ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกชนหิน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
บรรทัด 21: บรรทัด 21:


== อุปนิสัย ==
== อุปนิสัย ==
ปกติจะหากินในระดับยอดไม้ กินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ลูกไทร บางครั้งพบว่ากินสัตว์อื่น ๆ เช่น [[กิ้งก่า]] กระรอก และนกอีกด้วย มักจะอยู่โดดเดี่ยวหรืออยู่เป็นคู่ ฤดูผสมพันธุ์เริ่มราวปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทำรังในต้นไม้สูง และใช้วัสดุปิดปากรังเช่นเดียวกับนกเงือกชนิดอื่นๆ นกชนหินมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่นๆ โดยนกตัวผู้จะร้องติดๆกันดัง "ตู๊ก…ตู๊ก" ทอดเป็นจังหวะ ร้องติดต่อกันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับ เมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ 4-6 ครั้งเมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร และเมื่อต่อสู้กันเพื่อแย่งอาณาเขต จะใช้ส่วนหัวที่หนาชนกัน จึงได้ว่าว่า "นกชนหิน" บางครั้งอาจจะบินชนกันในอากาศ
ปกติจะหากินในระดับยอดไม้ กินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ลูกไทร บางครั้งพบว่ากินสัตว์อื่น ๆ เช่น [[กิ้งก่า]] กระรอก และนกอีกด้วย มักจะอยู่โดดเดี่ยวหรืออยู่เป็นคู่ ฤดูผสมพันธุ์เริ่มราวปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทำรังในต้นไม้สูง และใช้วัสดุปิดปากรังเช่นเดียวกับนกเงือกชนิดอื่นๆ โดยที่รังของนกชนหินจะไม่เหมือนกับนกเงือกชนิืดอื่นๆ เพราะจะหารังเฉพา่ะที่อยู่บนตอไม้หรือเข้าได้ทางด้านบนเท่านั้น เพราะส่วนหัวที่ตันและหางที่ยาว อีกทั้งนกชนหินจะเลี้ยงลูกนานกว่านกเงือกชนืดอื่นๆ คือ 5 เดือน<ref>''ออรัง บูรง (นกเงือก)'', "พินัยกรรมธรรมชาติ". สารคดีทางไทยพีบีเอส: ศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556</ref>
นกชนหินมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่นๆ โดยนกตัวผู้จะร้องติดๆกันดัง "ตู๊ก…ตู๊ก" ทอดเป็นจังหวะ ร้องติดต่อกันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับ เมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ 4-6 ครั้งเมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร และเมื่อต่อสู้กันเพื่อแย่งอาณาเขต จะใช้ส่วนหัวที่หนาชนกัน จึงได้ว่าว่า "นกชนหิน" บางครั้งอาจจะบินชนกันในอากาศ


== ถิ่นอาศัยและการกระจายพันธุ์ ==
== ถิ่นอาศัยและการกระจายพันธุ์ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:32, 17 กุมภาพันธ์ 2556

นกชนหิน
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Aves
อันดับ: Coraciiformes
วงศ์: Bucerotidae
สกุล: Rhinoplax
Gloger, 1841
สปีชีส์: R.  vigil
ชื่อทวินาม
Rhinoplax vigil
Forster, 1781
ชื่อพ้อง
  • Buceros vigil

นกชนหิน (อังกฤษ: Helmeted hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Rhinoplax vigil) เป็นนกขนาดใหญ่ในวงศ์นกเงือก พบในประเทศไทย มาเลเซีย สุมาตรา และบอร์เนียว จัดเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Rhinoplax

