ข้ามไปเนื้อหา

พิซซาฮาวายเอียน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พิซซาฮาวายเอียน
พิซซาฮาวายเอียนกับสับปะรด
ประเภทพิซซา
แหล่งกำเนิดประเทศแคนาดา
ภูมิภาคแชทัม รัฐออนแทรีโอ
ส่วนผสมหลักแป้งพิซซา, ซอสมะเขือเทศ, มอซซาเรลลา, สับปะรด, แฮม

พิซซาฮาวายเอียน (อังกฤษ: Hawaiian pizza) เป็นพิซซาที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแคนาดา[1][2] ซึ่งท็อปปิ้งแบบดั้งเดิมมีทั้งสับปะรด, ซอสมะเขือเทศ, ชีส และแฮม หรือเบคอน

ประวัติ

[แก้]

แซม ปาโนปูลอส ชาวแคนาดาที่ได้อพยพมาจากประเทศกรีกได้ทำการคิดค้นพิซซาฮาวายเอียนครั้งแรก ณ แซทเทิลไลท์เรสเทอรองตส์ในแชทัม, รัฐออนแทรีโอ, ประเทศแคนาดา ในปีค.ศ. 1962 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์การเตรียมอาหารจีน ซึ่งมีรสชาติที่เปรี้ยวหวาน[3] เขาได้ทำการทดลองโดยการทำการเพิ่มสับปะรด, แฮม, เบคอน และท็อปปิ้งอย่างอื่น ซึ่ง ณ ตอนแรกการเพิ่มท็อปปิ้งดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก[3][4][5][6][7]

หลังจากการเพิ่มสับปะรดลงในพิซซารูปแบบดั้งเดิมซึ่งมีทั้งซอสมะเขือเทศ และชีส ร่วมกับแฮมหรือเบคอน พิซซาของเขาเริ่มเป็นที่นิยมในระดับชุมชน ก่อนที่ในที่สุดพิซซาดังกล่าวก็ได้กลายเป็นหนึ่งในเมนูหลักของร้านพิซซาทั่วโลก[8] ซึ่งชื่อของเมนูชนิดนี้ไม่ได้มีแรงบันดาลใจมาจากรัฐฮาวาย, สหรัฐ ปาโนปูลอสได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาได้เลือกใช้คำว่า ฮาวายเอียน เพราะเป็นชื่อยี่ห้อของสับปะรดกระป๋องที่เขาใช้ ณ เวลานั้น[9]

ในประเทศเยอรมนี พิซซาฮาวายเอียนได้ถูกคิดค้นโดยใช้องค์ประกอบหลักคือแฮม, สับปะรด กับชีส และเป็นเมนูที่มีชื่อว่าโทสต์ฮาวาย อาหารชนิดนี้ได้ถูกนำเสนอครั้งแรกในรายการทำอาหารของประเทศเยอรมนีในปีค.ศ. 1955[10][11][12] และในปีค.ศ. 1957 "พิซซาฮาวายเอียน" ที่มีองค์ประกอบคือสับปะรด, มะละกอ และพริกหยวกเขียวหั่น แต่ไม่มีแฮม หรือเบคอน ได้ถูกปรากฏในพอร์ตแลนด์, รัฐออริกอน[13][14] ในปีค.ศ. 1960 ได้มีตอนหนึ่งใน The Adventures of Rocky and Bullwinkle and Friends ได้มีการอ้างถึง "พิซซาสับปะรด"[15]

ชีสที่ใช้โดยส่วนมากในพิซซาฮาวายเอียนนั้นส่วนมากจะเป็นมอซซาเรลลา[16] ในร้านอาหารบางแห่งสหรัฐนั้นนิยมใช้ซอสบาร์บีคิว และหมูฉีก ร่วมกับสับปะรดและชีส ซึ่งเป็นทางเลือกแทนที่จะทำในรูปแบบดั้งเดิมซึ่งจะใช้ซอสมะเขือเทศ, แฮม หรือเบคอน

