ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ข้อตกลงการบินโดยใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน"
Pattara2001 (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Pattara2001 (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ผู้ใช้ใหม่เพิ่มลิงก์ไปยังเว็บอื่น การแก้ไขแบบเห็นภาพ |
||
บรรทัด 38: | บรรทัด 38: | ||
== พันธมิตรทางอากาศ-ทางราง == |
== พันธมิตรทางอากาศ-ทางราง == |
||
นอกจากนี้ยังมีการทำข้อตกลงระหว่าง[[สายการบิน]]และ[[การขนส่งระบบราง|บริษัทรถไฟ]]หรือรู้จักในนาม [[Air-rail alliance|พันธมิตรทางอากาศ-ทางราง]] โดยมักทำการตลาดในรูปของ "Rail & Fly" โดยเกิดมาจากความนิยมของ [[ด็อยท์เชอบาน]]กับสายการบินจำนวนมาก<ref |
นอกจากนี้ยังมีการทำข้อตกลงระหว่าง[[สายการบิน]]และ[[การขนส่งระบบราง|บริษัทรถไฟ]]หรือรู้จักในนาม [[Air-rail alliance|พันธมิตรทางอากาศ-ทางราง]] โดยมักทำการตลาดในรูปของ "Rail & Fly" โดยเกิดมาจากความนิยมของ [[ด็อยท์เชอบาน]]กับสายการบินจำนวนมาก<ref>[http://www.bahn.de/p/view/international/englisch/travelagent/codeshare_e.shtml "Rail&Fly"]</ref> โดยเกิดจากการบูรณาการรูปแบบการเดินทางทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน ในการหาวิธี่การเดินทางเชื่อมต่อที่เร็วที่สุดและเชื่อมต่อระหว่างเครื่องบินและรถไฟโดยใช้บัตรโดยสารใบเดียว ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถจัดการจองการเดินทางทั้งหมดในเวลาเดียวกัน และมักจะมีราคาที่ถูกกว่าการซื้อตั๋วโดยสารแยกกัน |
||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
||
บรรทัด 44: | บรรทัด 44: | ||
==แหล่งข้อมูลอื่น== |
==แหล่งข้อมูลอื่น== |
||
* Snyder, Brett. [http://www.cnn.com/2011/TRAVEL/07/11/snyder.codesharing/index.html?hpt=hp_bn12 "This isn't the airline I signed up for."] ''CNN''. 11 กรกฎาคม 2011. |
|||
* [https://web.archive.org/web/20040417182437/http://www.railwayage.com/jan01/planes_to_the_trains.html Article on prospect of codesharing between North American rail and airline connections] |
|||
{{Wiktionary|codeshare}} |
{{Wiktionary|codeshare}} |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:12, 14 พฤษภาคม 2562
ข้อตกลงการบินโดยใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน (อังกฤษ: codeshare agreement หรือ codeshare) หรือ เที่ยวบินร่วม เป็นข้อตกลงทางธุรกิจการบินระหว่าง 2 สายการบินหรือมากกว่าทำการบินร่วมกันในเที่ยวบินเดียวกัน (การบินร่วมในที่นี้หมายถึงแต่ละสายการบินทำการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินสายการบินของตนเอง แต่ทำการรวมเที่ยวบินของแต่ละสายมาใช้เครื่องบินลำเดียวกันและตารางเวลาเที่ยวบินเดียวกัน) ซึ่งผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินของสายการบินและเที่ยวบินที่ต้องการ แต่อาจทำการบินด้วยสายการบินเดียวที่ร่วมข้อตกลงนั้นไว้ โดยทั่วไปจะเรียกว่า สายการบินที่ปฏิบัติการ หรือ "สายการบินที่บริการจัดการ[1]" (ตามคำนิยามใน IATA Standard Schedules Information Manual)