ลักษณะ

นกเงือกชนิดนี้มีลักษณะเด่นกว่านกเงือกชนิดอื่นๆ ตรงที่สันบนจะงอยปากใหญ่หนาเนื้อในสีขาวคล้ายงาช้าง และมีขนหางพิเศษคู่หนึ่ง ซึ่งจะงอกยาวเลยขนหางเส้นอื่น ๆ ออกไปมากถึง 50 เซนติเมตร นกตัวผู้มีขนาดลำตัวยาวจากปลายจะงอยปากถึงปลายขนหาง 127 เซนติเมตร ขนลำตัวสีน้ำตาลเข้ม ใต้ท้องสีขาว หางสีขาวมีแถบสีดำพาดขวาง และปลายปีกสีขาวเป็นแถบกว้าง จะงอยปากตอนโคน และบนสันสีแดงคล้ำ ตอนปลายสีเหลืองเรื่อๆ บริเวณลำคอที่ไม่ขนในนกตัวผู้จะมีสีแดงคล้ำ ส่วนนกตัวเมียจะมีสีฟ้าซีดหรือสีฟ้า แต่นกวัยอ่อนเพศผู้ ลำคอจะมีสีแดงเรื่อ ๆ และนกเพศเมียหนังส่วนนี้จะเป็นสีม่วง นอกจากนี้สันบนจะงอยปากจะมีขนาดเล็กกว่า และขนหางยังเจริญไม่เต็มที่ มีลักษณะสั้นกว่านกโตเต็มวัย

อุปนิสัย

ปกติจะหากินในระดับยอดไม้ กินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ลูกไทร บางครั้งพบว่ากินสัตว์อื่น ๆ เช่น กิ้งก่า กระรอก และนกอีกด้วย มักจะอยู่โดดเดี่ยวหรืออยู่เป็นคู่ ฤดูผสมพันธุ์เริ่มราวปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทำรังในต้นไม้สูง และใช้วัสดุปิดปากรังเช่นเดียวกับนกเงือกชนิดอื่นๆ โดยที่รังของนกชนหินจะไม่เหมือนกับนกเงือกชนิืดอื่นๆ เพราะจะหารังเฉพา่ะที่อยู่บนตอไม้หรือเข้าได้ทางด้านบนเท่านั้น เพราะส่วนหัวที่ตันและหางที่ยาว อีกทั้งนกชนหินจะเลี้ยงลูกนานกว่านกเงือกชนืดอื่นๆ คือ 5 เดือน[2]

นกชนหินมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่นๆ โดยนกตัวผู้จะร้องติดๆกันดัง "ตู๊ก…ตู๊ก" ทอดเป็นจังหวะ ร้องติดต่อกันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับ เมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ 4-6 ครั้งเมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร และเมื่อต่อสู้กันเพื่อแย่งอาณาเขต จะใช้ส่วนหัวที่หนาชนกัน จึงได้ว่าว่า "นกชนหิน" บางครั้งอาจจะบินชนกันในอากาศ

ถิ่นอาศัยและการกระจายพันธุ์

นกชนหินเป็นนกประจำถิ่นที่พบในป่าดิบชิ้นระดับต่ำ พบตั้งแต่แถบเทือกเขาตะนาวศรีลงมาทางใต้จนถึงประเทศมาเลเซีย สุมาตรา และบอร์เนียว

สถานการอนุรักษ์

ปัจจุบันนกชนหินจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และอนุสัญญาไซเตส จัดเอาไว้ในบัญชีที่ 1 นกชนหินถูกล่าอย่างหนักเพื่อเอาสันบนจะงอยปากบนไปแกะสลักทำเป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่มีคุณค่าสูงมาก และจากการสูญเสียแหล่งอาศัย จำนวนประชากรจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนในทุกบริเวณที่อาศัย [3] [4] [5]

อ้างอิง

  1. BirdLife International (2012). "Rhinoplax vigil". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2012.1. สืบค้นเมื่อ 16 July 2012.
  2. ออรัง บูรง (นกเงือก), "พินัยกรรมธรรมชาติ". สารคดีทางไทยพีบีเอส: ศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556
  3. Perrins, Christopher (ed.) (2003). Firefly Encyclopedia of Birds. Firefly Books. ISBN 1-55297-777-3. {{cite book}}: |author= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)
  4. Kemp, Allen (1994). Hornbills: Bucerotidae. Oxford University Press. ISBN 0-19-857729-X.
  5. hornbills

แหล่งข้อมูลอื่น

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Rhinoplax vigil ที่วิกิสปีชีส์