หุบอุกกาบาตชิกชูลุบ
หุบอุกกาบาตชิกชูลุบ (สเปน: cráter de Chicxulub) คือหุบอุกกาบาตที่ถูกฝังอยู่ใต้คาบสมุทรยูกาตันในประเทศเม็กซิโก[2] ศูนย์กลางของหุบตั้งอยู่นอกชายฝั่งใกล้กับชุมชนชิกชูลุบปูเอร์โตและชุมชนชิกชูลุบปูเอโบลซึ่งเป็นที่มาของชื่อหุบ[3] หุบนี้เกิดขึ้นเมื่อดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 กิโลเมตร (6.2 ไมล์) พุ่งชนโลก[4] ช่วงเวลาที่เกิดการพุ่งชนสอดคล้องอย่างแม่นยำกับเส้นเขตชั้นหินครีเทเชียส–พาลีโอจีน (หรือ "เส้นเขตชั้นหินเค–พีจี") ซึ่งมีอายุประมาณ 66 ล้านปีมาแล้ว[5] ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางคือ การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของภูมิอากาศทั่วโลกจากการพุ่งชนเป็นสาเหตุของการสูญพันธุ์ยุคครีเทเชียส–พาลีโอจีน โดยร้อยละ 75 ของชนิดพืชและชนิดสัตว์ทั้งหมดบนโลก (รวมถึงไดโนเสาร์ที่ไม่ใช่สัตว์ปีกทั้งหมด) ถูกกวาดล้างไป
ประมาณกันว่าหุบอุกกาบาตชิกชูลุบมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 150 กิโลเมตร (93 ไมล์)[2] และมีความลึก 20 กิโลเมตร (12 ไมล์) ลงไปในชั้นเปลือกโลกภาคพื้นทวีปซึ่งมีความลึกอยู่ระหว่าง 10–30 กิโลเมตร (6.2–18.6 ไมล์) เป็นโครงสร้างจากการตกกระแทกที่ได้รับการยืนยันว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก และเป็นโครงสร้างเพียงแห่งเดียวที่มีวงแหวนยอด (peak ring) อยู่ในสภาพเดิมและเข้าถึงได้โดยตรงสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์[6]
หุบอุกกาบาตชิกชูลุบได้รับการค้นพบโดยอันโตนิโอ กามาร์โก และเกล็น เพ็นฟีลด์ นักธรณีฟิสิกส์ผู้กำลังค้นหาแหล่งปิโตรเลียมในคาบสมุทรยูกาตันในปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 ในช่วงแรกเพ็นฟีลด์ไม่สามารถหาหลักฐานยืนยันได้ว่ารูปลักษณ์ทางธรณีวิทยาดังกล่าวเป็นหุบอุกกาบาตและล้มเลิกการค้นหาไป ต่อมา จากการติดต่อกับแอลัน อาร์. ฮิลดิแบรนด์ ใน ค.ศ. 1990 เพ็นฟีลด์ได้ตัวอย่างที่บ่งชี้ว่าเป็นรูปลักษณ์ดังกล่าวเป็นรูปลักษณ์ที่เกิดจากการตกกระแทก หลักฐานการกำเนิดของหุบอุกกาบาตนี้ได้แก่ช็อกต์ควอตซ์[7] ความผิดปกติของค่าความถ่วง และอุลกมณีในพื้นที่โดยรอบ
ใน ค.ศ. 2016 โครงการขุดเจาะทางวิทยาศาสตร์โครงการหนึ่งได้ขุดลึกลงไปในวงแหวนยอดของหุบอุกกาบาตซึ่งอยู่ต่ำกว่าพื้นทะเลปัจจุบันหลายร้อยเมตรเพื่อเก็บตัวอย่างหินที่แตกกระจายจากการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อย การค้นพบนี้ถือเป็นการยืนยันทฤษฎีปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการพุ่งชนและผลกระทบของมัน[8] การศึกษาใน ค.ศ. 2020 สรุปว่าหุบอุกกาบาตชิกชูลุบเกิดขึ้นจากการตกกระแทกแนวเฉียง (ทำมุม 45–60 องศากับแนวระดับ) จากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ[9]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "PIA03379: Shaded Relief with Height as Color, Yucatan Peninsula, Mexico". Shuttle Radar Topography Mission. NASA. สืบค้นเมื่อ October 28, 2010.
- ↑ 2.0 2.1 "Chicxulub". Earth Impact Database. Planetary and Space Science Centre University of New Brunswick Fredericton. สืบค้นเมื่อ December 30, 2008.
- ↑ Penfield, Glen (2019). "Unlikely Impact". AAPG Explorer. 40 (12): 20–23. สืบค้นเมื่อ 12 December 2019.
- ↑ Desch, Steve; Jackson, Alan; Noviello, Jessica; Anbar, Ariel (2021-06-01). "The Chicxulub impactor: comet or asteroid?" (PDF). Astronomy & Geophysics (ภาษาอังกฤษ). 62 (3): 3.34–3.37. arXiv:2105.08768. doi:10.1093/astrogeo/atab069. ISSN 1366-8781.
- ↑ Renne, P. R.; Deino, A. L.; Hilgen, F. J.; Kuiper, K. F.; Mark, D. F.; Mitchell, W. S.; Morgan, L. E.; Mundil, R.; Smit, J. (2013). "Time Scales of Critical Events Around the Cretaceous-Paleogene Boundary" (PDF). Science. 339 (6120): 684–687. Bibcode:2013Sci...339..684R. doi:10.1126/science.1230492. ISSN 0036-8075. PMID 23393261. S2CID 6112274.
- ↑ St. Fleur, Nicholas (November 17, 2016). "Drilling Into the Chicxulub Crater, Ground Zero of the Dinosaur Extinction". The New York Times. สืบค้นเมื่อ November 4, 2017.
- ↑ Becker, Luann (2002). "Repeated Blows" (PDF). Scientific American. 286 (3): 76–83. Bibcode:2002SciAm.286c..76B. doi:10.1038/scientificamerican0302-76. PMID 11857903. สืบค้นเมื่อ January 28, 2016.
- ↑ Kornel, Katherine (September 10, 2019). "A New Timeline of the Day the Dinosaurs Began to Die Out – By drilling into the Chicxulub crater, scientists assembled a record of what happened just after the asteroid impact". The New York Times. สืบค้นเมื่อ September 25, 2019.
- ↑ G. S. Collins; และคณะ (2020). "A steeply-inclined trajectory for the Chicxulub impact". Vol. 11 no. 1480. Nature Communications. doi:10.1038/s41467-020-15269-x.