ข้ามไปเนื้อหา

เครก โจนส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เครก โจนส์
โจนส์ ขณะกำลังแสดงในเทศกาลดนตรี Optimus Alive Festival. ปี 2009
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดเครก ไมเคิล โจนส์
เกิด (1972-02-11) กุมภาพันธ์ 11, 1972 (52 ปี)
ที่เกิดดิมอยน์ , รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา
แนวเพลง
อาชีพนักดนตรี
เครื่องดนตรี
ช่วงปีค.ศ. 1995 - ปัจจุบัน
ค่ายเพลงRoadrunner Records, Nuclear Blast
สมาชิกสลิปน็อต
อดีตสมาชิกโมดิฟีเดียส
เว็บไซต์slipknot1.com

เครก ไมเคิล โจนส์ (อังกฤษ: Craig Michael Jones) (เกิด 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1972) หรือชื่อในวงการดนตรีว่า 133 เป็นนักดนตรีชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักในฐานะสมาชิกของวงสลิปน็อตในตำแหน่ง แซมเพลอร์ ,คีย์บอร์ด และซินธิไซเซอร์

เครก โจนส์ เข้าร่วมวงสลิปน็อต ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1996 หลังจากที่ทางวงบันทึกเสียงเดโม Mate.Feed.Kill.Repeat ซึ่งเป็นเดโม ชุดแรกของทางวงเสร็จ โดยเขาเข้าร่วมวงเป็นครั้งแรกในตำแหน่งมือกีตาร์ เพื่อแทนที่ ดอนนี สตีล มือกีตาร์คนแรกของวงที่ขอลาออกไปหลังบันทึกเสียงเดโมชุดดังกล่าวเสร็จ แต่ก็ได้เปลี่ยนมาเล่นแซมเพลอร์ และ ซินธิไซเซอร์ในที่สุด โดยมิก ทอมสัน ได้เข้ามาเล่นกีตาร์แทนตัวเขา

ประวัติ

[แก้]

เครก โจนส์ เกิดที่เมืองดิมอยน์ , รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา เขาเคยเป็นมือกีตาร์และมีผลงานเพลงเป็นเดโมและอีพีร่วมกับวง โมดิฟีเดียส (Modifidious) ต่อมาเขาได้เข้าร่วมวงสลิปน็อตในฐานะมือกีตาร์ เมื่อปี ค.ศ. 1996 แทนที่ ดอนนี่ สตีล มือกีตาร์คนแรกของวง ที่ได้ขอลาออกไปหลังจากบันทึกเสียงเดโม ชุด Mate.Feed.Kill.Repeat ซึ่งเป็นเดโมชุดแรกเสร็จ

โดยเขาได้รับคำชักชวนให้เข้าร่วมวงจากโจอี้ จอร์ดิสัน มือกลองของสลิปน็อต ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมวงโมดิฟีเดียส ของเขามาก่อน[1] ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการบันทึกเสียงเดโมชุดแรกร่วมกับทางวง แต่เขาก็ยังมีชื่อปรากฏบนปกเดโม ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในการทำคอนเซปต์และกราฟิก

หลังจากเข้าร่วมวงได้ไม่นาน เขาก็เปลี่ยนบทบาทในวงจากมือกีตาร์ ไปเล่นซินธิไซเซอร์และแซมเพลอร์ รวมทั้งเป็นผู้สร้างสรรค์เอฟเฟกต์และเสียงสังเคราะห์ต่างๆ ให้กับวง โดยตำแหน่งกีตาร์ของเขาถูกแทนที่ด้วยมิก ทอมสัน[2]

หน้ากาก

[แก้]

