พิพิธภัณฑ์มีชีวิต

พิพิธภัณฑ์มีชีวิต หรือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เป็นลักษณะชนิดหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ที่แสดงในบริเวณกว้าง ซึ่งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกเกิดขึ้นที่สแกนดิเนเวีย ซึ่งต่อมาแนวคิดเรื่องพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งรู้จักกันในหลายชื่อว่า พิพิธภัณฑ์มีชีวิต พิพิธภัณฑ์สิ่งก่อสร้าง หรือ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน
พิพิธภัณฑ์มีชีวิตเป็นลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่บุคคลในบริเวณนั้น จะมีการแต่งกายและการแสดงในลักษณะของยุคสมัยเก่า โดยบุคคลจะประพฤติปฏิบัติตัวราวกับว่าพักอาศัยอยู่ในโบราณ โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงวัฒนธรรมสมัยก่อนให้กับผู้ชมในยุคปัจจุบันได้เห็น พิพิธภัณฑ์มีชีวิตส่วนใหญ่จะมีการแสดงหลายอย่างไม่ว่า การตีเหล็ก การตีดาบ การทำเหมือง การรีดนมวัว การทอผ้า หรือ การวาดรูป เป็นต้น [1]
จุดหลักของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่สำคัญคือ วัฒนธรรมธรรมชาติแห่งประวัติศาสตร์, ข้อมูลความรู้ และ กิจกรรมของชุมนุม
ความแตกต่าง พิพิธภัณฑ์มีชีวิต กับ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง[แก้]
การเรียกชื่อของพิพิธภัณฑ์สองรูปแบบนี้สามารถสลับใช้กันได้ โดยจุดหมายเหมือนกันคือ เน้นวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และประวัติศาสตร์ โดยจุดแตกต่างในแนวคิดของการตั้งชื่อคือ พิพิธภัณฑ์มีชีวิตจะเน้นการมีคนและกิจกรรมของชุมชนเป็นส่วนประกอบของระบบมากกว่า พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จะเน้นสิ่งก่อสร้างและอาคารกว่า อย่างไรก็ตามพิพิธภัณฑ์มีชีวิตบางแห่งยังมีการเน้นส่วนประกอบโครงสร้างและอาคารเป็นส่วนสำคัญ เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งบางแห่ง มีการเน้นคนเช่นเดียวกัน
เป้าหมายของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตคือเพื่อแสดงให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและเรียนรู้วัฒนธรรม ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ผ่านประสาทสัมผัสทางกายภาพนั้นนอกเหนือจากการอ่านในหนังสือ แม้กระนั้นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตในอเมริกาบางครั้งจะถูกวิจารณ์โดยนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ว่าการแสดงบางอย่างบิดเบือนจากประวัติศาสตร์จริง และบางครั้งเพื่อบิดเบือนประวัติศาสตร์ในแง่ลบของชุมชนหรือพื้นบ้านบริเวณนั้น [2]
พิพิธภัณฑ์มีชีวิตของอเมริกาเหนือ[แก้]
ในทวีปอเมริกาเหนือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งจะนิยมถูกเรียกว่า พิพิธภัณฑ์มีชีวิต (living museum) โดยพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งแรกตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านกรีนฟีลด์ ในรัฐมิชิแกน ก่อตั้งโดย เฮนรี ฟอร์ด ในปี ค.ศ. 1928 โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บของสำคัญของตน[3] ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1934 โคโลเนียลวิลเลียมส์เบิร์กได้กลายมาเป็นต้นแบบของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตต่อที่อื่นต่อไป พิพิธภัณฑ์มีชีวิตของอเมริกาเหนือ จะแตกต่างกับพิพิธภัณฑ์มีชีวิตของยุโรปตรงที่ มีลักษณะเฉพาะในการยังคง วัฒนธรรม ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของพื้นที่ แตกต่างจากทางฝั่งยุโรปที่เน้นในการเก็บรักษารูปลักษณ์ของอาคารและสิ่งก่อสร้าง
พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย[แก้]
พิพิธภัณฑ์มีชีวิตในประเทศไทย[แก้]
- ตลาดน้ำอัมพวา
- ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
- ตลาดน้ำบางเชือกหนัง
- ตลาดน้ำวัดสะพาน
- เมืองแม่ฮ่องสอน โครงการพิพิธภัณฑ์มีชีวิต[4][5]
- ตลาดสามชุก
- มูลนิธิพิพิธภัณฑ์มีชีวิต[6]
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งในประเทศไทย[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ บทความ ภูมิทัศน์เพื่อการศึกษาตามอัธยาศัยตลอดชีวิต (Edutainment Landscape) วารสารวิชาการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 2544. http://www.land.arch.chula.ac.th/pdf/edutain.pdf
- ↑ Scott Magelssen, Living History Museums: Undoing History Through Performance, Scarecrow Press, 2007
- ↑ Kenneth Hudson, Museums of Influence, Cambridge University Press, 1987. p. 153
- ↑ โครงการ การออกแบบเบื้องต้น และการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับพิพิธภัณฑ์มีชีวิตของเมืองแม่ฮ่องสอน[ลิงก์เสีย] เครือข่ายวิจัยเพื่อพัฒนาการภาคเหนือตอนบน
- ↑ "พิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่แม่ฮ่องสอน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2010-04-24.
- ↑ "ศูนย์การเรียนรู้พิพิธภัณ์มีชีวิตแห่งประเทศไทย | Living Museum Thailand Learning Center". livingmuseumthailand.com.
![]() |
บทความนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล หมายเหตุ: ขอแนะนำให้จัดหมวดหมู่โครงให้เข้ากับเนื้อหาของบทความ (ดูเพิ่มที่ วิกิพีเดีย:โครงการจัดหมวดหมู่โครงที่ยังไม่สมบูรณ์) |