ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แหยม ยโสธร"
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ป้ายระบุ: เพิ่มข้อความไม่เป็นวิกิขนาดใหญ่ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 62: | บรรทัด 62: | ||
[[หมวดหมู่:ภาพยนตร์โดยสหมงคลฟิล์ม]] |
[[หมวดหมู่:ภาพยนตร์โดยสหมงคลฟิล์ม]] |
||
{{โครงภาพยนตร์}} |
{{โครงภาพยนตร์}} |
||
Hate Speech คืออะไร? |
|||
สำหรับ Hate Speech ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ "วาจาที่สร้างความเกลียดชัง" เป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยขณะนี้ ที่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก โดยแต่ละฝ่ายต่างก็ประดิษฐ์ถ้อยคำสร้างวาทกรรมแรง ๆ ออกมาโจมตีอีกฝ่ายเพื่อสร้างความเกลียดชังในสังคม อย่างที่เราคุ้นหูกันดีก็เช่นคำว่า "อำมาตย์", "ไพร่", "สลิ่ม", "วิปริตทางเพศ" ฯลฯ |
|||
What is hate speech? |
|||
อย่างไรก็ตาม Hate Speech ไม่ได้จำกัดว่าต้องถ้อยคำเท่านั้น แต่อาจมาในลักษณะที่เป็นภาพวาด ภาพเคลื่อนไหว คลิปวิดีโอ หรือการสื่อสารในรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการแสดงออกถึงความเกลียดชังแบบแบ่งแยก อย่างภาพวาด บทกลอนเสียดสีฝ่ายต่าง ๆ ที่แชร์กันในเฟซบุ๊กก็ถือเป็น Hate Speech ด้วยเหมือนกัน |
|||
However hate speech is not limited only in a word but it can be in form of picture, video music or other medias we use to shoe our hatred |
|||
สิ่งที่จัดว่าเป็น Hate Speech นั้น จะต้องเป็นการแสดงความเกลียดชังต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอย่างชัดเจน มีการพุ่งเป้าแสดงความเกลียดชังในสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ร่วมของกลุ่ม อย่างเช่น เชื้อชาติ ศาสนา สีผิว สถานที่เกิด ที่อยู่อาศัย อุดมการทางการเมือง อาชีพ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพื่อการแบ่งแยกทางสังคม และขจัดคนอีกกลุ่มออกไป ไม่ว่าจะด้วยการขับไล่ไม่ให้มีที่ยืนในสังคม หรือการคุกคาม ข่มขู่ ใช้ความรุนแรง ฯลฯ |
|||
ทั้งนี้ Hate Speech จะแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ตามความรุนแรงจากน้อยที่สุดไปมากที่สุด คือ |
|||
ระดับที่ 1 การตั้งใจแบ่งแยก กีดกัน สร้างความเป็นเขา-เราต่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น เรียกผู้ชุมนุมคนเสื้อส้มว่า พวกควายส้ม |
|||
ระดับที่ 2 มีการยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังต่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้นับถือศาสนาพุทธที่วัดแห่งหนึ่งว่า พวกเปรตห่มขาวเป็นมารสังคม |
|||
ระดับที่ 3 มีการยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น คำพูดที่ว่าฆ่าคนกลุ่มนี้ไม่บาป เพราะเป็นการช่วยเหลือประเทศชาติ |
|||
การจะแก้ปัญหา Hate Speech ให้ได้นั้น ต้องใช้วิธีการต่างกันในแต่ละระดับ เริ่มตั้งแต่ใช้วิธีการให้การศึกษา การสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นในสังคม ไปจนถึงการใช้บทลงโทษตามกฎหมาย |
|||
แล้วทำไมเราถึงต้องให้ความสนใจกับ Hate Speech ด้วยล่ะ? |
|||
หลายคนอาจมองว่า Hate Speech ก็แค่สิ่งที่ใช้โจมตีกล่าวร้ายอีกฝ่าย ดูไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจมากนัก แต่ถ้ามองให้ลึก ๆ Hate Speech ก็อาจส่งผลกระทบมหาศาลได้อยู่เหมือนกัน เพราะ Hate Speech อาจเป็นการยั่วยุให้เกิดผลร้ายต่อผู้ใดผู้หนึ่งได้เลยในระดับทันที เช่น หากมีผู้ปลุกระดมให้คนลุกขึ้นมาทำร้ายฝ่ายตรงข้าม ก็ถือเป็นอาชญากรรม หรือหากมีผู้ใช้ Hate Speech ปลุกเร้าฝูงชนที่ขาดสติ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่ตึงเครียด ก็อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงเข้มข้นกว้างขวางจนเกิดสงครามกลางเมืองได้อย่างน่าตกใจ |