สำหรับรหัสของเที่ยวบินของเที่ยวบินร่วมนั้น จะขึ้นต้นด้วยตัวอักษรสองตัวที่แทนรหัสของสายการบินตาม IATA แล้วตามด้วยเลขที่เที่ยวบิน เช่น XX123 (เที่ยวบินที่ 123 ทำการบินด้วยสายการบิน XX) ซึ่งอาจจะทำการขายตั๋วเครื่องบินของสายการบินอื่นโดยใช้เที่ยวบินอื่นเช่น สายการบิน YY เที่ยวบินที่ YY4456 และ สายการบิน ZZ เที่ยวบินที่ ZZ9876. โดยสายการบิน YY และ ZZ ในที่นี้จะถูกเรียกว่า "สายการบินที่ทำการตลาด" ซึ่งสายการบินหลักๆ ส่วนใหญ่ทั่วโลก ต่างมีข้อตกลงการบินโดยใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกันแทบทุกสายการบิน และเที่ยวบินร่วมถือเป็นหน้าที่หลักของพันธมิตรการบิน โดยพันธมิตรการบินเดียวกันมักจะทำเที่ยวบินร่วมกันก่อนเสมอ
ประวัติ
ในปี พ.ศ. 2510 ริชาร์ด เอ. เฮนสัน ร่วมกับ ยูเอสแอร์เวย์ ทำข้อตกลงกับ อาเลเกยนี่แอร์ไลน์ ทำเที่ยวบินร่วมเป็นเที่ยวแรก[2] โดยคำว่า "เที่ยวบินร่วม" ถูกเริ่มใช้เมื่อปี พ.ศ. 2532 โดยสายการบิน ควอนตัส กับ อเมริกันแอร์ไลน์[3] และในปี พ.ศ. 2533 ทั้งสองสายการบินได้เริ่มใช้เที่ยวบินร่วมระหว่างกัน ในเที่ยวบินภายในประเทศระหว่างเมือง ในประเทศออสเตรเลีย และ สหรัฐอเมริกา ข้อตกลงการบินโดยใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกันจึงเป็นที่แพร่หลายนำจากนั้นมา ซึ่งต่อได้ทำให้เกิดการร่วมตัวของสายการบินขนาดใหญ่รวมกันเป็น "พันธมิตรสายการบิน" และในพันธมิตรสายการบินก็ต่างใช้เที่ยวบินร่วมเพื่อประโยชน์ร่วมกัน และจัดตั้งรายการสะสมแต้มการบินร่วมกันด้วย
การนิยามคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้ข้อตกลงการบินโดยใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน สายการบินที่ดูแลการบิน (สายการบินที่ถือสิทธิ์ในการปฏิบัติงานภายในสนามบิน การวางแผน การควบคุมเที่ยวบิน และการจัดการภาคพื้นดิน) จะเรียกว่า "สายการบินที่ปฏิบัติการ" หรือเรียกว่า OPE CXR ถึงแม้ว่า IATA SSIM จะให้คำนิยามของ Administrating carrier ซึ่งเป็นคำนิยามที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า เนื่องจากอาจมีผู้ให้บริการรายที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นในกรณีที่สายการบินเดิมที่จำปฏิบัติการบินจำเป็นต้องจ้างผู้รับเหมาเพื่อดำเนินการบินในนามของสายการบินเดิม (มักเป็นการเช่าอากาศยานแบบ Wet Lease คือ การเช่าอากาศยานไปพร้อมลูกเรือ และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเที่ยวบิน เนื่องจากการจำกัดทางความจุ หรือปัญหาทางเทคนิค เป็นต้น) ในกรณีนี้สายการบินที่บรรทุกผู้โดยสารจะกำหนดให้เป็น สายการบินที่ปฏิบัติการ เนื่อจากทำหน้าที่บรรทุกผู้โดยสารหรือสินค้า
เมื่อมีการขายที่นั่งบนเครื่องบินโดยใช้ชื่อผู้ให้บริการและหมายเลขเที่ยวบินตามที่อธิบายข้างต้น สายการบินที่ปฏิบัติการ จะเรียกว่า "สายการบินหลัก"
เหตุผลและประโยชน์
ภายใต้ข้อตกลงการบินโดยใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน สายการบินที่เข้าร่วมสามารถแสดงหมายเลขเที่ยวบินทั่วไปได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
ต่อผู้โดยสาร
- การต่อเที่ยวบิน: ช่วยในการกำหนดเส้นทางที่ชัดเจนให้แก่ผู้โดยสาร โดยช่วยให้ผู้โดยสารสามารถจองเที่ยวบิน จาก จุด A ไปจุด C ผ่าน B ได้โดยใช้รหัสสายการบินเดียวกัน แทนที่จะต้องจองจากจุด A ไปจุด B ด้วยรหัสสายการบินหนึ่ง และจากจุด B ไปจุด C ด้วยรหัสสายการบินอีกรหัสหนึ่ง ซึ่งสายการบินที่มีข้อตกลงการบินร่วมกันพยายามที่จะปรับตารางบินให้ตรงกันด้วย
ต่อสายการบิน
- เที่ยวบินจากสายการบินที่บินในเส้นทางเดียวกัน: ช่วยเพิ่มความถี่ในการให้บริการในเส้นทางที่บินด้วยสารการบินเดียว
