พูดคุย:เจ้าเสือข่านฟ้า

ไม่รองรับเนื้อหาของหน้าในภาษาอื่น
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งประเทศไทยใหญ่(รัฐฉาน)จริงๆ พระองค์คงทรงเหนื่อยมากๆเลยที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นให้ชาวไทยใหญ่ได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นแผ่นดินเดียวกันนะครับ

                                                                                                                                                                                                                                                                  ความจริงเรื่องไทใหญ่ "ประวัติศาสตร์ และการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และความอยู่รอดในผืนแผ่นดินของตน" เชิญศึกษาได้ที่นี่                                                                                                                                                                                                                                                                    
 Taiyai.net 

เจ้าเสือข่านฟ้า (พ.ศ.1854-1907 หรือ ค.ศ.1331-1364)

เจ้าหลวงเสือข่านฟ้า เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทยใหญ่ เพราะพระองค์สามารถรวบรวมรัฐไทยใหญ่ที่มีเจ้าฟ้าปกครอง และไม่ขึ้นตรงต่อกัน ให้มาเป็นอาณาจักรเดียวกัน ภายใต้ชื่อว่าอาณาจักรเมืองมาวหลวง ในสมัยพระองค์นั้นทำให้อาณาจักรเมืองมาวหลวงมีอำนาจเกรียงไกรและมีความเจริญรุ่งเรืองมาก อาณา จักรเมืองมาวหลวงตั้งอยู่ได้นานถึง 105 ปี (พ.ศ.1887 - 1992 หรือ ค.ศ.1344 - 1449)
          แต่ก่อนที่เมืองมาวหลวงจะขึ้นมาเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่นั้น เมืองมาวหลวงเป็นรัฐเจ้าฟ้าเฉกเช่นเดียวกับรัฐเจ้าฟ้าอื่น ๆ เจ้าหลวงเสือข่านฟ้า เป็นโอรสเจ้าหลวงขุนผางคำ เจ้าฟ้าเมืองมาว กับพระนางอ่อน โดยมีพี่น้องร่วมอุทรกัน 3 องค์ คือ
          1. ขุนอ้ายงำเมือง 
           2. ขุนยี่ข่างคำ (เสือข่านฟ้า) 
           3. ขุนสามหลวงฟ้า

ขึ้นครองราชย์ และย้ายเมืองหลวง (พ.ศ.1854 หรือ ค.ศ.1311)

         หลังจากที่พระราชบิดาสวรรคตแล้ว เสนาอำมาตย์ได้ยกขุนยี่ข่างคำเป็นเจ้าฟ้าปกครองเมืองมาวต่อมา โดยเริ่มขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ.1854 หรือ ค.ศ.1311 เมื่อพระชนมายุได้ 21 ปี เมื่อขึ้นครองราชย์แล้วก็ มีพระนามว่าเสือข่านฟ้า และทรงสร้างเมืองใหม่ชื่อว่าเมืองแจ้ไฮ่ และในอีก 2 ปีต่อมาก็ทรงย้ายไปสร้างเวียงแจ้ล้านอีก เพราะเป็นพื้นที่ ชัยภูมิทางยุทธศาสตร์

ภารกิจการรวบรวมรัฐไทยใหญ่ให้เป็นหนึ่งเดียว

          หลังจากที่ได้ทรงย้ายเมืองหลวงแล้ว พระองค์จึงดำริที่จะรวบรวมรัฐชนเผ่าไต (ไท) ซึ่งตั้งเมืองอยู่กระ จัดกระจายกันไปในพื้นที่ต่าง ๆ โดยไม่ขึ้นตรงต่อกัน ให้มาเป็นรัฐเดียวกัน ดังนั้น พระองค์จึงทรงเริ่มออกศึก เพื่อรวบรวมรัฐไต (ไท) ให้เป็นเอกภาพ การออกศึกเพื่อรวบรวมรัฐไต (ไท) ดังกล่าว แบ่งออกเป็น 6 ครั้งใหญ่ ๆ คือ

ครั้งที่หนึ่ง รวบรวมอาณาจักรแสนหวี เวียงแสนแจ้ (ปี พ.ศ.1857 หรือ ค.ศ.1314)

          พระองค์ได้ส่งสาสน์ไปยังเจ้าท้าวน้อยแข่ ผู้ครองอาณาจักรแสนหวี เวียงแสนแจ้ เพื่อปรึกษาหารือใน เรื่องการรวมรัฐ แต่เจ้าท้ายน้อยแข่มิทรงยอมรับ และไม่มาปรึกษาหารือเพื่อการดังกล่าวด้วย เป็นเหตุให้เจ้าหลวงเสือข่านฟ้าพร้อมด้วยเจ้าสามหลวงฟ้า พระอนุชา ยกทัพไปตีเวียงแสนแจ้ จนเป็นเวียงแสนแจ้ได้รับความเสียชาวเมืองจึงขอร้องให้เจ้าท้าวน้อยแข่ยอมมอบตัวให้แก่เจ้าหลวงเสือข่านฟ้า อาณาจักรแสนหวีเวียงแสน แจ้ได้รวมเข้าในเมืองมาวหลวงมาตั้งแต่นั้นมา