ในวัฒนธรรมสื่อ

[แก้]

ในปีค.ศ. 2014 นิตยสารไทม์ ได้จัดให้พิซซาฮาวายเอียนเป็นอันดับที่หนึ่งของการจัดอันดับ "13 พิซซาที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล"[17][18] จากความคิดเห็นเกี่ยวกับพิซซาฮาวายเอียนที่มักจะทำให้เกิดความแตกแยก และการแบ่งฝ่าย ซึ่งถึงแม้จะมีหลายคนที่อร่อยกับรสชาติ แต่หลายคนก็ไม่ชอบเมนูดังกล่าวเป็นอย่างมากอันเนื่องมาจากความหวานของสับปะรดซึ่งอยู่บน "ส่วนประกอบของพิซซาแบบเค็ม"[19][20]

นอกจากนี้จอห์น กรีน ซึ่งเป็นนักเขียนชาวอเมริกันได้ออกมาให้ความคิดเห็นสะท้อนเกี่ยวกับต้นกำเนิดและความหลากหลายของอาหารชนิดนี้ว่าไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกคิดค้นโดยชาวแคนาดา แต่เป็นชาวกรีกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารจีนโดยการนำผลไม้จากทวีปอเมริกาใต้มาใส่ในอาหารอิตาเลียน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมหาศาลในประเทศออสเตรเลีย[21]

ผลสำรวจ

[แก้]

จากผลสำรวจในประเทศออสเตรเลียผลว่าพิซซาฮาวายเอียนเป็นหน้าที่นิยมที่สุดในปีค.ศ. 1999 โดยกินส่วนแบ่งในร้อยละ 15 จากยอดขายของพิซซาทั้งหมด[22]

ในปีค.ศ. 2015 จากการทบทวนร้านอาหารสั่งกลับบ้านในสหราชอาณาจักรผ่านการจัดส่งทางจัสอีต พบว่าพิซซาฮาวายเอียนเป็นหน้าพิซซ่าที่มียอดขายมากที่สุด[23] และจากผลสำรวจของแฮร์รีสโพลล์ในปี ความ.ศ. 2016 ในกลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ชาวอเมริกันพบว่าสับปะรดเป็นท็อปปิ้งที่ไม่ชอบน้อยที่สุดซึ่งมีผลคะแนนมากกว่าปลาแอนโชวีและเห็ด[24]

