ข้ามไปเนื้อหา

อัลฆ็อยบ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อัลฆ็อยบ์ (อาหรับ: الغيب) เป็นคำแสดงออกในภาษาอาหรับที่ใช้สื่อถึงบางสิ่งที่ถูกปิดบัง (ไม่เห็น) โดยเป็นแนวคิดสำคัญในศาสนาอิสลามที่ครอบคลุมถึงสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจล่วงรู้หรือรู้ได้[1] ซึ่งรวมถึงพระเจ้า, พระนามของพระองค์ วันพิพากษากับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในวันนั้น และหัวใจ[2] นอกเหนือจากนัยทางเทววิทยาแล้ว ยังอาจหมายถึงสิ่งที่ "มองไม่เห็น" เมื่อเทียบกับผู้สังเกตในแง่ที่ว่ามีคนกระทำการลับหลังผู้รับรู้[3]

โดยทั่วไป สิ่งมีชีวิตที่จัดเป็นพวกเหนือธรรมชาติในวิชาการตะวันตกเช่นญิน ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของอัลฆ็อยบ์[4]

ในอัลกุรอาน คำนี้มี 6 รูปและ 3 ความหมาย แต่ยังใช้ในความหมายทั่วๆ ไปเพื่ออ้างถึงบางสิ่งที่บางคนรู้แต่คนอื่นไม่รับรู้ก็ได้

ความหมาย

[แก้]

ในภาษาอาหรับ อัลฆ็อยบ์สื่อถึงทุกสิ่งที่ถูกซ่อนเร้น มันมีความหมายที่ซับซ้อนหลายอย่างที่เกิดจากการแปลอุปมา "ความลึกของบ่อ" [5] เนื่องจากความลึกของบ่อน้ำถูกบดบังด้วยสายตา รายละเอียดของบ่อจึงไม่สามารถระบุได้โดยทั่วไป ดังนั้น อัลฆ็อยบ์จึงหมายถึงสิ่งที่มองไม่เห็น ซ่อนเร้น หรือปกปิด[6]

ในศาสนาอิสลาม

[แก้]

ในเนื้อหาศาสนาอิสลาม อัลฆ็อยบ์สื่อถึงความลับที่เหนือเหตุผลหรือพระผู้เป็นเจ้า โดยกล่าวถึงในอัลกุรอาน 60 ที่ ในหกรูปแบบ โดยทั่วไปมี 3 ความหมาย:[7]

  1. ความลับ – "ทั้งนี้เพื่อให้เขารู้ว่า แท้จริงฉันมิได้ทรยศต่อเขาโดยลับหลัง และแท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้แนะแนวการวางแผนของพวกทรยศ" [8] (ซูเราะฮ์ที่ 12:52)
  2. ไม่ทราบหรือสิ่งเร้นลับ – "ผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผยผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงสูงส่งยิ่ง" [9] (ซูเราะฮ์ที่ 13:9)
  3. อนาคต – "จงกล่าวเถิดว่า (มุฮัมมัด) ว่า "ฉันไม่มีอำนาจที่จะครอบครองประโยชน์ใด ๆ และโทษใด ๆ ไว้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ตัวของฉันได้ นอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประสงค์เท่านั้น และหากฉันเป็นผู้ที่รู้สิ่งเร้นลับแล้ว แน่นอนฉันก็ย่อมกอบโกยสิ่งที่ดีไว้มากมายแล้ว และความชั่วร้ายก็ย่อมไม่ต้องฉันได้ ฉันมิใช้ใครอื่น นอกจากผู้ตักเตือน และผู้ประกาศข่าวดีแก่กลุ่มชนที่ศรัทธาเท่านั้น""[10] (ซูเราะฮ์ที่ 7:188) [7]

ประเภท

[แก้]

ประเภทหลักของอัลฆ็อยบ์มี 2 แบบ:

1. อัลฆ็อยบุลมุฏลัก (الغيب المطلق) - ฆ็อยบ์แบบสมบูรณ์ สื่อถึงความรู้ทั้งหมดที่ถูกซ่อนเร้นหรือปิดบัง และมีแค่อัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้ ดังปรากฎในอัลกุรอานว่า: "และที่พระองค์นั้นมีบรรดากุญแจแห่งความเร้นลับ โดยที่ไม่มีใครรู้กุญแจเหล่านั้น นอกจากพระองค์เท่านั้น…" [11] (ซูเราะฮ์ที่ 6:59) [12]

ตัวอย่างรูปแบบแบบของอัลฆ็อยบ์จากรายงานของศาสดามุฮัมมัดว่า: รายงานจากอับดุลลอฮ์ อิบน์ อุมัรว่า ศาสนทูตของอัลลอฮ์กล่าวว่า "กุญแจของอัลฆ็อยบ์ (ความรู้ที่ซ่อนเร้น) มี 5 อย่าง ซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากอัลลอฮ์ ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้เกิดอะไรขึ้นนอกจากอัลลอฮ์ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรอยู่ในมดลูกนอกจากอัลลอฮ์ ไม่มีใครรู้ว่าฝนจะตกเมื่อใดนอกจากอัลลอฮ์ ไม่มีวิญญาณใดรู้ว่าตนจะตายที่ไหนนอกจากอัลลอฮ์ และไม่มีใครรู้ว่าวันสิ้นโลกจะเกิดในวันไหนนอกจากอัลลอฮ์[13]