เครก โจนส์ ถือเป็นสมาชิกของวงสลิปน็อต ที่มีภาพลักษณ์ลึกลับมากที่สุดในวง โดยในช่วงแรกที่เข้าร่วงวงในฐานะมือกีตาร์ แทนที่ ดอนนี่ สติล เขาเลือกที่จะสวมถุงน่องไว้บนศีรษะ ต่อมาเขาเปลี่ยนมาสวมหมวกนิรภัยที่ออกแบบให้มีตะปูขนาดยาวตอกเอาไว้รอบๆ[3] ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้หน้ากากที่ต้องการจะสื่อถึงอาการกามวิปริต โดยใช้หน้ากากหนังแบบบอนเดจ (Bondage Mask) หรือ หน้ากากทาส ซึ่งเป็นหน้ากากสำหรับประกอบกิจกรรมทางเพศสำหรับกลุ่มผู้ที่มีอาการทางเพศแบบเฟติช (Fetish) ในลักษณะยินดีเมื่อถูกพันธนาการ การเกิดอารมณ์เพศเมื่อได้ใช้อำนาจเหนือฝ่ายหนึ่ง หรือถูกใช้อำนาจเหนือ รูปแบบการใช้อำนาจจะแสดงออกโดยการมัดพันธนาการ การเฆี่ยนตี การทรมานร่างกาย การดูถูกเหยียดหยาม โยงกับสิ่งเร้าทางเพศคือความรู้สึกยินดีที่ได้พิชิตอีกฝ่าย และความรู้สึกยินดีที่ตนเองถูกพิชิต

โดยเครก โจนส์ ได้ใช้หน้ากากในลักษณะนี้มาจนถึงปัจจุบัน และยังคงออกแบบให้มีตะปูยาวตอกไว้รอบศีรษะ

ชีวิตส่วนตัว

[แก้]

โจนส์มักถูกสื่อตั้งชื่อว่าเป็นสมาชิกที่เงียบที่สุดในวงของสลิปน็อต จนได้รับการขนานชื่อว่า "The Quiet One" คอรีย์ เทย์เลอร์ นักร้องของวงยังอธิบายเกี่ยวกับโจนส์ว่า "เป็นบุคคลที่เงียบๆอย่างน่ากลัว" โรส โรบินสัน โปรดิวเซอร์ให้กับวงในอัลบั้มชุดแรก กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับโจนส์ว่า "พยายามที่จะคุยกับโจนส์แต่สิ่งที่เขากับทำนั่งและจ้อง"[4] นิตรสารเมทัล Loudwire โดยกราแฮม เฮริทแมนได้ระบุไว้ว่า "ไม่เคยพูด" และชอบ "อยู่ตัวลำพัง" และอาจเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหน้ากากของเขา[5] เอียน กิฟทิน จากหนังสือพิมพ์ เดอะการ์เดียน อธิบายตัวตนโจนส์ว่า "ทำตัวแปลกแยกอย่างเห็นได้ชัด" ด้วยลักษณะบุคลิกเงียบทำให้ผู้จัดการวงมักเอาเปรียบเป็น อูนาบอมเบอร์ (Unabomber) ซึ่งอ้างอิงถึงผู้ก่อการร้ายอย่าง เทโอดอร์ จอห์น คักซีนสกี [6]

ผลงาน

[แก้]
สลิปน็อต
  • Slipknot (1999)
  • Iowa (2001)
  • Vol. 3: (The Subliminal Verses) (2004)
  • All Hope Is Gone (2008)
  • .5: The Gray Chapter (2014)

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Slipknot Craig Jones Profile". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2016-04-12.
  2. "SLIPKNOT – Black-Goat.com – Your #1 Slipknot resource" เก็บถาวร 2007-12-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน.
  3. http://teamrock.com/feature/2015-10-05/the-definitive-history-of-every-slipknot-mask
  4. name="SUA30">McIver 2003, p. 30
  5. Hartmann, Graham (March 22, 2016). "7 Unforgettable Craig Jones Slipknot Moments". Loudwire. Townsquare Media. สืบค้นเมื่อ July 21, 2016.
  6. Gittins, Ian (February 22, 2002). "Among the maggots". The Guardian. Guardian Media Group. สืบค้นเมื่อ July 21, 2016.