พายุแดเนียล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พายุแดเนียลเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2023

พายุแดเนียล หรือที่รู้จักในชื่อ พายุไซโคลนแดเนียล เป็นพายุหมุนคล้ายเขตร้อนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและก่อมูลค่าความเสียหายมากที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ และเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลกนับตั้งแต่พายุไซโคลนนาร์กีสในปี 2008 นอกจากนี้ยังถือเป็นเหตุการณ์สภาพอากาศที่ร้ายแรงที่สุดของปี 2023 อีกด้วย[1] พายุเริ่มก่อตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อประมาณวันที่ 4 กันยายน 2023 พายุดังกล่าวส่งผลกระทบต่อกรีซ บัลแกเรีย และตุรกีโดยก่อให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จากนั้นพายุจึงได้รับการกำหนดชื่อว่า พายุแดเนียล ในไม่ช้ามันก็มีลักษณะกึ่งเขตร้อนและเคลื่อนตัวไปทางชายฝั่งลิเบีย ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมร้ายแรงก่อนที่จะลดระดับลงสู่ระดับต่ำสุดที่เหลืออยู่ พายุนี้เป็นผลมาจากโอเมกาบล็อก เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงถูกประกบอยู่ระหว่างบริเวณความกดอากาศต่ำสองบริเวณ โดยไอโซบาร์มีรูปร่างเหมือนตัวอักษรกรีก Ω[2][3]

ในกรีซ พายุลูกนี้ถือเป็นพายุที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมซึ่งสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านยูโร ลิเบียได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยฝนตกหนักทำให้เขื่อน 2 แห่งใกล้เมืองดัรนะฮ์พังทลาย ส่งผลให้จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 10,000 คน และมีผู้สูญหายอีกระหว่าง 10,000 ถึง 100,000 คน แม้ว่าตัวเลขที่แน่นอนจะแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มาก็ตาม ความเปราะบางของลิเบียต่อภัยพิบัติดังกล่าวถูกตำหนิว่าเกิดจากสงครามกลางเมืองซึ่งก่อความเสียหายและทำให้โครงสร้างพื้นฐานสำคัญอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ก่อนเกิดพายุ หลังจากนั้น หลายประเทศตามแนวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ให้คำมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบ

ผลกระทบ[แก้]

นักวิจัยพายุจากมหาวิทยาลัยเยลถือว่าพายุแดเนียลเป็นพายุในเขตแอฟริกาที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่มีบันทึกไว้ โดยมีผู้เสียชีวิตจากนักท่วมในแอลจีเรียกว่า 3,000 คนในปี ค.ศ. 1927 และถือเป็นพายุที่ดุร้ายที่สุดนับตั้งแต่ซุเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยียนเมือปี ค.ศ 2013

กรีซ[แก้]

ในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2023 เกิดน้ำท่วมในเทลัซซี่ในกรีซคร่าชีวิตไป 1 คน[4] ในวันเดียวกันก็เกิดฝนกตกหนกหมู่บ้านซาโกราที่ระดับน้ำฝน 1,092 มม. (43นิ้ว) ซึ่งมากว่าค่าเฉลี่ยของระดับน้ำฝันทั้งเดือนกว่า 55 เท่า [5] ในเมืองพอร์ตาเรียวัดระดับน้ำฝนได้ 884 มม. (34.8 นิ้ว) โดยหลังจากนั้นไม่สามารถวัดระดับน้ำฝนได้อีกเนื่องจากได้รับความเสียหาย [6]

ในวันที่ 6 กันยายน  แม่น้ำกราฟซิโดนาสจากภูเขาเพอลิออนได้เอ่อล้นท่วมเมืองโวลอสจนสะพาน[7]และบ้านพักคนชรา[8]ได้รับความเสียหาย กระแสน้ำได้พัดเอารถยนต์ รถบัส[9] ต้นไม้ และ เศษซากปรักหักพังไปกับสายน้ำ [10]

