้แบบย้อนกลับกับเกมพีเอสพีที่วางจำหน่ายบนเพลย์สเตชัน เน็ตเวิร์กผ่านทางเพลย์สเตชัน สโตร์ ซึ่งกลายเป็นวิธีการหลักในการซื้อเกมพีเอสพี หลังจากโซนี่ปิดการเข้าถึงร้านค้าจากพีเอสพีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2016 การจัดส่งฮาร์ดแวร์ของพีเอสพีทั่วโลกสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 2014[10] การผลิตยูเอ็มดีสิ้นสุดลงเมื่อโรงงานแห่งสุดท้ายของญี่ปุ่นที่ผลิตยูเอ็มดีปิดตัวลงในช่วงปลาย ค.ศ. 2016

นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก พีเอสพีมีการวางจำหน่ายหลายรุ่น รวมถึง พีเอสพีสตรีต และพีเอสพีโก

หมายเหตุ

[แก้]
  1. ญี่ปุ่น: プレイステーション・ポータブル, อักษรโรมัน: Pureisutēshon Pōtaburu, แปลตรงตัว'PlayStation Portable'

อ้างอิง

[แก้]
  1. "The Real Cost of Gaming: Inflation, Time, and Purchasing Power". 2013-10-15. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 15, 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-08-28.
  2. "Sony to Stop Selling PlayStation Portable by End of Year". Time. June 3, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2014. สืบค้นเมื่อ December 30, 2016.
  3. Moriarty, Colin (November 17, 2014). "Vita Sales Are Picking Up Thanks to PS4 Remote Play". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 20, 2019. สืบค้นเมื่อ December 30, 2016.
  4. Sirani, Jordan (April 17, 2019). "Top 15 Best-Selling Video Game Consoles of All Time". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 28, 2019. สืบค้นเมื่อ April 26, 2019.
  5. Shawn Layden (2023-09-28). "PSP Production Achievement". Twitter.
  6. 1 2 "PSP Specs Revealed". IGN. June 17, 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2021. สืบค้นเมื่อ July 28, 2021.
  7. "PSP Specs Revealed". July 29, 2003. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 21, 2020. สืบค้นเมื่อ March 21, 2020.
  8. "Holiday Portable Media Player Guide: What's Right for You?". TechCrunch. October 23, 2006. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 16, 2022. สืบค้นเมื่อ July 28, 2021.
  9. "Portable Multimedia Players". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 17, 2020. สืบค้นเมื่อ September 15, 2020.
  10. Campbell, Evan (2014-06-03). "Sony Discontinuing PSP". IGN (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-02-20.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]