ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกชนหิน"
หน้าใหม่: ลักษณะ:นกเงือกชนิดเดียวที่มีลักษณะเด่นกว่านกเงือกชนิดอื่นๆ... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ต้องการวิกิลิงก์}} |
|||
ลักษณะ:นกเงือกชนิดเดียวที่มีลักษณะเด่นกว่านกเงือกชนิดอื่นๆตรงที่สันบนจะงอยปากใหญ่หนาเนื้อในสีขาวคล้ายงาช้างและมีขนหาง |
|||
{{Taxobox |
|||
พิเศษคู่หนึ่งซึ่งจะงอกยาวเลยขนหางเส้นอื่น ๆ ออกไปมากถึง 50 เซนติเมตร นกตัวผู้มีขนาดลำตัวยาวจากปลายจะงอยปากถึงปลายขนหาง 127เซนติเมตรขนลำตัวสีน้ำตาลเข้มใต้ท้องสีขาวหางสีขาวมีแถบสีดำพาดขวางและปลายปีกสีขาวเป็นแถบกว้างจะงอยปากตอนโคนและบนสัน |
|||
| name = Helmeted Hornbill |
|||
สีแดงคล้ำตอนปลายสีเหลืองเรื่อๆบริเวณลำคอที่ไม่ขนในนกตัวผู้จะมีสีแดงคล้ำส่วนนกตัวเมียจะมีสีฟ้าซีดหรือสีฟ้าแต่นกที่มีอายุน้อยเพศผู้ |
|||
| image = Helmeted Hornbill.jpg |
|||
ลำคอจะมีสีแดงเรื่อ ๆ และนกเพศเมียหนังส่วนนี้จะเป็นสีม่วง นอกจากนี้สันบนจะงอยปากจะมีขนาดเล็กกว่า และขนหางยังเจริญไม่เต็มที่ มีลักษณะสั้นกว่านกโตเต็มวัย |
|||
| status = NT | status_system = IUCN3.1 |
|||
⚫ | |||
| regnum = [[Animal]]ia |
|||
เดียวกับนกเงือกชนิดอื่นๆนกชนหินมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่นๆโดยนกตัวผู้จะร้องติดๆกันดังตู๊ก…ตู๊กทอดเป็นจังหวะร้องติดต่อ |
|||
| phylum = [[Chordate|Chordata]] |
|||
กันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับเมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ4-6ครั้งเมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร |
|||
| classis = [[Bird|Aves]] |
|||
⚫ | |||
| ordo = [[Coraciiformes]] |
|||
⚫ | |||
| familia = [[Bucerotidae]] |
|||
สถานภาพ : ปัจจุบันนกชนหินจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และอนุสัญญา CITES จัดเอาไว้ใน Appendix 1 |
|||
| genus = '''''Rhinoplax''''' |
|||
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์:นกชนหินจะถูกล่าอย่างหนักเพื่อเอาสันบนจะงอยปากบนไปแกะสลักทำเป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่มีคุณ |
|||
| genus_authority = [[Constantin Wilhelm Lambert Gloger|Gloger]], 1841 |
|||
ค่าสูงมากจำนวนประชากรนกชนิดนี้จึงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนในทุกบริเวณที่อาศัยนอกจากนั้นนกชนหินยังเป็นนกที่ต้องการพื้นที่อาศัยเป็น |
|||
| species = '''''R. vigil''''' |
|||
บริเวณกว้าง การสูญเสียแหล่งอาศัย |
|||
| binomial = ''Rhinoplax vigil'' |
|||
| binomial_authority = [[Johann Reinhold Forster|Forster]], 1781 |
|||
| synonyms = ''Buceros vigil'' |
|||
}} |
|||
== ลักษณะ == |
|||
นกเงือกชนิดเดียวที่มีลักษณะเด่นกว่านกเงือกชนิดอื่นๆตรงที่สันบนจะงอยปากใหญ่หนาเนื้อในสีขาวคล้ายงาช้างและมีขนหางพิเศษคู่หนึ่งซึ่งจะงอกยาวเลยขนหางเส้นอื่น ๆ ออกไปมากถึง 50 เซนติเมตร นกตัวผู้มีขนาดลำตัวยาวจากปลายจะงอยปากถึงปลายขนหาง 127เซนติเมตรขนลำตัวสีน้ำตาลเข้มใต้ท้องสีขาวหางสีขาวมีแถบสีดำพาดขวางและปลายปีกสีขาวเป็นแถบกว้างจะงอยปากตอนโคนและบนสัน สีแดงคล้ำตอนปลายสีเหลืองเรื่อๆบริเวณลำคอที่ไม่ขนในนกตัวผู้จะมีสีแดงคล้ำส่วนนกตัวเมียจะมีสีฟ้าซีดหรือสีฟ้าแต่นกที่มีอายุน้อยเพศผู้ ลำคอจะมีสีแดงเรื่อ ๆ และนกเพศเมียหนังส่วนนี้จะเป็นสีม่วง นอกจากนี้สันบนจะงอยปากจะมีขนาดเล็กกว่า และขนหางยังเจริญไม่เต็มที่ มีลักษณะสั้นกว่านกโตเต็มวัย |
|||
== อุปนิสัย == |
|||
⚫ | ปกติจะหากินในระดับยอดไม้ กินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ลูกไทร บางครั้งพบว่ากินสัตว์อื่น ๆ เช่น กิ้งก่ากระรอกและนกอีกด้วย มักจะอยู่โดดเดี่ยวหรืออยู่เป็นคู่ฤดูผสมพันธุ์เริ่มราวปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ทำรังในต้นไม้สูงและใช้วัสดุปิดปากรังเช่นเดียวกับนกเงือกชนิดอื่นๆนกชนหินมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่นๆโดยนกตัวผู้จะร้องติดๆกันดังตู๊ก…ตู๊กทอดเป็นจังหวะร้องติดต่อกันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับเมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ 4-6 ครั้งเมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร |
||
== ที่อยู่อาศัย == |
|||
⚫ | |||
== เขตแพร่กระจาย == |
|||
⚫ | |||
== สถานภาพ == |
|||
ปัจจุบันนกชนหินจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และอนุสัญญา CITES จัดเอาไว้ใน Appendix 1 นกชนหินจะถูกล่าอย่างหนักเพื่อเอาสันบนจะงอยปากบนไปแกะสลักทำเป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่มีคุณค่าสูงมากจำนวนประชากรนกชนิดนี้จึงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนในทุกบริเวณที่อาศัยนอกจากนั้นนกชนหินยังเป็นนกที่ต้องการพื้นที่อาศัยเป็นบริเวณกว้าง การสูญเสียแหล่งอาศัย |
|||
[[หมวดหมู่:นกเงือก]] |
|||
{{โครงสัตว์}} |
|||
[[en:Helmeted Hornbill]] |
|||
[[fr:Calao à casque rond]] |
|||
[[id:Enggang Gading]] |
|||
[[lt:Šalmuotasis kalao]] |
|||
[[ms:Burung Enggang Tebang Mentua]] |
|||
[[nl:Rhinoplax]] |
|||
[[ru:Шлемоклювый калао]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:46, 13 กันยายน 2554
บทความนี้หรือส่วนนี้ ต้องการลิงก์ภายในแบบวิกิและจัดรูปแบบ คุณสามารถช่วยปรับปรุงแก้ไข โดยการเพิ่มการเชื่อมโยงภายในตามความเหมาะสม |
Helmeted Hornbill | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Coraciiformes |
วงศ์: | Bucerotidae |
สกุล: | Rhinoplax Gloger, 1841 |
สปีชีส์: | R. vigil |
ชื่อทวินาม | |
Rhinoplax vigil Forster, 1781 | |
ชื่อพ้อง | |
Buceros vigil |
ลักษณะ
นกเงือกชนิดเดียวที่มีลักษณะเด่นกว่านกเงือกชนิดอื่นๆตรงที่สันบนจะงอยปากใหญ่หนาเนื้อในสีขาวคล้ายงาช้างและมีขนหางพิเศษคู่หนึ่งซึ่งจะงอกยาวเลยขนหางเส้นอื่น ๆ ออกไปมากถึง 50 เซนติเมตร นกตัวผู้มีขนาดลำตัวยาวจากปลายจะงอยปากถึงปลายขนหาง 127เซนติเมตรขนลำตัวสีน้ำตาลเข้มใต้ท้องสีขาวหางสีขาวมีแถบสีดำพาดขวางและปลายปีกสีขาวเป็นแถบกว้างจะงอยปากตอนโคนและบนสัน สีแดงคล้ำตอนปลายสีเหลืองเรื่อๆบริเวณลำคอที่ไม่ขนในนกตัวผู้จะมีสีแดงคล้ำส่วนนกตัวเมียจะมีสีฟ้าซีดหรือสีฟ้าแต่นกที่มีอายุน้อยเพศผู้ ลำคอจะมีสีแดงเรื่อ ๆ และนกเพศเมียหนังส่วนนี้จะเป็นสีม่วง นอกจากนี้สันบนจะงอยปากจะมีขนาดเล็กกว่า และขนหางยังเจริญไม่เต็มที่ มีลักษณะสั้นกว่านกโตเต็มวัย
อุปนิสัย
ปกติจะหากินในระดับยอดไม้ กินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ลูกไทร บางครั้งพบว่ากินสัตว์อื่น ๆ เช่น กิ้งก่ากระรอกและนกอีกด้วย มักจะอยู่โดดเดี่ยวหรืออยู่เป็นคู่ฤดูผสมพันธุ์เริ่มราวปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ทำรังในต้นไม้สูงและใช้วัสดุปิดปากรังเช่นเดียวกับนกเงือกชนิดอื่นๆนกชนหินมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่นๆโดยนกตัวผู้จะร้องติดๆกันดังตู๊ก…ตู๊กทอดเป็นจังหวะร้องติดต่อกันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับเมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ 4-6 ครั้งเมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร
ที่อยู่อาศัย
นกชนหินเป็นนกประจำถิ่นที่พบในป่าดิบชิ้นระดับต่ำ
เขตแพร่กระจาย
พบแพร่กระจายตั้งแต่แถบเทือกเขาตะนาวศรีลงมาทางใต้จนถึงประเทศมาเลเซีย สุมาตรา และบอร์เนียว
สถานภาพ
ปัจจุบันนกชนหินจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และอนุสัญญา CITES จัดเอาไว้ใน Appendix 1 นกชนหินจะถูกล่าอย่างหนักเพื่อเอาสันบนจะงอยปากบนไปแกะสลักทำเป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่มีคุณค่าสูงมากจำนวนประชากรนกชนิดนี้จึงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนในทุกบริเวณที่อาศัยนอกจากนั้นนกชนหินยังเป็นนกที่ต้องการพื้นที่อาศัยเป็นบริเวณกว้าง การสูญเสียแหล่งอาศัย