- ช่วยให้รับรู้ถึงความต้องการในตลาด: วิธีนี้ช่วยให้สายการบินที่ไม่ได้บินด้วยเครื่องบินของตนในเส้นทาง ได้รับข้อมูลทางการตลาดผ่านการแสดงหมายเลขเที่ยวบินของสายการบิน
- เมื่อสายการบินนำที่นั่งของตนให้กับสายการบินอื่นในฐานะสายการบินคู่พันธมิตร ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะลดลง[4]
ประเภทของข้อตกลงการบินโดยใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน
ข้อตกลงการบินมีหลายประเภท ดังนี้
- Block space codeshare: สายการบินที่ทำการตลาดซื้อที่นั่งอย่างจำนวนแน่นอนจากสายการบินที่ปฏิบัติการ (หรือ สายการบินหลัก) โดยจะจ่ายในราคาที่แน่นอนให้กับสายการบินหลักและจะไม่อยู่ภายใต้การจัดการการขายของสายการบินหลัก สายการบินที่ทำการตลาดจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะจำหน่ายที่ใดในชั้นใด (บริเวณของที่นั่งจะถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอน)
- Free flow codeshare: ระบบการจองของสายการบินที่ทำการตลาดและสายการหลักจะมีการสื่อสารกันตลอดเวลา โดยใช้ระบบ IATA AIRIMP/PADIS messaging (TTY and EDIFACT) ชั้นของบัตรโดยสารจะถูกจัดการร่วมกัน โดยไม่มีที่นั่งถูกจำกัดไว้ให้แต่ละสายการบิน และแต่ละสายการบินจะจำหน่ายเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
- Capped free flow: จะคล้ายกับ Free flow codeshare แต่จะมีการกำหนดจำนวนที่นั่งสูงสุดที่จำหน่ายได้ของแต่ละสายการบินที่ทำการตลาดภายใต้ข้อตกลงร่วมกับสายการบินปฏิบัติการ
ความกังวลของสายการบินคู่แข่ง
การแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินเกิดขึ้นที่การจำหน่ายตํ๋ว (หรือ "การจองที่นั่ง") กลยุทธ์ (การบริการรายได้, การกำหนดราคาแปรผัน, ภูมิศาสตร์ทางการค้า) อย่างไรก็ตาม องค์กรเพื่อผู้บริโภคสหรัฐอเมริกา และองค์การการค้าแห่งสหรัฐอเมริกามีการต่อต้านการใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกันเนื่องจากเป็นการสร้างความสับสนและเป็นการไม่โปร่งใสแก่ผู้โดยสาร[5]
พันธมิตรทางอากาศ-ทางราง
นอกจากนี้ยังมีการทำข้อตกลงระหว่างสายการบินและบริษัทรถไฟหรือรู้จักในนาม พันธมิตรทางอากาศ-ทางราง โดยมักทำการตลาดในรูปของ "Rail & Fly" โดยเกิดมาจากความนิยมของ ด็อยท์เชอบานกับสายการบินจำนวนมาก[6] โดยเกิดจากการบูรณาการรูปแบบการเดินทางทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน ในการหาวิธี่การเดินทางเชื่อมต่อที่เร็วที่สุดและเชื่อมต่อระหว่างเครื่องบินและรถไฟโดยใช้บัตรโดยสารใบเดียว ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถจัดการจองการเดินทางทั้งหมดในเวลาเดียวกัน และมักจะมีราคาที่ถูกกว่าการซื้อตั๋วโดยสารแยกกัน
อ้างอิง
- ↑ ตามคำนิยามของ IATA Standard Schedules Information Manual
- ↑ "Piedmont's Roots Run Deep".
- ↑ Financial Review, 21 พฤศจิกายน, 1989
- ↑ Sharkey, Joe (5 ธันวาคม, 2011). "Forget the Airline's Name; It's All About Alliances". The New York Times. เข้าถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2019.
- ↑ "What the Heck Is a Codeshare, Anyway?". ABC News.
- ↑ "Rail&Fly"
แหล่งข้อมูลอื่น
- Snyder, Brett. "This isn't the airline I signed up for." CNN. 11 กรกฎาคม 2011.
- Article on prospect of codesharing between North American rail and airline connections