ในวันที่ 7 กันยายน ทางด่วนระหว่างเอเธนและเมืองเธซซาโลนิกิถูกปิด และ รถไฟระหว่างเมืองทั้งสองก็ได้ปิดทำการเช่นกัน [11]ในเมืองเธลัซซี่มีผู้ประสบภัยที่ติดตามอาคาร สะพาน และ หมู่บ้านรอการช่วยเหลือกว่า 800 คน [12]

แม่น้ำเพนิออซได้เอ่อล้นเข้าท่วมเมืองลาริซซ่าหลังจากฝนหยุดเมื่อวันที่ 8 กันยายน โดยระดับน้ำสูงถึง 9.5 เมตร (31ฟุต) สูงว่าระดับปกติกว่า 5.5 เมตร (18 ฟุต) [13]ส่วนที่หุบเขาเวลออฟเทมพีระดับน้ำสูงถึง 18 เมตร (59ฟุต) สูงจนถึงระดับสะพานแขวน [14]

ที่เมืองโวลอสมีผู้เสียชีวิตจากกำแพงถล่ม ใกล้เมืองเพลิออนได้มีผู้พบศพหญิงสูงอายุเมืองวันที่ 6 กันยายน ในขณะที่อีก 4 คนได้หายสาบสูญ หมู่บ้านกว่า 6 แห่งใกล้ภูเขาเพลลิออนได้รับความเสียหายอย่างหนัก [15]

หลังจากฝนตกหนักเริ่มขึ้น ได้มีการเริ่มโครงการโคเพอนิคัสเพื่อจัดทำแผนที่เร่งด่วนในเขตน้ำท่วมในกรีซ โดยวิเคราะห์จากภาพถ่ายดาวเทียม เซนติเนล-1 เมื่อวันที่ 7 กันยายน พบว่ามีพื้นที่ที่ได้รับผลระทบจากน้ำท่วมกว่า 73,000 เฮกตาร์ (456,250 ไร่) [16]

นักอุตุนิยมวิทยาถือว่าพายุครั้งนี้เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์กรีซตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 [17] น้ำท่วมในแคว้นเธซซัลลี่ทำลายพื้นที่การเกษตรขนาดใหญ่คิดเป็น 15% ของพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมด เปลี่ยนดินที่เคยอุดมสมบูรณ์กลายเป็นโคลนซึ่งจะเพาะปลูกไม่ได้เป็นเวลากว่า 5 ปี [18] โดยทางการประเมินความเสียหายอยู่ที่ 2 พันล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 76,966,522,500 บาท ในวันที่ 16 กันยายนมีผู้เสียชีวิต 17 ตน ผู้เสียชีวิตบางส่วนเป็นชาวออสเตรียนที่ติดอยู่ในบ้านพักตากอากาศใกล้ชายหาดโพติสติกใกล้เขตเพลิออนก่อนจะถูกกระแสน้ำพัดมา [19]ตำรวจได้มีการห้ามการดินทางไปโวลอส บางส่วนของหมู่บ้านในเขตเพลิออนและเกาะสเกียทอสใกล้ๆ โดยทางการได้ส่งข้อความไปยังประชาชนในเขตภาคกลางของกรีส เกาะสปอเรด และ เกาะ อีเวียใกล้กับเอเธน โดยเตือนไม่ให้ประชาชนออกภายนอกอาคารโดยพายุได้ถูกพยากรณ์ว่าจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยถึงช่วงเย็นของวันที่ 7กันยายน [20]

ตุรกี[แก้]

ในช่วงแรงของพายุมีผู้เสียชีวิต 5 คน จากน้ำท่วมในเขตเคอคลาเรอลี โดยเสียชีวิตบังกาโลวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางการในเขตอุทยานแห่งชาติอิกเนดา กระแสน้ำยังพาดพาท่อนซูงจากพื้นที่กิจการตัดไม้ก่อนที่ท่อนซุงในกระแสน้ำเหล่านี้จะ พัดพา ทำลาย สิ่งปลูกสร้างจนเป็นผลทำให้มีผู้เสียชีวิต [21]