|||
นอกจากนี้ หากปล่อยให้มี Hate Speech เกิดขึ้น คำพูดเหล่านี้ก็จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นหลัง ทำให้คนรุ่นหลังถูกปลูกฝังมาแบบเข้าใจผิด จนทำให้ความมีคุณธรรมในสังคมหยาบกระด้าง ในอนาคต คนเราอาจให้ความเคารพซึ่งกันและกันน้อยลง เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ และเกิดอคติขึ้นในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจไม่น้อยเลย |
|||
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะจัดการกับ Hate Speech อย่างไร? |
|||
แน่นอนว่า ในส่วนของสื่อมวลชนก็ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยกำกับดูแล ขณะที่ชาวบ้านอย่างเรา ๆ ก็ต้องรู้เท่าทันสื่อ เปิดรับข้อมูลข่าวสารให้รอบด้าน และมีวิจารณญาณ โดยต้องรู้ว่าสื่อใดมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไร |
|||
สำหรับโลกออนไลน์ ที่ซึ่งเผยแพร่และแชร์ Hate Speech ต่าง ๆ ได้รวดเร็วที่สุด ชาวเน็ตก็จะต้องไม่ช่วยกันบ่มเพาะความเกลียดชังที่จะทำให้เกิดความรุนแรงตามมา ง่าย ๆ ก็คือ การไม่กดไลค์ หรือคอมเม้นท์แบบเห็นด้วยต่อ Hate Speech นั้น และไม่ควรแชร์ หรือฟอร์เวิร์ด เพื่อส่งต่อความเกลียดชัง ที่สำคัญก็คือ ต้องคิดก่อนโพสต์ และหากจะตอบโต้กลับให้ตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล เนื้อหาที่สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ไร้อคติ อย่าตอบโต้กันด้วยอารมณ์ เพื่อช่วยกันลดความเกลียดชัง |
|||
เห็นไหมว่า พวกเราทุกคนสามารถเป็นได้ทั้งผู้เผยแพร่ Hate Speech ขยายวงความเกลียดชัง อันเป็นผลให้เกิดความรุนแรงในสังคมตามมาได้ แต่หากเราเลือกที่จะ "หยุด" ไม่ส่งต่อการบ่มเพาะความเกลียดชังนั้น เราก็สามารถสร้างสังคมที่น่าอยู่ได้ด้วยสองมือของเราเช่นเดียวกัน |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:59, 21 พฤศจิกายน 2561
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
แหยม ยโสธร | |
---|---|
![]() | |
กำกับ | หม่ำ จ๊กมก |
นักแสดงนำ | หม่ำ จ๊กมก นงนุช สมบูรณ์ ชัยพันธ์ นินกง เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ เทียมใจ วงษ์คำเหลา อนุพงศ์ วงษ์คำเหลา อนุวัฒน์ ทาระพันธ์ คำใส เชิญยิ้ม เขมร ลูกหยี สายสิน วงษ์คำเหลา |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | สหมงคลฟิล์ม |
วันฉาย | 8 กันยายน พ.ศ. 2548 |
ความยาว | 98 นาที |
ภาษา | ไทย/อีสาน |
ต่อจากนี้ | แหยม ยโสธร 2 |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
แหยม ยโสธร เป็นภาพยนตร์ไทย เป็นภาพยนตร์รักย้อนยุค โดยมีฉากคือจังหวัดจังหวัดยโสธร สร้างโดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ดำเนินงานสร้างโดย บาแรมยู และ บั้งไฟฟิล์ม อำนวยการสร้างโดย สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ควบคุมงานสร้างโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ บทภาพยนตร์และกำกับภาพยนตร์โดย หม่ำ จ๊กมก ออกฉายเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2548 ความพิเศษของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่บทสนทนาเป็นภาษาไทยถิ่นอีสาน และมีซับไตเติ้ลเป็นภาษาไทย นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง แหยมยโสธร แม้จะเป็นภาพยนตร์ที่ใช้เงินลงทุนไม่มากแต่ก็ได้ขึ้นแท่นเป็นหนังตลกทำเงินเรื่องหนึ่งซึ่งมีรายได้สูงถึง 99.14 ล้านบาท
เรื่องย่อ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
.