และจากการสำรวจของยูโกลบว์ออมนิบัสในปีค.ศ. 2019 ร้อยละ 12 ของชาวอเมริกันที่กินพิซซามีความคิดเห็นว่าสัปปะรดเป็นหนึ่งในสามของท็อปปิ้งบนพิซซาที่ชอบมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 24 ของชาวอเมริกันที่กินพิซซามีความคิดเห็นว่าสับปะรดเป็นหนึ่งในสามของท็อปปิ้งบนพิซซาที่ไม่ชอบมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามสัปปะรดไม่ใช่ท็อปปิ้งคนอเมริกันไม่ชอบมากที่สุด โดยวัตถุดิบอื่นที่ชาวอเมริกันไม่ชอบบนพิซซามากที่สุดคือปลาแอนโชวีและมะเขือยาว[20]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Canadian inventor of Hawaiian pizza defends pineapple after Iceland's president disses fruit topping". CBC. CBC/Radio-Canada. สืบค้นเมื่อ 5 May 2021.
  2. Hawthorn, Tom (26 June 2017). "Canadian Sam Panopoulos created the Hawaiian pizza". The Globe and Mail. The Globe and Mail Inc. สืบค้นเมื่อ 5 May 2021.
  3. 3.0 3.1 Nosowitz, Dan (4 June 2015). "Meet the 81-Year-Old Greek-Canadian Inventor of the Hawaiian Pizza". สืบค้นเมื่อ 19 May 2017.
  4. Boughner, Bob (26 June 2010). "Aloha! Hawaiian pizza born in Chatham?". The Chatham Daily News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-22. สืบค้นเมื่อ 7 February 2017.
  5. Turner, Geoff (14 July 2010). "Canadian invented the Hawaiian pizza". Toronto Sun/Sun Media. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 24, 2017. สืบค้นเมื่อ 7 February 2017.
  6. Mann, Helen (February 21, 2017). "Canadian inventor of Hawaiian pizza defends pineapple after Iceland's president disses fruit topping". CBC As It Happens. สืบค้นเมื่อ 19 May 2017.
  7. Helen Mann (February 21, 2017), Canadian inventor of the Hawaiian defends pineapple after Iceland president sneers at fruit on pizza, CBC Radio Interview As It Happens. Accessed 19 May 2017
  8. Scoble, Devon (April 5, 2016). "The History of Hawaiian Pizza". FoodNetwork.ca. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 8, 2021.
  9. Gajanan, Mahita (June 11, 2017). "The Man Who Invented Hawaiian Pizza Has Died". Time. Time USA, LLC. สืบค้นเมื่อ 5 May 2021.
  10. Driesner, Heidi (24 January 2015). ""Toast Hawaii" wird 60" (ภาษาเยอรมัน). n-tv. สืบค้นเมื่อ 7 February 2017.
  11. Foede, Petra (4 February 2011). "Es gibt keinen Toast auf Hawaii" (ภาษาเยอรมัน). Frankfurter Rundschau. สืบค้นเมื่อ 7 February 2017.
  12. Ganz, Rabea (5 August 2013). "Herrn Paulsens Deutschstunde: Toast Hawaii" (ภาษาเยอรมัน). Effilee. สืบค้นเมื่อ 7 February 2017.
  13. Singer, Matthew (September 13, 2020). "What the Hell Was Going on With This Portland Pizzeria From the 1950s?". Willamette Week.
  14. "The Oregonian. Guide to Good Eating: Restaurants and Dining Rooms". February 7, 1957. สืบค้นเมื่อ 25 February 2023.
  15. Bullwinkle Makes a Hit (Television production) (ภาษาอังกฤษ). Jay Ward Productions. February 11, 1960. เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ 2:06. สืบค้นเมื่อ February 16, 2023. Poi Burgers, Pineapple Pizza, Shrimp Cheesecake!
  16. Gulzar, Nabila (2021-09-01). "Influence of mozzarella and cheddar cheese mixing on biochemical characteristics of pizza cheese blends" (PDF). Pakistan Journal of Agricultural Sciences. 58 (4): 1359–1365. doi:10.21162/PAKJAS/21.50. S2CID 243541311. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-12-06. สืบค้นเมื่อ 2023-09-22.
  17. Begley, Sarah (May 5, 2014). "The 13 Most Influential Pizzas of All Time". Time. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-05.
  18. Carman, Tim (April 23, 2019). "Pineapple on pizza is easy to hate — at least in theory". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ October 21, 2019.
  19. Dowling, Stephen; Gray, Richard (August 20, 2022). "A pizza topping that divides the world". BBC. สืบค้นเมื่อ August 30, 2022.
  20. 20.0 20.1 Ballard, Jamie (February 5, 2019). "Pineapple remains a controversial pizza topping". YouGov America. สืบค้นเมื่อ August 30, 2022.
  21. Green, John. "Hawaiian Pizza and Viral Meningitis". The Anthropocene Reviewed. WNYC Studios. สืบค้นเมื่อ 16 February 2021.
  22. Steve Green (1999). PMQ Goes to Australia, Pizza Marketing Quarterly, Last accessed 7 February 2017
  23. Scott, Patrick (17 September 2015). "Top ten most popular pizzas in the UK revealed – is your favourite on the list?". Daily Mirror. สืบค้นเมื่อ 7 February 2017.
  24. Birth, Allyssa (23 February 2016). "Pepperoni Tops Americans' List of Favorite Pizza Toppings". The Harris Poll. Harris Interactive. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 February 2017. สืบค้นเมื่อ 21 February 2017.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]