เบญจมาศ
เบญจมาศ หรือ (อังกฤษ: Chrysanthemum; ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendranthemum grandifflora) เป็นไม้ตัดดอกอีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกเลี้ยงและใช้กัน มีการซื้อขายมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากกุหลาบ (2537)[1] เนื่องจากเป็นไม้ดอกที่มีรูปทรงสวยงาม สีสันสดใส ปลูกเลี้ยงง่าย และมีหลายพันธุ์ให้เลือก มีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นและจีน
ดอกเบญจมาศมีอยู่หลายสายพันธุ์ ชนิดเลื่องชื่อคือ เบญจมาศสวน (Chrysanthemum indicum Linn. ในวงศ์ Compositae) กับเบญจมาศหนู (Chrysanthemum morifolium Ramat. ในวงศ์เดียวกัน) ซึ่งเรียกรวมกันว่า "ดอกเก๊กฮวย" (菊花 júhuā ?) นิยมนำมาตากแห้ง ใช้ชงกับใบชา หรือต้มกับน้ำตาลทำน้ำเก๊กฮวย
ประเภท[แก้]
เบญจมาศที่นิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก มี 4 ประเภท[2] คือ
- Exhibition Type เป็นเบญจมาศที่มีดอกขนาดใหญ่มาก ดอกมีรูปทรงกลม ลำต้นสูงใหญ่ แต่ละต้นเลี้ยงให้มีเพียง 1 ดอก ปกติจะปลูกสำหรับการโชว์
- Standard Type เป็นเบญจมาศที่มีดอกขนาดเล็กกว่า Exhibition Type แต่ละต้นเลี้ยงให้มี 3-4 กิ่ง และแต่ละกิ่งให้มีเพียง 1 ดอก
- Spray Type เป็นเบญจมาศที่มีดอกขนาดเล็กกว่า Standard Type แต่ละกิ่งมีหลายดอก และมี 3-4 กิ่งต่อต้น หรืออาจมีมากกว่านี้ ตัดดอกขายในลักษณะเป็นกิ่งหรือต้องขายทั้งต้น
- potted Type เป็นเบญจมาศที่มีดอกขนาดเล็กกว่า Spray Type ใช้ปลูกเป็นไม้กระถาง มีทรงพุ่มกระทัดรัด แตกกิ่งก้านได้มากดอกดก
สายพันธุ์[แก้]
พันธุ์เบญจมาศอยู่กว่า 1,000 พันธุ์ ที่นิยมปลูกในประเทศไทยเป็นประเภท Standard Type สีเหลืองและสีขาว พันธุ์ที่นิยมปลูกในขณะนี้คือ พันธุ์ขาวการะเกด พันธุ์ขาวเมืองตาก และพันธุ์ TW12 (Pui Tsin-Shin) ซึ่งให้ดอกสีขาว พันธุ์เหลืองตาก พันธุ์เหลืองทอง พันธุ์เหลืองอินทนนท์ พันธุ์เหลืองเกษตร และพันธุ์ TW17 (Shin-Fan-Tsu-Ri) ซึ่งมีดอกสีเหลือง
การขยายพันธุ์[แก้]
- การปักชำ ใช้ส่วนของกิ่ง (จากกิ่งส่วนล่างหรือส่วนโคนของพุ่มต้น) ตัดยาว 5 - 10 ซม. มีใบติด 3-4 ใบ ปลิดใบล่างๆออก ผึ่งไว้จนแห้ง จากนั้นจุ่มในสารเคมีเร่งราก รากจะออกประมาณ 10 - 15 วัน
- การแยกหน่อ หลังจากให้ดอกแล้ว จะแตกหน่อจำนวนมากสามารถแยกเอาหน่อซึ่งมีรากติดอยู่ไปปลูกได้
การปลูกเลี้ยง[แก้]
ควรปลูกในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำได้ดี pH ดิน 6 - 7 ได้รับแสงแดดเต็มที่ ให้น้ำในระยะ 7 - 10 วัน หลังย้ายปลูกควรรดน้ำ เช้า - เย็น เมื้อต้นกล้าตั้งตัวดีแล้ว จะรดน้ำตอนเช้าวันละครั้ง และให้ปุ๋ยในอัตรา 3 : 2: 1 ทุก 7 วันเพื่อเร่งการเติบโตของลำต้น หลังปลูก 2 เดือนจะให้ปุ๋ยอัตรา 1 : 2: 1 ทุก 10 วัน เพื่อช่วยในการออกดอก ใส่จนกระทั่งเก็บดอกใส่ต้นละ 1 ช้อนชา ถ้าต้องการให้ดอกเบญจมาศมีขนาดใหญ่ จะต้องปลิดดอกที่ล้อมรอบดอกยอดและดอกที่แตกตามซอกใบทั้งหมด ให้แต่ละกิ่งเหลือดอกยอดเพียงดอกเดียว ควรปลิดดอกข้างเมื่อมีขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ มิฉะนั้นดอกยอดจะมีขนาดเล็กและก้านดอกจะเหนียวขึ้น ถ้าปลิดเร็วเกินไปจะปลิดลำบากเพราะดอกยังมีขนาดเล็กเกินไปและจะเสียเวลาหลายครั้ง เนื่องจากดอกข้างจะทะยอยออกมาเรื่อยๆ
ศัตรูเบญจมาศ[แก้]
โรคใบจุด โรคใบเหี่ยว โรคใบแห้ง โรคดอกเน่า เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน หนอนผีเสื้อกินดอก ไรแดง
การตัดดอก[แก้]
ใช้กรรไกรตัดก้านดอกเหนือพื้นดินประมาณ 10 ซม. แต่พันธุ์ที่ก้านดอกยาวอาจตัดสูงกว่านั้น (ถ้าปลายก้านดอกมีเส้นใยมากจะดูดน้ำได้น้อย) ควรเด็ดใบทิ้ง 1 ใน 3 ของก้านดอกจากข้างล่าง ควรตัดดอกเมื่อกลีบดอกด้านนอกบานเต็มที่แต่กลีบตรงใจกลางดอกยังไม่บาน ถือว่าเป็นระยะเหมาะสมที่สุดและสวยที่สุด
อ้างอิง[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: เบญจมาศ |