นักแสดง
- หม่ำ จ๊กมก รับบท แหยม
- นงนุช สมบูรณ์ รับบท เจ้ย
- ชัยพันธ์ นินกง รับบท ทอง
- เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ รับบท สร้อย
- เทียมใจ วงษ์คำเหลา รับบท ดอกท้อ(เสียชีวิต)
- อนุพงษ์ วงษ์คำเหลา รับบท ช้างยิ้ม
- อนุวัฒน์ ทาระพันธ์ รับบท ยอดชาย
- ชาญชัย เจ้าฝ้าย รับบท รัก
- วรวิทย์ จันทรานิตย์ รับบท ยม
- สายสิน วงษ์คำเหลา รับบท กำนันพอเจตน์
- สุดา บัวหงษา รับบท นัยนา
- สันต์ ไชยมาตร รับบท มรรคนายก
- ต่อน แก้วหาญนาท รับบท ตาเงิน (พ่อของทอง)
- สมพงษ์ ไกรธีรางกูล รับบท หลวงพ่อ
ดูเพิ่ม
- ข้อมูลหนังเรื่องแหยม ยโสธร
- แหยมยโสธร 2 เรื่องย่อ แหยมยโสธร 2
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บทางการ
- แหยมยโสธร ทางเว็บไซต์ สยามโซน
- แหยม ยโสธร ทางเว็บไซต์ ThaiFilmDb
- http://www.facebook.com/MumJokmokfan
- รวมข่าวหนังแหยมยโสธร 3
Hate Speech คืออะไร?
สำหรับ Hate Speech ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ "วาจาที่สร้างความเกลียดชัง" เป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยขณะนี้ ที่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก โดยแต่ละฝ่ายต่างก็ประดิษฐ์ถ้อยคำสร้างวาทกรรมแรง ๆ ออกมาโจมตีอีกฝ่ายเพื่อสร้างความเกลียดชังในสังคม อย่างที่เราคุ้นหูกันดีก็เช่นคำว่า "อำมาตย์", "ไพร่", "สลิ่ม", "วิปริตทางเพศ" ฯลฯ
What is hate speech?
อย่างไรก็ตาม Hate Speech ไม่ได้จำกัดว่าต้องถ้อยคำเท่านั้น แต่อาจมาในลักษณะที่เป็นภาพวาด ภาพเคลื่อนไหว คลิปวิดีโอ หรือการสื่อสารในรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการแสดงออกถึงความเกลียดชังแบบแบ่งแยก อย่างภาพวาด บทกลอนเสียดสีฝ่ายต่าง ๆ ที่แชร์กันในเฟซบุ๊กก็ถือเป็น Hate Speech ด้วยเหมือนกัน
However hate speech is not limited only in a word but it can be in form of picture, video music or other medias we use to shoe our hatred
สิ่งที่จัดว่าเป็น Hate Speech นั้น จะต้องเป็นการแสดงความเกลียดชังต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอย่างชัดเจน มีการพุ่งเป้าแสดงความเกลียดชังในสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ร่วมของกลุ่ม อย่างเช่น เชื้อชาติ ศาสนา สีผิว สถานที่เกิด ที่อยู่อาศัย อุดมการทางการเมือง อาชีพ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพื่อการแบ่งแยกทางสังคม และขจัดคนอีกกลุ่มออกไป ไม่ว่าจะด้วยการขับไล่ไม่ให้มีที่ยืนในสังคม หรือการคุกคาม ข่มขู่ ใช้ความรุนแรง ฯลฯ
ทั้งนี้ Hate Speech จะแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ตามความรุนแรงจากน้อยที่สุดไปมากที่สุด คือ
ระดับที่ 1 การตั้งใจแบ่งแยก กีดกัน สร้างความเป็นเขา-เราต่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น เรียกผู้ชุมนุมคนเสื้อส้มว่า พวกควายส้ม
ระดับที่ 2 มีการยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังต่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้นับถือศาสนาพุทธที่วัดแห่งหนึ่งว่า พวกเปรตห่มขาวเป็นมารสังคม ระดับที่ 3 มีการยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น คำพูดที่ว่าฆ่าคนกลุ่มนี้ไม่บาป เพราะเป็นการช่วยเหลือประเทศชาติ
การจะแก้ปัญหา Hate Speech ให้ได้นั้น ต้องใช้วิธีการต่างกันในแต่ละระดับ เริ่มตั้งแต่ใช้วิธีการให้การศึกษา การสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นในสังคม ไปจนถึงการใช้บทลงโทษตามกฎหมาย
แล้วทำไมเราถึงต้องให้ความสนใจกับ Hate Speech ด้วยล่ะ?
