พิพิธภัณฑ์มีชีวิต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
The Old Town พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งหนึ่งในประเทศเดนมาร์ก

พิพิธภัณฑ์มีชีวิต หรือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เป็นลักษณะชนิดหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ที่แสดงในบริเวณกว้าง ซึ่งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกเกิดขึ้นที่สแกนดิเนเวีย ซึ่งต่อมาแนวคิดเรื่องพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งรู้จักกันในหลายชื่อว่า พิพิธภัณฑ์มีชีวิต พิพิธภัณฑ์สิ่งก่อสร้าง หรือ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน

พิพิธภัณฑ์มีชีวิตเป็นลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่บุคคลในบริเวณนั้น จะมีการแต่งกายและการแสดงในลักษณะของยุคสมัยเก่า โดยบุคคลจะประพฤติปฏิบัติตัวราวกับว่าพักอาศัยอยู่ในโบราณ โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงวัฒนธรรมสมัยก่อนให้กับผู้ชมในยุคปัจจุบันได้เห็น พิพิธภัณฑ์มีชีวิตส่วนใหญ่จะมีการแสดงหลายอย่างไม่ว่า การตีเหล็ก การตีดาบ การทำเหมือง การรีดนมวัว การทอผ้า หรือ การวาดรูป เป็นต้น [1]

จุดหลักของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่สำคัญคือ วัฒนธรรมธรรมชาติแห่งประวัติศาสตร์, ข้อมูลความรู้ และ กิจกรรมของชุมนุม

ความแตกต่าง พิพิธภัณฑ์มีชีวิต กับ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง[แก้]

การเรียกชื่อของพิพิธภัณฑ์สองรูปแบบนี้สามารถสลับใช้กันได้ โดยจุดหมายเหมือนกันคือ เน้นวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และประวัติศาสตร์ โดยจุดแตกต่างในแนวคิดของการตั้งชื่อคือ พิพิธภัณฑ์มีชีวิตจะเน้นการมีคนและกิจกรรมของชุมชนเป็นส่วนประกอบของระบบมากกว่า พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จะเน้นสิ่งก่อสร้างและอาคารกว่า อย่างไรก็ตามพิพิธภัณฑ์มีชีวิตบางแห่งยังมีการเน้นส่วนประกอบโครงสร้างและอาคารเป็นส่วนสำคัญ เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งบางแห่ง มีการเน้นคนเช่นเดียวกัน

เป้าหมายของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตคือเพื่อแสดงให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและเรียนรู้วัฒนธรรม ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ผ่านประสาทสัมผัสทางกายภาพนั้นนอกเหนือจากการอ่านในหนังสือ แม้กระนั้นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตในอเมริกาบางครั้งจะถูกวิจารณ์โดยนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ว่าการแสดงบางอย่างบิดเบือนจากประวัติศาสตร์จริง และบางครั้งเพื่อบิดเบือนประวัติศาสตร์ในแง่ลบของชุมชนหรือพื้นบ้านบริเวณนั้น [2]

พิพิธภัณฑ์มีชีวิตของอเมริกาเหนือ[แก้]

ในทวีปอเมริกาเหนือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งจะนิยมถูกเรียกว่า พิพิธภัณฑ์มีชีวิต (living museum) โดยพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งแรกตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านกรีนฟีลด์ ในรัฐมิชิแกน ก่อตั้งโดย เฮนรี ฟอร์ด ในปี ค.ศ. 1928 โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บของสำคัญของตน[3] ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1934 โคโลเนียลวิลเลียมส์เบิร์กได้กลายมาเป็นต้นแบบของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตต่อที่อื่นต่อไป พิพิธภัณฑ์มีชีวิตของอเมริกาเหนือ จะแตกต่างกับพิพิธภัณฑ์มีชีวิตของยุโรปตรงที่ มีลักษณะเฉพาะในการยังคง วัฒนธรรม ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของพื้นที่ แตกต่างจากทางฝั่งยุโรปที่เน้นในการเก็บรักษารูปลักษณ์ของอาคารและสิ่งก่อสร้าง

พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย[แก้]

พิพิธภัณฑ์มีชีวิตในประเทศไทย[แก้]

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งในประเทศไทย[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. บทความ ภูมิทัศน์เพื่อการศึกษาตามอัธยาศัยตลอดชีวิต (Edutainment Landscape) วารสารวิชาการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 2544. http://www.land.arch.chula.ac.th/pdf/edutain.pdf
  2. Scott Magelssen, Living History Museums: Undoing History Through Performance, Scarecrow Press, 2007
  3. Kenneth Hudson, Museums of Influence, Cambridge University Press, 1987. p. 153
  4. โครงการ การออกแบบเบื้องต้น และการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับพิพิธภัณฑ์มีชีวิตของเมืองแม่ฮ่องสอน[ลิงก์เสีย] เครือข่ายวิจัยเพื่อพัฒนาการภาคเหนือตอนบน
  5. "พิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่แม่ฮ่องสอน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2010-04-24.
  6. "ศูนย์การเรียนรู้พิพิธภัณ์มีชีวิตแห่งประเทศไทย | Living Museum Thailand Learning Center". livingmuseumthailand.com.