ข้ามไปเนื้อหา

เจ้าชายแอร์ทูรุล อ็อสมัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แอร์ทูรุล อ็อสมัน
เจ้าชาย (เชฮ์ซาเด) แห่งจักรวรรดิออตโตมัน
พระประมุขแห่งตระกูลออสมาโนลู
ครองตำแหน่ง12 มีนาคม ค.ศ. 1994 – 23 กันยายน ค.ศ. 2009
ก่อนหน้าเชห์ซาเด เมห์เหม็ด ออร์ฮัน
ถัดไปเชฮ์ซาเด บาเยซิด ออสมัน
ประสูติ18 สิงหาคม ค.ศ. 1912(1912-08-18)
พระราชวังนีชันทาชือ อิสตันบูล จักรวรรดิออตโตมัน
สิ้นพระชนม์23 กันยายน ค.ศ. 2009(2009-09-23) (97 ปี)
อิสตันบูล ประเทศตุรกี
คู่อภิเษกGulda Twerskoy
Zeynep Tarzi
ราชวงศ์ราชวงศ์ออตโตมัน
พระราชบิดาเจ้าชายเมห์เหม็ด บูร์ฮาเน็ดดิน
พระราชมารดาอาลีเย เมเลก นัซลือยาร์ ฮานึม

เจ้าชายแอร์ทูรุล ออสมัน เอเฟนดี (ตุรกี: Şehzade Ertuğrul Osman Efendi; ตุรกีออตโตมัน: ارطغرل عثمان; 18 สิงหาคม ค.ศ. 1912 – 23 กันยายน ค.ศ. 2009) รู้จักกันในพระนาม ออสมัน แอร์ทูรุล ออสมาโนลู (Osman Ertuğrul Osmanoğlu) ตามกฎหมายนามสกุลของสาธารณรัฐตุรกี เป็นเจ้าชายแห่งจักรวรรดิออตโตมันและพระประมุของค์ที่ 43 แห่งตระกูลออสมันใน ค.ศ. 1994 จนกระทั่งสิ้นพระชนม์

ก่อนหน้าการล้มล้างระบอบกษัตริย์ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 ออสมันได้รับการเรียกขานพระนามเป็น เชฮ์ซาเด แอร์ทูรุล ออสมัน เอเฟนดี ฮัซเรตเลรี (Şehzade Ertuğrul Osman Efendi Hazretleri) เจ้าชายแห่งจักรวรรดิออตโตมัน[1] พระองค์เป็นที่รู้จักในประเทศตุรกีในฐานะ "ออตโตมันองค์สุดท้าย"[2]

พระประวัติ

[แก้]

เจ้าชายแอร์ทูรุล ออสมันประสูติในวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1912 ที่พระราชวังนีชันทาชือในอิสตันบูล[3]

ใน ค.ศ. 1924 ขณะกำลังศึกษาที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย พระองค์ได้รับข่าวว่าสมาชิกพระราชวงศ์ของสุลต่านทั้งหมดถูกเนรเทศ[2] พระองค์ประทับที่สหรัฐใน ค.ศ. 1933 และภายหลังอาศัยอยู่ในนครนิวยอร์ก พระองค์ศึกษาที่ Sciences Po ปารีส[4]

หลัง ค.ศ. 1945 ออสมันทรงใช้ชีวิตอย่างสมถะที่แมนฮัตตัน โดยประทับในอพาร์ทเมนท์สองห้องนอนเหนือภัตตาคาร[2][5] พระองค์เสด็จกลับประเทศตุรกีใน ค.ศ. 1992 หลังได้รับเชิญจากรัฐบาล[2] ในเวลานั้น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นว่า "ประชาธิปไตยทำงานได้ดีในประเทศตุรกี"[6] พระองค์กลายเป็นพระประมุของค์ที่ 43 แห่งตระกูลออสมันใน ค.ศ. 1994

ออสมันได้รับหนังสือเดินทางและความเป็นพลเมืองตุรกีใน ค.ศ. 2004

พระองค์สิ้นพระชนม์จากไตวายขณะบรรทม[7][5][8] ตอนพระชนมายุ 97 พรรษาในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2009[2][5][7] เจ้าชายประทับอยู่ในโรงพยาบาลอนุสรณ์ของอิสตันบูลก่อนจะสิ้นพระชนม์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์[8] พืธีพระศพของออสมันจัดขึ้นที่มัสยิดสุลต่านอาเหม็ดในอิสตันบูลเมื่อวันที่ 26 กันยายน[6] พระวรกายถูกฝังถัดจากสุลต่านอับดุล ฮามิดที่ 2 พระอัยกา ในย่าน Çemberlitaş ของอิสตันบูล[9] โลงพระศพได้รับการคลุมด้วยธงจักรวรรดิออตโตมัน และมีรัฐมนตรีหลายคนของตุรกีเข้าร่วมพิธีพระศพด้วย[6]

อ้างอิง

[แก้]
  1. The style remained available to him thereafter as international protocol dictates that former Monarchs and members of non-abdicated royal families still retain the use of their style and title for the duration of their lifetime, but both die with them. For example, Greece's deposed king is still technically His Majesty King Constantine II of the Hellenes, as a personal title, not a constitutional office, since the abolition of the monarchy by the Hellenic Republic in 1974.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 "'Last Ottoman' dies in Istanbul". BBC. 24 September 2009. สืบค้นเมื่อ 24 September 2009.
  3. "Ertugrul Osman". The Telegraph. 27 September 2009. สืบค้นเมื่อ 26 June 2013.
  4. "Şehzadenin Yüzyılı | İlber Ortaylı Ertuğrul Osman Efendi'yi anlattı: Türk hanedanı kadar memleketine ihanet etmeyen, Cumhuriyet'e sadık insanlar yok". T24 (ภาษาตุรกี). สืบค้นเมื่อ 2025-02-19.
  5. 5.0 5.1 5.2 Bernstein, Fred A. (26 March 2006). "Not Quite a Castle, but It's Home". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2 May 2010.
  6. 6.0 6.1 6.2 Bilefsky, Dan. "Weary of Modern Fictions, Turks Glory in Splendor of Ottoman Past," New York Times. 5 December 2009.
  7. 7.0 7.1 "Head of the former Ottoman dynasty dies". Associated Press. 24 September 2009. สืบค้นเมื่อ 24 September 2009.[ลิงก์เสีย]
  8. 8.0 8.1 Obituaries from the Zaman newspaper:
  9. Watson, Ivan; Comert, Yesim (26 September 2009). "Turks mourn relative of Ottoman sultan". CNN. สืบค้นเมื่อ 26 September 2009.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]