ข้ามไปเนื้อหา

วิลเฟรด โอเวน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วิลเฟรด โอเวน
เกิดวิลเฟรด เอ็ดเวิร์ด ซอลเตอร์ โอเวน
18 มีนาคม ค.ศ. 1893(1893-03-18)
ออสเวสตรี มณฑลชรอปเชอร์ อังกฤษ
เสียชีวิต4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918(1918-11-04) (25 ปี)
คลองซ็องบร์–อวซ ฝรั่งเศส
สาเหตุเสียชีวิตเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่
สัญชาติบริติช
อาชีพกวี
เว็บไซต์www.wilfredowen.org.uk

วิลเฟรด เอ็ดเวิร์ด ซอลเตอร์ โอเวน (อังกฤษ: Wilfred Edward Salter Owen, 18 มีนาคม ค.ศ. 1893 – 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918) เป็นกวีและทหารชาวอังกฤษ เป็นหนึ่งในกวีที่มีชื่อเสียงช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บทกวีของเขามักสะท้อนภาพความน่ากลัวในสนามเพลาะและความโหดร้ายของสงคราม ตรงข้ามกับบทกวีในยุคนั้นที่มักปลุกใจและเชิดชูการทำสงคราม ผลงานเด่นของเขาที่ตีพิมพ์หลังเสียชีวิต ได้แก่ "Dulce et Decorum est" "Insensibility" และ "Anthem for Doomed Youth"

วิลเฟรด โอเวนเกิดในปี ค.ศ. 1893 ที่เมืองออสเวสตรี มณฑลชรอปเชอร์ เป็นบุตรคนโตจากทั้งหมด 4 คนของทอมัสกับซูซาน โอเวน (นามสกุลเดิม ชอว์) ต่อมาโอเวนย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่เมืองเบอร์เคนเฮดและชรูว์สบรี[1] และเรียนที่โรงเรียนในเมืองนั้น โอเวนเริ่มสนใจการเขียนกลอนราวปี ค.ศ. 1904 หลังพักผ่อนในวันหยุดที่เชชเชอร์[2] ช่วงแรกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากคัมภีร์ไบเบิล จอห์น คีตส์ และเพอร์ซี บีช เชลลีย์[3] หลังจากนั้นเขาทำงานเป็นผู้ช่วยมุขนายกแห่งดันส์เดน ใกล้เมืองเรดิง[4] ในปี ค.ศ. 1913 โอเวนเรียนที่มหาวิทยาลัยเรดิง ก่อนจะทำงานเป็นครูกวดวิชาภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสที่เมืองบอร์โด

ในปี ค.ศ. 1915 หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอุบัติ โอเวนถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารในกำลังสำรองของกองทัพบกสหราชอาณาจักร ปีต่อมาเขาได้รับยศร้อยตรีประจำกรมทหารแมนเชสเตอร์[5] ระหว่างสงคราม โอเวนประสบความบาดเจ็บทางจิตใจที่เรียกว่า shell shock จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงครามเคร็กล็อกฮาร์ต และพบกับกวี ซีกฟรีด แซสซูน ผู้ส่งผลต่องานของโอเวนในเวลาต่อมา[6] ในปี ค.ศ. 1918 โอเวนกลับเข้ารับราชการทหารที่ฝรั่งเศส และได้รับกางเขน Military Cross หลังนำหมู่ทหารบุกโจมตีที่มั่นศัตรูในหมู่บ้านฌงกูร์ (Joncourt) วันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 โอเวนเสียชีวิตขณะนำทหารข้ามคลองซ็องบร์–อวซ ทางเหนือของฝรั่งเศส ข่าวการเสียชีวิตของเขาไปถึงครอบครัวในวันสงบศึก (11 พฤศจิกายน)[7] ในปี ค.ศ. 1985 โอเวนเป็นหนึ่งในกวีสงคราม 16 คนที่ได้รับการรำลึกที่มุมกวีในเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์[8]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Wilfred Owen, A Biography. p. 13.
  2. Paul Farley, "Wilfred Owen: Journey to the Trenches", The Independent, November 2006
  3. Sandra M. Gilbert. "'Anthem for Doomed Youth' and 'Dulce et Decorum Est': tracing the influence of John Keats". British Library. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-02-25. สืบค้นเมื่อ 1 December 2019.
  4. Stallworthy, Jon (2004). Wilfred Owen: Poems selected by Jon Stallworthy. London: Faber and Faber. pp. vii–xix. ISBN 978-0-571-20725-1.
  5. "No. 29617". The London Gazette (Supplement). 6 June 1916. p. 5726.
  6. "Wilfred Owen (1893–1918) - British poet". Britannica. สืบค้นเมื่อ April 4, 2020.
  7. "Historic Figures: Wilfred Owen (1893–1918)". BBC. สืบค้นเมื่อ April 4, 2020.
  8. "Poets". Net.lib.byu.edu. สืบค้นเมื่อ 24 March 2012.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]