ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลิลิธ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
เพราะว่า มันยังมีวัฒนธรรมต่างๆก็พูดถึงลิลิธและลิลู บุตรสาวที่ชอบดูดเลือดทารกน้อย
ทุกๆวัฒนธรรมต่างพูดถึง ลิลิธกันเยอะ
บรรทัด 7: บรรทัด 7:
โดยในอารยธรรมตะวันตกกล่าวไว้ว่าลิลิธเป็นมนุษย์ผู้หญิงคนแรกที่สร้างขึ้นมาจากดินเหนียวเป็นโกเลมที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นคู่ของอาดัมซึ่งสร้างจากดินเหนียวเช่นกัน แต่ทว่าลิลิธนั้นมีจิตใจไม่บริสุทธิ์จึงลุ่มหลง และแปรพักตร์จากพระเจ้าไปอยู่ฝ่ายซาตาน พระเจ้าจึงต้องสร้างอีฟขึ้นจากกระดูกซี่โครงของอาดัมแทน
โดยในอารยธรรมตะวันตกกล่าวไว้ว่าลิลิธเป็นมนุษย์ผู้หญิงคนแรกที่สร้างขึ้นมาจากดินเหนียวเป็นโกเลมที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นคู่ของอาดัมซึ่งสร้างจากดินเหนียวเช่นกัน แต่ทว่าลิลิธนั้นมีจิตใจไม่บริสุทธิ์จึงลุ่มหลง และแปรพักตร์จากพระเจ้าไปอยู่ฝ่ายซาตาน พระเจ้าจึงต้องสร้างอีฟขึ้นจากกระดูกซี่โครงของอาดัมแทน


ลิลิธตามพระคัมภีร์ได้ชื่อว่าเป็นราชินี และมารดาแห่งมวลปิศาจทั้งปวง นอกจากนี้ลิลิธยังมีลูกหลานที่สืบทอดโดยตรงคือแวมไพร์ ซัคคิวบัส และอินคิวบัส ที่กล่าวว่าลิลิธเป็นต้นกำเนิดของแวมไพร์เพราะว่าลิลิธนั้นจะชอบฝังคมเขี้ยวลงบนต้นคอของมนุษย์เพื่อดูดกินเลือดอันอุ่นระอุเป็นภักษาหารของนางนั่นเอง แล้วรู้รึเปล่าละว่าวัฒนธรรมต่างๆก็พูดถึงลิลิธเหมือนกันนะ เช่น วัฒนธรรมบาบิโลเนียนมีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับลิลิธและก็ลิลู บุตรสาวที่ชอบดูดเลือดเด็กทารก และ วัฒนธรรมบาบิโลเนียนมีเรื่องเล่าเดี่ยวกับลิลิธด้วยว่า ลิลิธนั้นได้ชื่อว่าเป็นเทพธิดาแห่งความงามที่คอยใช้ความงามนั้นล่อลวงบุรุษเพศชาย
ลิลิธตามพระคัมภีร์ได้ชื่อว่าเป็นราชินี และมารดาแห่งมวลปิศาจทั้งปวง นอกจากนี้ลิลิธยังมีลูกหลานที่สืบทอดโดยตรงคือแวมไพร์ ซัคคิวบัส และอินคิวบัส ที่กล่าวว่าลิลิธเป็นต้นกำเนิดของแวมไพร์เพราะว่าลิลิธนั้นจะชอบฝังคมเขี้ยวลงบนต้นคอของมนุษย์เพื่อดูดกินเลือดอันอุ่นระอุเป็นภักษาหารของนางนั่นเอง แล้วรู้รึเปล่าละว่าวัฒนธรรมต่างๆก็พูดถึงลิลิธเหมือนกันนะ เช่น วัฒนธรรมบาบิโลเนียนมีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับลิลิธและก็ลิลู บุตรสาวที่ชอบดูดเลือดเด็กทารก และ วัฒนธรรมสุเมเรียนมีเรื่องเล่าเดี่ยวกับลิลิธด้วยว่า ลิลิธนั้นได้ชื่อว่าเป็นเทพธิดาแห่งความงามที่คอยใช้ความงามนั้นล่อลวงบุรุษเพศชาย


