อู่แห้ง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรือดำน้ำยูเอสเอส กรีนวิลล์ (SSN-772) ของกองทัพเรือสหรัฐ ในอู่แห้ง
เรือโจมตีชายฝั่งของกองทัพเรือสหรัฐ ในอู่แห้ง NASSCO ในปี 2012

อู่แห้ง (อังกฤษ: dry dock, drydock หรือ dry-dock) หมายถึงบ่อแคบ ๆ รูปร่างคล้ายเรือ ซึ่งสามารถสูบน้ำเข้ามาเพื่อให้สิ่งของลอยเข้ามาด้านในได้ จากนั้นจึงสูบน้ำออกเพื่อให้สิ่งของนั้นมาพักอยู่บนพื้นที่แห้งด้านล่าง อู่แห้งใช้สำหรับการก่อสร้าง บำรุงรักษา และซ่อมแซมเรือขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ รวมถึงพาหนะทางน้ำอื่น ๆ

อู่แห้งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกองทัพเรือในการซ่อมแซมเรือรบขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับท่าเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีอู่แห้งอยู่ภายใน เพื่อใช้ในการซ่อมแซมเรือสินค้าและเรือโดยสารขนาดใหญ่

ประวัติศาสตร์[แก้]

สมัยกรีซโบราณ[แก้]

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับอู่แห้งพบได้ในอียิปต์สมัยทอเลมี (ประมาณ 332–30 ปีก่อนคริสตกาล) โดยอะธีนาอีอุสแห่งนาอูคราทิส (Athenaeus of Naucratis) นักเขียนชาวกรีก ได้เขียนเกี่ยวกับการปล่อยเรือพายขนาดมหึมา "เทสรากอนเตเรส" (Tessarakonteres) ในรัชสมัยทอเลมีที่ 4 ฟิโลพาเตอร์ เขากล่าวถึงสิ่งที่อาจเป็นอู่แห้งขนาดใหญ่ที่ใช้ในการปล่อยเรือดังกล่าว[1]

หลังจากนั้น ช่างชาวฟีนิเชียนคนหนึ่งก็คิดค้นวิธีการปล่อยเรือใหม่ (เทสรากอนเตเรส) โดยขุดร่องลึกใต้ท้องเรือซึ่งมีความยาวเท่ากับตัวเรือเองติดกับท่าเรือ ในร่องลึกนั้น เขาสร้างฐานรองจากหินแข็งลึกห้าศอก แล้ววางทับด้วยคานไม้ขวางตลอดความกว้างของร่องลึก ห่างกันสี่ศอก จากนั้นก็ทำทางเชื่อมกับทะเลเพื่อเติมน้ำให้เต็มพื้นที่ที่ขุดไว้ ทำให้เรือลอยขึ้นมาได้ง่ายด้วยแรงคนที่มีอยู่ จากนั้นจึงปิดทางเข้าที่สร้างไว้เดิม และสูบน้ำออก เมื่อน้ำออกหมด เรือก็วางอยู่บนคานไม้ขวางที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้อย่างมั่นคง[2]

มีการคำนวณว่าอู่แห้งสำหรับเรือขนาดใหญ่นี้อาจจะมีปริมาณน้ำ 750,000 แกลลอน เทียบเท่ากับประมาณ 2,839 ล้านลิตร[3]

จีนสมัยกลาง[แก้]

การใช้อู่เรือแห้งในจีนนั้นสามารถย้อนกลับไปได้ไกลอย่างน้อยถึงศตวรรษที่ 10[4] ในปี ค.ศ. 1088 เฉิ่น คั่ว (ค.ศ. 1031–1095) นักวิทยาศาสตร์และรัฐบุรุษแห่งราชวงศ์ซ่ง เขียนไว้ใน "บทความสระนียาม" (Dream Pool Essays) ว่า:

ในช่วงต้นราชวงศ์ (ประมาณ ค.ศ. 965) สองมณฑลเช่อ (ปัจจุบันคือเจ้อเจียง และเจียงซูใต้) ได้ถวายเรือมังกรสองลำแก่องค์จักรพรรดิ แต่ละลำมีความยาวมากกว่า 200 ฟุต ตัวเรือมีหลายชั้น พร้อมห้องพักและโถงแบบพระราชวัง ภายในมีทั้งบัลลังก์และโซฟา พร้อมสำหรับการประพาสและตรวจราชการขององค์จักรพรรดิ ผ่านมาหลายปี ตัวเรือเริ่มผุพังและต้องการการซ่อมแซม แต่การทำเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ตราบใดที่เรือยังลอยน้ำอยู่ ด้วยเหตุนี้ ในรัชสมัยจักรพรรดิซ่งเสินจง (ค.ศ. 1068–1077) ขุนนางวังท่านหนึ่งชื่อหวงฮุ่ยซินได้เสนอแผนการขึ้นมา บ่อขนาดใหญ่ถูกขุดขึ้นบริเวณปลายด้านเหนือของทะเลสาบจินหมิง เพื่อรองรับเรือมังกร และภายในบ่อนี้มีการวางคานไม้ขวางขนาดใหญ่และแข็งแรงลงบนฐานรากที่สร้างจากเสา จากนั้น (เปิดทางน้ำเข้าบ่อ) ทำให้น้ำไหลเข้าเติมบ่ออย่างรวดเร็ว เมื่อบ่อเต็มแล้ว เรือทั้งสองลำจึงถูกดึงลากขึ้นไปเหนือคานไม้ขวาง (หลังจากปิดทางน้ำเข้า) น้ำจึงถูกสูบออกจากบ่อด้วยเครื่องสูบแบบกงล้อ ทำให้เรือค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นจนพักอยู่บนอากาศอย่างมั่นคง เมื่อการซ่อมแซมเสร็จสิ้น น้ำก็ถูกปล่อยกลับเข้ามาอีกครั้ง เพื่อให้เรือมังกรลอยน้ำอีกครั้ง (และสามารถออกจากอู่ได้) สุดท้าย คานไม้ขวางและเสาถูกนำออก และทั้งบ่อถูกคลุมด้วยหลังคาขนาดใหญ่ เพื่อสร้างเป็นโรงเก็บเรือ ป้องกันแดดลมและความเสียหายจากแดดฝน[5][6]

สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยายุโรป[แก้]

อู่แห้งลอยน้ำ ภาพพิมพ์แกะไม้จากเวนิส (ค.ศ. 1560)

อู่แห้งในยุโรปยุคต้นสมัยใหม่แห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดที่ยังใช้งานอยู่ตั้งอยู่ที่ฐานทัพเรือหลวงพอร์ตสมัธ ถูกสร้างขึ้นตามบัญชาของพระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1495 (ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทัพเรือทิวดอร์)[7]

หลักฐานการกล่าวถึงอู่แห้งแบบลอยที่เก่าแก่ที่สุดอาจมาจากหนังสือเล่มเล็กในภาษาอิตาลีที่ตีพิมพ์ในเวนิส ค.ศ. 1560 เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องกลประดิษฐ์ (Descrittione dell'artifitiosa machina) ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนนิรนามได้เสนอวิธีการใหม่ในการกู้เรือที่ติดอยู่ใต้ท้องทะเล และเริ่มอธิบายถึงวิธีการของเขาพร้อมภาพประกอบ ภาพแกะไม้ที่แนบมาแสดงภาพเรือที่อยู่ระหว่างแท่นลอยขนาดใหญ่สองอัน มีหลังคาเหนือเรือ ลำเรือถูกดึงเข้ามาในแนวตั้งด้วยเชือกจำนวนมากที่ติดกับโครงสร้างบนเรือ[8]

สมัยปัจจุบัน[แก้]

อู่ต่อเรือฌานตีเย เดอแอตแลนติค (Chantiers de l'Atlantique) ในเมืองแซ็ง-นาแซร์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นเจ้าของอู่แห้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยขนาด 1,200 × 60 เมตร (3,940 × กว้าง 200 ฟุต) และอู่แห้งที่มีหลังคาขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่อู่ต่อเรือเมเยอร์ เวิร์ฟท์ (Meyer Werft Shipyard) ในเมืองพาเพนบวร์ค ประเทศเยอรมนี ด้วยความยาว 504 เมตร ความกว้าง 125 เมตร และความสูง 75 เมตร[9]

บริษัทอุตสาหกรรมหนักฮาร์แลนด์แอนด์วูล์ฟ (Harland and Wolff Heavy Industries) ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ เป็นที่ตั้งของอู่แห้งขนาดใหญ่ 556 × 93 เมตร (1,824 × 305 ฟุต) ซึ่งถือเป็นอู่แห้งที่ใหญ่แห่งหนึ่งในโลก เครนขนาดมหึมาที่อยู่ภายในอู่แห้งแห่งนี้ตั้งชื่อตามบุคคลในคัมภีร์ไบเบิล ได้แก่ แซมสัน และ โกไลแอท

อู่แห้งหมายเลข 12 ของบริษัทต่อเรือนิวพอร์ตนิวส์ (Newport News Shipbuilding) ในรัฐเวอร์จิเนีย เป็นอู่แห้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีความยาว 662 เมตร และกว้าง 76 เมตร (2,172 × 249 ฟุต) อู่ลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือมีชื่อว่า "เดอะวิเกอรัส" (The Vigorous) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทไวกอร์ อินดัสทรีส์ (Vigor Industries) ในรัฐออริกอน ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมสวอนไอแลนด์ (Swan Island Industrial Area) ริมแม่น้ำวิลลาเมตต์[10]

ประเภท[แก้]

การใช้งานอื่น[แก้]

แกลเลอรี[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. Oleson 1984, p. 33
  2. Athenaeus of Naucratis (Yonge, C.D., Editor) The deipnosophists, or, Banquet of the learned of Athenæus, volume I, London: Henry G. Bohn, p.325 (5.204c)
  3. Landels 2000, p. 163
  4. Levathes, Louise (1994). When China Ruled the Seas. Oxford University Press. p. 77. ISBN 978-0-19-511207-8.
  5. Needham, Joseph (1986). Science and Civilization in China: Volume 4 Part 3. Taipei: Caves Books, Ltd. Page 660
  6. Bouée, Charles-Edouard (2010). China's Management Revolution: Spirit, Land, Energy. Palgrave Macmillan. p. 84. ISBN 978-0230285453.
  7. Sarton 1946, p. 153
  8. Sarton 1946, pp. 153f.
  9. "Meyer Werft baut größte Dockhalle der Welt". Spiegel Online. 2008-01-18. สืบค้นเมื่อ 2009-06-25.
  10. "North America's largest drydock floats first ship at Swan Island's Vigor Industrial (infographic and time lapse)". OregonLive.com. สืบค้นเมื่อ 2016-11-03.