ครั้งที่สอง รวบรวมเวียงจุนโก เมืองมีด และเชียงดาว (ปี พ.ศ.1858 หรือ ค.ศ.1315)

           เจ้าหลวงเสือข่านฟ้าได้ทรงส่งสาสน์ไปยังเวียงจุนโก เมืองมีด และเชียงดาว เพื่อเชื้อเชิญเจ้าฟ้าผู้ปก ครองเมือง มายังเวียงแจ้ล้าน ซึ่งผู้ปกครองเมืองดังกล่าวในสมัยนั้น คือ เจ้าไตขืน เจ้าไตไก่ เจ้าไตเต่า เจ้าไตแตง และขุนสามอ่อน ไม่ยอมปฏิบัติตาม และยังได้จับราชทูต 7 คนประหาร โดยรอดชีวิตมาได้ 3 คน เท่านั้นยังไม่พอ ซ้ำยังได้ส่งทหารไปเผาทำลายบ้านเมืองทางใต้ของเมืองมาวอีก
             เมื่อเป็นดังนั้น ก็ก่อให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ ท้ายสุด ชาวเมืองขอร้องให้เจ้าไตขืนยอมแพ้ ชาวเมือง ก็ยอมสวามิภักดิ์ แม่ทัพนายกองจึงจับเจ้าไตขืนมอบให้เจ้าหลวงเสือข่านฟ้า และในปีต่อมาก็ได้เข้า ยึดหัวเมือง ใหญ่ทางตอนใต้เมืองมาว อันได้แก่ ยองห้วย จ๋ามกา เมืองปาย และเมื่องอื่น ๆ แทบนั้น

ครั้งที่สาม รวบรวมหัวเมืองไตฝ่ายเหนือ (ยูนนาน) (ปี พ.ศ.1860 หรือ ค.ศ.1317)

          เจ้าหลวงเสือข่านฟ้าได้ยกทัพใหญ่ขึ้นเหนือไปยังยูนนาน เจ้าเมืองแสหอตู้แห่งยูนานจึงได้ออกมาเจร จา ความเมือง เพื่อมิให้เกิดการสงคราม และได้มอบหัวเมืองทั้ง 4 ให้คือ เมืองแส เมืองหย่งชาง เมืองหมูอาน เมืองปูขว้าน แล้วพระองค์ก็เดินทางกลับเมืองมาว

ครั้งที่สี่ รวบรวมหัวเมืองไตตะวันออก (ปี พ.ศ.1860 หรือ ค.ศ.1317)

          หลังจากที่กลับจากยูนนาน เจ้าหลวงเสือข่านฟ้าก็ทรงยกทัพไปทางทิศตะวันออก เพื่อรวบรวมรัฐชน เผ่าไตในทิศตะวันออก และทรงยึดหัวเมือง ไตตะวันออก ซึ่งประกอบด้วย เมืองเชียงรุ่ง เมืองเชียงแสน เมืองเชียงราย เมืองเชียงตุง ลำพูน และละกอน (ลำปาง)

ครั้งที่ห้า ยกทัพไปทิศตะวันตกรวบรวมเมืองเวสาลี (อินเดีย) (ปี พ.ศ.1862 หรือ ค.ศ.1319)

          เจ้าเสือข่านฟ้าพร้อมด้วยพระอนุชาคือเข้าสามหลวงฟ้า และแม่ทัพ 3 คน คือ ฟ้าหลวงเท้าฟ้าหล่อ ฟ้าหลวงเท้าเสือเย็น ฟ้าหลวงท้าวหาญก่าย ยกทัพไปทางทิศตะวันตกตีเมืองเวสาลี หรือแคว้นอัสสัม และให้พระอนุชาครองเมือง ณ ที่นั้น

ครั้งที่หก ยกทัพไปทางทิศใต้ (พม่า) (ปี พ.ศ.1905 หรือ ค.ศ.1362)

         เจ้าเสือข่านฟ้าพร้อมด้วยพระโอรส คือ เจ้าชายเปี่ยมฟ้า และแม่ทัพ 3 คน คือ ฟ้าหลวงเท้าฟ้าหล่อ ฟ้าหลวงเท้าเสือเย็น ฟ้าหลวงท้าวหาญก่าย ยกทัพไปทางทิศตะวันตกตีเมืองตะโก้ง เมืองสะแกง และหัวเมือง พม่าอื่น ๆ และสามารถยึดได้ทั้งหมดปี พ.ศ.1905 หรือ ค.ศ.1362
           เจ้าหลวงเสือข่านฟ้า ทรงทำให้รัฐไทยใหญ่ต่าง ๆ เข้ามารวมเป็นอาณาจักรเดียวกันที่มีอาณาเขตกว้างขวาง และเจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์ได้ทรงย้ายไปสร้างเมืองใหม่ที่ทุ่งปางหมากอู๋ เรียกว่าเวียงท่าสบอู๋ และทรงสิ้นพระชนม์ที่นั่นในปี            พ.ศ.1907 หรือ ค.ศ.1364