{{โครงความเชื่อ}}
{{โครงความเชื่อ}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:46, 13 สิงหาคม 2552

สำหรับความหมายอื่น ดูที่ ลิลิต
ลิลิธ

ลิลิธ (ภาษาฮิบรู: לִילִית, Lilith) หรือ ลิลิต เป็นราตรีอสุรีแห่งเมโสโปเตเมีย คนโบราณเชื่อถือกันว่า ลิลิธชอบทำร้ายเด็กผู้ชายในเวลากลางคืน ในพระคัมภีร์พระธรรมเก่า เล่มอิสยาห์ บทที่ 34 บรรทัดที่ 14 นั้น กล่าวถึงลิลิธ ว่า เป็นยักษีวานรชนิดหนึ่ง ซึ่งชนชาวเมืองยุโรปเรียกกันตามภาษากรีกเก่าว่า โอโนเกนเตาโรส ในยุคที่ผ่านมา ชนชาวคริสต์พยายามจะแปลคำศัพท์คำนี้ ตามทางด้านวัฒนธรรมของแต่ละชนแต่ละเมือง ฉะนั้นจึงถูกการเปลียนแปลงกลายเป็นหลายสิ่งหลายสัตว์ เช่น นาคี (พระคัมภีร์คริสต์ฉบับสัตตฏา) แม่มด (พระคัมภีร์คริสต์ฉบับเฮียโรนีมุสแห่งคาร์เดีย) และนกเค้าแมวชนิดมีเขา (พระคัมภีร์คริสต์ฉบับคิงเจมส์) เป็นต้น ในพระคัณฐีทัลมูดและพระคัณฐีมิดราชของชาวยิว มันก็เป็นราตรีอสุรีดังที่กล่าวในเริ่มต้น ยังมีตำนานอีกเรื่องหนึ่งที่นิยมเล่ากันมาตั้งแต่สมัยยุคกลางของอารยธรรมตะวันตกว่า ลิลิธนั้นเคยเป็นภรรยาคนแรกของอาดัม มนุษย์คนแรกแห่งโลก

โดยในอารยธรรมตะวันตกกล่าวไว้ว่าลิลิธเป็นมนุษย์ผู้หญิงคนแรกที่สร้างขึ้นมาจากดินเหนียวเป็นโกเลมที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นคู่ของอาดัมซึ่งสร้างจากดินเหนียวเช่นกัน แต่ทว่าลิลิธนั้นมีจิตใจไม่บริสุทธิ์จึงลุ่มหลง และแปรพักตร์จากพระเจ้าไปอยู่ฝ่ายซาตาน พระเจ้าจึงต้องสร้างอีฟขึ้นจากกระดูกซี่โครงของอาดัมแทน

ลิลิธตามพระคัมภีร์ได้ชื่อว่าเป็นราชินี และมารดาแห่งมวลปิศาจทั้งปวง นอกจากนี้ลิลิธยังมีลูกหลานที่สืบทอดโดยตรงคือแวมไพร์ ซัคคิวบัส และอินคิวบัส ที่กล่าวว่าลิลิธเป็นต้นกำเนิดของแวมไพร์เพราะว่าลิลิธนั้นจะชอบฝังคมเขี้ยวลงบนต้นคอของมนุษย์เพื่อดูดกินเลือดอันอุ่นระอุเป็นภักษาหารของนางนั่นเอง แล้วรู้รึเปล่าละว่าวัฒนธรรมต่างๆก็พูดถึงลิลิธเหมือนกันนะ เช่น วัฒนธรรมบาบิโลเนียนมีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับลิลิธและก็ลิลู บุตรสาวที่ชอบดูดเลือดเด็กทารก และ วัฒนธรรมสุเมเรียนมีเรื่องเล่าเดี่ยวกับลิลิธด้วยว่า ลิลิธนั้นได้ชื่อว่าเป็นเทพธิดาแห่งความงามที่คอยใช้ความงามนั้นล่อลวงบุรุษเพศชาย