หลายคนอาจมองว่า Hate Speech ก็แค่สิ่งที่ใช้โจมตีกล่าวร้ายอีกฝ่าย ดูไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจมากนัก แต่ถ้ามองให้ลึก ๆ Hate Speech ก็อาจส่งผลกระทบมหาศาลได้อยู่เหมือนกัน เพราะ Hate Speech อาจเป็นการยั่วยุให้เกิดผลร้ายต่อผู้ใดผู้หนึ่งได้เลยในระดับทันที เช่น หากมีผู้ปลุกระดมให้คนลุกขึ้นมาทำร้ายฝ่ายตรงข้าม ก็ถือเป็นอาชญากรรม หรือหากมีผู้ใช้ Hate Speech ปลุกเร้าฝูงชนที่ขาดสติ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่ตึงเครียด ก็อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงเข้มข้นกว้างขวางจนเกิดสงครามกลางเมืองได้อย่างน่าตกใจ
นอกจากนี้ หากปล่อยให้มี Hate Speech เกิดขึ้น คำพูดเหล่านี้ก็จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นหลัง ทำให้คนรุ่นหลังถูกปลูกฝังมาแบบเข้าใจผิด จนทำให้ความมีคุณธรรมในสังคมหยาบกระด้าง ในอนาคต คนเราอาจให้ความเคารพซึ่งกันและกันน้อยลง เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ และเกิดอคติขึ้นในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจไม่น้อยเลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะจัดการกับ Hate Speech อย่างไร?
แน่นอนว่า ในส่วนของสื่อมวลชนก็ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยกำกับดูแล ขณะที่ชาวบ้านอย่างเรา ๆ ก็ต้องรู้เท่าทันสื่อ เปิดรับข้อมูลข่าวสารให้รอบด้าน และมีวิจารณญาณ โดยต้องรู้ว่าสื่อใดมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไร
สำหรับโลกออนไลน์ ที่ซึ่งเผยแพร่และแชร์ Hate Speech ต่าง ๆ ได้รวดเร็วที่สุด ชาวเน็ตก็จะต้องไม่ช่วยกันบ่มเพาะความเกลียดชังที่จะทำให้เกิดความรุนแรงตามมา ง่าย ๆ ก็คือ การไม่กดไลค์ หรือคอมเม้นท์แบบเห็นด้วยต่อ Hate Speech นั้น และไม่ควรแชร์ หรือฟอร์เวิร์ด เพื่อส่งต่อความเกลียดชัง ที่สำคัญก็คือ ต้องคิดก่อนโพสต์ และหากจะตอบโต้กลับให้ตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล เนื้อหาที่สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ไร้อคติ อย่าตอบโต้กันด้วยอารมณ์ เพื่อช่วยกันลดความเกลียดชัง
เห็นไหมว่า พวกเราทุกคนสามารถเป็นได้ทั้งผู้เผยแพร่ Hate Speech ขยายวงความเกลียดชัง อันเป็นผลให้เกิดความรุนแรงในสังคมตามมาได้ แต่หากเราเลือกที่จะ "หยุด" ไม่ส่งต่อการบ่มเพาะความเกลียดชังนั้น เราก็สามารถสร้างสังคมที่น่าอยู่ได้ด้วยสองมือของเราเช่นเดียวกัน