ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระสารสาสน์พลขันธ์ (เยโรลาโม เอมิลิโอ เยรินี)"
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 30: | บรรทัด 30: | ||
ในปี พ.ศ. 2426 ท่านได้ย้ายจากกองทัพบกมารับราชการเป็นเลขานุการในพระองค์ของ[[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์]] ผู้สำเร็จราชการกรมมหาดไทย ในระยะนี้ท่านได้เดินทางไปยังพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศสยาม ทำให้มีโอกาสเรียนรู้[[ภาษาไทย]]จนเกิดความชำนาญ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ภาษาต่างๆ เช่น [[ภาษาบาลี]] [[ภาษาสันสกฤต]] [[ภาษาพม่า]] [[ภาษามลายู]] [[ภาษามอญ]] [[ภาษาเขมร]] และภาษาถิ่นต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก |
ในปี พ.ศ. 2426 ท่านได้ย้ายจากกองทัพบกมารับราชการเป็นเลขานุการในพระองค์ของ[[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์]] ผู้สำเร็จราชการกรมมหาดไทย ในระยะนี้ท่านได้เดินทางไปยังพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศสยาม ทำให้มีโอกาสเรียนรู้[[ภาษาไทย]]จนเกิดความชำนาญ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ภาษาต่างๆ เช่น [[ภาษาบาลี]] [[ภาษาสันสกฤต]] [[ภาษาพม่า]] [[ภาษามลายู]] [[ภาษามอญ]] [[ภาษาเขมร]] และภาษาถิ่นต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก |
||
ในปี พ.ศ. 2430 ท่านได้ย้ายกลับมารับราชการในกองทัพบกอีกครั้ง โดยได้รับพระราชทานยศนายร้อยเอกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2435/035/293.PDF พระราชทานสัญญาบัตรทหาร] </ref>ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนทหารสราญรมย์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2438 กรมยุทธนาธิการได้จัดตั้งกรมยุทธศึกษาขึ้นเพื่อจัดการด้านการศึกษาของกองทัพบก (ปัจจุบันคือ[[กรมยุทธศึกษาทหารบก]]) และได้แต่งตั้งให้ร้อยเอกเยรินีดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบกคนแรก |
ในปี พ.ศ. 2430 ท่านได้ย้ายกลับมารับราชการในกองทัพบกอีกครั้ง โดยได้รับพระราชทานยศนายร้อยเอกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2435/035/293.PDF พระราชทานสัญญาบัตรทหาร] </ref>ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนทหารสราญรมย์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2438 กรมยุทธนาธิการได้จัดตั้งกรมยุทธศึกษาขึ้นเพื่อจัดการด้านการศึกษาของกองทัพบก (ปัจจุบันคือ[[กรมยุทธศึกษาทหารบก]]) และได้แต่งตั้งให้ร้อยเอกเยรินีดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบกคนแรก ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2440 ท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น '''หลวงสารสาสน์พลขันธ์''' ถือศักดินา ๘๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2440/002/38.PDF พระราชทานสัญญาบัตร] </ref>จากนั้นท่านจึงได้รับพระราชทานยศเป็น นายพันตรี ต่อมาท่านได้รับพระราชทานยศ พันโท เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2445<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2444/002/25.PDF พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก] </ref>จากนั้นจึงได้รับพระราชทานยศ พันเอก เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2446<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2446/008/118_2.PDF พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก] </ref>ท่านได้ดำรงตำแหน่งนี้มาจนถึงวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2448 จึงได้ลาออกจากราชการและเดินทางกลับประเทศอิตาลี<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2448/042/997.PDF แจ้งความกรมยุทธนาธิการ] </ref> |
||
นายพันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์ (ยี.อี.เยรินี) ได้ถึงแก่กรรมที่เมืองตูรินด้วยโรคหัวใจ เมื่อ พ.ศ. 2456 ศพของท่านได้ฝังไว้ในสุสานประจำตระกูล ที่เมืองชิซาโน ซุล เนวา |
นายพันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์ (ยี.อี.เยรินี) ได้ถึงแก่กรรมที่เมืองตูรินด้วยโรคหัวใจ เมื่อ พ.ศ. 2456 ศพของท่านได้ฝังไว้ในสุสานประจำตระกูล ที่เมืองชิซาโน ซุล เนวา |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:36, 18 มิถุนายน 2563
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
พระสารสาสน์พลขันธ์ (เยโรลาโม เอมิลิโอ เยรินี) | |
---|---|
1 มีนาคม พ.ศ. 2403 – พ.ศ. 2456 (53 ปี) | |
เกิดที่ | ชิซาโน ซุล เนวา จังหวัดซาโวนา แคว้นลีกูเรีย ประเทศอิตาลี |
อนิจกรรมที่ | ตูริน ประเทศอิตาลี |
เหล่าทัพ | ทหารบก เหล่าทหารราบ |
ยศสูงสุด | นายพันเอก |
รับใช้ | กองทัพบกราชอาณาจักรอิตาลี กองทัพบกสยาม |
บัญชาการ | กรมยุทธศึกษา (กองทัพบกสยาม) |
บำเหน็จ | เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 1 |
อาชีพอื่น | นักภูมิศาสตร์, นักโบราณคดี, นักมานุษยวิทยา, นักภาษาศาสตร์, นักประวัติศาสตร์ |
นายพันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์ (ยี.อี.เยรินี) (1 มีนาคม พ.ศ. 2403 – พ.ศ. 2456) เป็นชาวอิตาลีผู้เข้ามารับราชการทหารในประเทศไทย อดีตเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบกคนแรกแห่งกองทัพบกไทย เป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีผลงานด้านไทยศึกษาเป็นจำนวนมาก และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์
ประวัติ
นายพันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์ (ยี.อี.เยรินี) มีชื่อจริงว่า เยโรลาโม เอมิลิโอ เยรินี (Gerolamo Emilio Gerini) เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2403 (ค.ศ. 1860) ที่เมืองชิซาโน ซุล เนวา (Cisano sul Neva) จังหวัดซาโวนา (Province of Savona) แคว้นลีกูเรีย ประเทศอิตาลี โดยเป็นบุตรชายคนโตของนายคาร์โล เยรินี ศาสตราจารย์ทางด้านวิชาเกษตรศาตร์แห่งมหาวิทยาลัยตูรินและเวโรนิกา รอสโซ
หลังจบการศีกษาชั้นต้นแล้ว ท่านได้รับทุนเรียนดีและเข้าศึกษาต่อในราชวิทยาลัยการทหารแห่งเมืองโมเดนา (Royal Military Academy of Modena) จนกระทั่งจบการศึกษาและติดยศนายร้อยตรีเหล่าทหารราบในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2422 ประจำการที่กรมทหารราบที่ 13 "ปิเนโรโล" (13º Reggimento Fanteria Pinerolo) เมืองเปรูจา แคว้นอุมเบรีย
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2424 ท่านได้เดินทางมายังกรุงเทพ ประเทศสยาม และเข้ารับราชการในกองทัพบกสยาม ได้รับพระราชทานยศเป็นนายร้อยโท
ในปี พ.ศ. 2426 ท่านได้ย้ายจากกองทัพบกมารับราชการเป็นเลขานุการในพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ผู้สำเร็จราชการกรมมหาดไทย ในระยะนี้ท่านได้เดินทางไปยังพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศสยาม ทำให้มีโอกาสเรียนรู้ภาษาไทยจนเกิดความชำนาญ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ภาษาต่างๆ เช่น ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาพม่า ภาษามลายู ภาษามอญ ภาษาเขมร และภาษาถิ่นต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
ในปี พ.ศ. 2430 ท่านได้ย้ายกลับมารับราชการในกองทัพบกอีกครั้ง โดยได้รับพระราชทานยศนายร้อยเอกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435[1]ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนทหารสราญรมย์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2438 กรมยุทธนาธิการได้จัดตั้งกรมยุทธศึกษาขึ้นเพื่อจัดการด้านการศึกษาของกองทัพบก (ปัจจุบันคือกรมยุทธศึกษาทหารบก) และได้แต่งตั้งให้ร้อยเอกเยรินีดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบกคนแรก ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2440 ท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงสารสาสน์พลขันธ์ ถือศักดินา ๘๐๐[2]จากนั้นท่านจึงได้รับพระราชทานยศเป็น นายพันตรี ต่อมาท่านได้รับพระราชทานยศ พันโท เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2445[3]จากนั้นจึงได้รับพระราชทานยศ พันเอก เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2446[4]ท่านได้ดำรงตำแหน่งนี้มาจนถึงวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2448 จึงได้ลาออกจากราชการและเดินทางกลับประเทศอิตาลี[5]
นายพันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์ (ยี.อี.เยรินี) ได้ถึงแก่กรรมที่เมืองตูรินด้วยโรคหัวใจ เมื่อ พ.ศ. 2456 ศพของท่านได้ฝังไว้ในสุสานประจำตระกูล ที่เมืองชิซาโน ซุล เนวา
ผลงาน
- “A retrospective View and Account of the Origin of the Thet Maha Chat Ceremony" ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2435
- “Chulakantamangala or The Tonsure Ceremony as Performed in Siam” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2436 (มีการตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง)
- "พิชัยสงครามฮินดูโบราณ" เรียบเรียงและตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2437 สำนักพิมพ์ศรีปัญญาตีพิมพ์ซ้ำเมื่อ พ.ศ. 2548
- “Trial by Ordeal in Siam and the Siamese Laws of Ordeals " ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2439
- “Shan and Siam” and “Siam's Intercourse with China - Seventh to Nineteenth Centuries” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2442
- “On Siamese Proverbs and Idiomatic Expressions “ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2447
- “Archaeology a sinoptical Sketch” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2447
- “Historical Retrospect of Junkceylon Island” ตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสารของสยามสมาคม เมื่อ พ.ศ. 2448 (ตีพิมพ์ซ้ำเมื่อ พ.ศ. 2528 ในชื่อ “Old Puket”)
- “Researches on Ptolemy's Geography of Eastern Asia (Further India and Indo-Malay Archipelago)” ตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสารของสยามสมาคม เมื่อ พ.ศ. 2452
- “Catalogo Descrittivo della Mostra Siamese alla Esposizione Internazionale delle Industrie e del Lavoro in Torino”, 1911 - Siam and Its Productions, Arts and Manufactures (1911), ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2455 (ตีพิมพ์พร้อมกันทั้งฉบับภาษาอิตาลีและภาษาอังกฤษ, สำนักพิมพ์ White Lotus ได้ตีพิมพ์ซ้ำเมื่อ พ.ศ. 2543)
- "จดหมายเหตุเรื่องทูตานุทูตของสมเด็จพระนารายน์ออกไปกรุงฝรั่งเศสครั้งสุดท้าย" ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 18 เมื่อ พ.ศ. 2462
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2443 - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[6]
- พ.ศ. 2454 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 1 (Grand Ufficiale dell'Ordine della Corona d'Italia)
อ้างอิง
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรทหาร
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตร
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก
- ↑ แจ้งความกรมยุทธนาธิการ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา, เล่ม 17, ตอน 33, 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443, หน้า 446