2. อัลฆ็อยบุนนิสบี (الغيب النسبي) - ใกล้เคียงกับอัลฆ็อยบ์ เป็นสิ่งที่มีกับบุคคลและสถานการณ์ ดังนั้นถ้าซ่อนเร้นจากผู้อื่น ก็จะเป็นที่ประจักษ์แก่คนนั้น ตัวอย่างเช่น ในห้องเรียน นักเรียนสามารถเห็นครูผู้สอนได้ ได้ยินเนื้อหา และบทสนทนาในห้องเรียน ในขณะที่คนด้านนอกจะไม่รู้ถึงสถานการณ์ในห้องเรียนเลย[12]

ตัวอย่างในคัมภีร์

[แก้]

ในเนื้อหาศาสนาอิสลาม (อัล)ฆ็อยบ์ (غيب) คือ (สิ่งที่) มองไม่เห็น และ ไม่ทราบ เพื่อสื่อถึงอัลลอฮ์และพลังที่ก่อร่างโลก[14] การเชื่อในหลักนี้เป็นสิ่งที่สำคัญของมุสลิม ดังตัวอย่างจากอัลกุรอาน


…قَالَ أَلَمْ أَقُل لَّكُمْ إِنِّي أَعْلَمُ غَيْبَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَأَعْلَمُ مَا تُبْدُونَ وَمَا كُنتُمْ تَكْتُمُونَ

...พระองค์จึงตรัสว่า "ข้ามิได้บอกแก่พวกเจ้าดอกหรือว่า แท้จริงข้าเป็นผู้รู้ยิ่งซึ่งความเร้นลับแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและเป็นผู้รู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผยและสิ่งที่พวกเจ้าปกปิด"

—อัลกุรอาน 2:33:


قُل لَّا أَقُولُ لَكُمْ عِندِي خَزَائِنُ اللَّهِ وَلَا أَعْلَمُ الْغَيْبَ وَلَا أَقُولُ لَكُمْ إِنِّي مَلَكٌ ۖ إِنْ أَتَّبِعُ إِلَّا مَا يُوحَى إِلَيَّ...

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า "ฉันจะไม่กล่าวแก่พวกท่านว่า ที่ฉันมีบรรดาคลังสมบัติของอัลลอฮฺ และทั้งฉันก็ไม่รู้สิ่งเร้นลับ และฉันก็จะไม่กล่าวแก่พวกท่านว่า ฉันคือมะลัก ฉันจะไม่ปฏิบัติตาม นอกจากสิ่งที่ถูกให้เป็นโองการแก่ฉันเท่านั้น"...

—อัลกุรอาน 6:50:


وَعِندَهُ مَفَاتِحُ الْغَيْبِ لَا يَعْلَمُهَا إِلَّا هُوَ ۚ وَيَعْلَمُ مَا فِي الْبَرِّ وَالْبَحْرِ ۚ وَمَا تَسْقُطُ مِن وَرَقَةٍ إِلَّا يَعْلَمُهَا وَلَا حَبَّةٍ فِي ظُلُمَاتِ الْأَرْضِ وَلَا رَطْبٍ وَلَا يَابِسٍ إِلَّا فِي كِتَابٍ مُّبِينٍ

และที่พระองค์นั้นมีบรรดากุญแจแห่งความเร้นลับ โดยที่ไม่มีใครรู้กุญแจเหล่านั้น นอกจากพระองค์เท่านั้น และพระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และในทะเล และไม่มีใบไม้ใด ร่วงหล่นลง นอกจากพระองค์จะทรงรู้มัน และไม่มีเมล็ดพืชใด ซึ่งอยู่ในบรรดาความมืดของแผ่นดิน และไม่มีสิ่งที่อ่อนนุ่มใด และสิ่งที่แห้งใด นอกจากจะอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง

—อัลกุรอาน 6:59:

อ้างอิง

[แก้]
  1. Al-Baydawi, Abdullah bin Omar. "The lights of revelation and the secrets of interpretation." Dar Ihya al-turath al-arabi, Beirut (1997). p. 263
  2. Al-Baydawi, Abdullah bin Omar. "The lights of revelation and the secrets of interpretation." Dar Ihya al-turath al-arabi, Beirut (1997). p. 263
  3. Al-Baydawi, Abdullah bin Omar. "The lights of revelation and the secrets of interpretation." Dar Ihya al-turath al-arabi, Beirut (1997). p. 263
  4. Teuma, Edmund. "The Solomon legend in Muslim tradition." (1987).
  5. Brill Dictionary, p.680
  6. Hans Wehr Dictionary 4th ed., page 806
  7. 7.0 7.1 Brill Dictionary, p.680-681
  8. กุรอาน 12:52
  9. กุรอาน 13:9
  10. กุรอาน 7:188
  11. กุรอาน 6:59
  12. 12.0 12.1 VIDEO: الغيب المطلق والغيب النسبي.
  13. ตัฟซีร อิบน์กะษีร
  14. "Did the Prophet (a.s.) know Al-Ghaib?". quranicteachings.co.uk. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 5, 2011.