สลัดได
หน้าตา
สลัดได | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Rosids |
อันดับ: | Malpighiales |
วงศ์: | Euphorbiaceae |
สกุล: | Euphorbia |
สปีชีส์: | E. antiquorum |
ชื่อทวินาม | |
Euphorbia antiquorum L.[1] |
สลัดได (ชื่อวิทยาศาสตร์: Euphorbia lacei Craib) เป็นพันธุ์ไม้ประดับอีกชนิดหนึ่ง ที่เป็นพืชสมุนไพรรักษาโรคได้ ต้นพืชชนิดนี้ถ้าจะนำมาใช้จะต้องมีความระมัดระวังให้มาก เพราะสลัดได ส่วนที่เป็นลำต้น กิ่งก้าน ดอก จะมียาง และ ยางนี้จะมีพิษค่อนข้างรุนแรง ถ้าใช้อย่างถูกวิธี ก็จะให้ประโยชน์[2] แก่นกลางต้นที่อายุมาก ๆ จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เรียก "กะลำพัก"
ถิ่นกำเนิด
[แก้]มีถิ่นกำเนิดใน เอเชีย เขตร้อน พบมากตามก้อนหินริมเขา และพื้นที่ร้อนชื้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
[แก้]- ลำต้น คล้าย ตะบองเพชร แต่มีความอวบมากกว่า สูง 2-3 เมตร ผิวเรียบ ลักษณะเป็นเหลี่ยม ลำต้นกิ่งอวบน้ำมี 3-6 เหลี่ยม แตกใบเป็นกิ่งก้าน มีหนามทั่วทั้งลำต้น ปกคลุมตามข้อต่อใบ ภายในมียางสีขาว เป็นพิษ
- ใบ ใบเดี่ยว ใบอ่อน มีสีเขียวอ่อน ใบแก่ มีสีเขียวแก่ เรียงสลับ ขนาดเล็ก รูปไข่กลับ ปลายใบกลม หลุดร่วงง่าย[3] ลักษณะใบอวบเขียว มีหนามระหว่างข้อใบเป็นรูปไข่เหลียมจนมองได้เป็นสามเหลี่ยม เรียงสลับ อวบน้ำ ใบร่วงง่าย
- ดอก ออกเป็นช่วงสั้นๆ ดอกย่อยขนาดเล็ก ลักษณะเป็นดอกเดียว แต่อยู่รวมกันบริเวณตาหนาม ช่อสั้น ใบประดับสีเหลือง ดอกตัวผู้และตัวเมียไม่มีกลีบดอก
- ผล เป็นผลแห้ง แตกได้ ขนาดเล็ก ลักษณะรียาวเหมือนไข่ เมื่อแตกจะแยกเป็น 3 พู
การปลูกและขยายพันธุ์
[แก้]ปลูกได้โดยการปักชำ และเพาะเมล็ด นิยมปลูกตามสวนสมุนไพร
สรรพคุณ
[แก้]- แก่น มีรสขม มีกลิ่นหอม สามารถแก้ไข้ บำรุงหัวใจ
- ยาง ยางจากต้น มีพิษ หากถูกผิวหนังจะระคายเคือง สามารถใช้กัดหูด ต้องลดความเป็นพิษด้วยการ "ประสะ" โดยนึ่งยางให้สุก แล้วตากให้แห้ง ใช้เป็นยาถ่ายอย่างแรงปรุงเป็นยาถ่าย[4] ถ่ายพิษเสมหะและโลหิต ถ่ายหัวริดสีดวงลำไส้และริดสีดวงทวารหนัก ขับโลหิตเน่าร้าย[5] สารที่พบในสลัดได มี 3-O-angeloylingenol ซึ่งเป็นสารร่วมก่อมะเร็ง[6] จึงต้องระวังในการใช้
ชื่อท้องถิ่น
[แก้]ใน ประเทศไทย มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างกันไป เช่น
- ภาคกลาง - สลัดไดป่า
- ภาคอีสาน - กะลำพัก
- ภาคเหนือ - เคียะผา
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน - เคียะเลี่ยม, หงอนงู
อ้างอิง
[แก้]- ↑ http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri/index.php?page=search_detail&medicinal_id=110
- ↑ http://herbalssak.blogspot.com/2011/07/blog-post.html
- ↑ http://www.healthinessplus.com/board/index.php?topic=3013.0;wap2[ลิงก์เสีย]
- ↑ http://xn--m3ce6abc3gbb6n8c.blogspot.com/2010/09/blog-post_240.html
- ↑ http://vejpongosot.com/clinic.php?sequence=&action=viewall&c_page=2&groups=&th=&ch=&ot=&all=&txt=
- ↑ http://www.scienceasia.org/1983.09.n2/081.php