ในวันที่ 6 กันยายน น้ำท่วมเขตอิคิเตลลิ [22], อัรนาวัตเกย, บาชักเซอเฮีย และ กุชุกเชมีเช ในเมืองอิสตันจากฝนตกหนัก มีผู้เสียชีวต 2 ราย บาดเจ็บ 31 คน [23] เหยื่อรายแรกเป็นชาวกีนีเสียชีวิตหลังจากติดในชั้นไต้ดินในอพาร์ทเมนต์ รายที่สองเป้นผู้หญิงเสียชีวิตจากกระแสน้ำพัด ทั้งสองเสียชีวิตในเขตกุชุกเชมีเช อุทกภัยในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนและร้านค้ากว่า 1,750 หลัง [24] นายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูล ดาวุด กูล ได้ออกมากล่าวว่าฝนตกในครั้งนี้มีปริมาณน้ำฝนเท่ากับปริมาณฝนทั้งเดือนกันยายนและตกลงมาในช่วงเวลาเพียง 6 ชม [25]และทางการได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยให้ที่พักพิงและความปลอดภัยแก้ผู้ประสบอุทกภัย [26]

บัลแกเรีย[แก้]

หมู่บ้านใกล้เคียงทะเลดำในเขตเบอรกัส รวมถึงหมู่บ้านคอสติ และ อาราปยา ถูกน้ำท่วม กระแสน้ำได้ทำลายสะพานในพื้นที่ซาเรโวพัดพาประชาชน 3 คน ไปกับกระแสน้ำ และอีกคนจมน้ำใกล้กับเขตหมู่บ้าน ปริมาณน้ำฝนที่ตกในหมู่บ้านคอสติสูงถึง 311 มม. (12.2 นิ้ว) คิดเป็น 420% ของปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยของเดือนกันยายน ในเมืองอัทโธโปลปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ 196 มม. (77นิ้ว) คิดเป็น 350% ของปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งเดือน ส่วนในเมืองแกรมาติโคโว ปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ 275 มม. (10.8 นิ้ว) คิดเป็น 368% ของปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งเดือน ในเมืองซาเรโซมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดเป็นสถิตประเทศ โดยอยู่ที่ 330 มม. (13 นิ้ว) โดยคิดเป็น 40% ของปริมาณน้ำฝนทั้งปี และตกภายใน 20 ชม ทางการได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อรับมืออุทกภัยที่เกิดขึ้น [27]

ในช่วงเวลาเดียวกันได้เกิดพายุหมุนขนาด 80 เมตร ในทะเลใกล้เมืองทูเลโนโว ในภาพตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ [28]

ในพื้นที่ภาคไต้บริเวณชายฝั่งทะเลดำได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างมาก แม่น้ำได้เอ่อล้นท่วมริมฝั่งทำลายสะพานและสิ่งปลูกสร้างรอบริทฝั่งแม่น้ำ สร้างอุปสรรคต่อการคมนาคม ทำให้การกูภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยประมาณการผุ้ได้รับผลกระทบกว่า 4.000 คน [29]

ลิเบีย[แก้]

ในช่วงต้นลิเบียได้ประกาศสถาณการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 9 กันยายน [30]บริษํทน้ำมันแห่งชาติลิเบียได้ประกาศให้คลังน้ำมันหยุดทำงานในเมืองราสลานุฟ, ซุยตินา. เบรกา และ ซิดรา โดยคลังน้ำมันใน ราสลานุฟ, เบรกา และ ซิดรา [31]ได้เปิดทำการอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 กันยายน และ คลังน้ำมันในเมืองซุยตินาได้เปิดทำการเมื่อ 13 กันยายน [32]

เขื่อนเดอรนาแตก[แก้]

ในคืนวันที่ 10-11 กันยายน ค.ศ 2023 เขื่อนเดอร์นา (อีกชื่อคือ เบลัด[33]) และเขื่อนมอนซุร์ (หรือ อาบู มอนซุร์[34]) ได้พังทลายลงมา ส่งผลให้มวลน้ำกว่า 30 ล้านลุกบาศ์กเมตรไหล่ลงมาตามแม่น้ำ วาดิ เดอรนา [35] ทำให้น้ำไหล่เข้าท่วมสองฝั่งแม่น้ำอย่างฉับพลันโดยระดับน้ำสูงถึง 50 เมตร มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,252 คน [36]และกว่า สามหมื่นคนไร้ที่อยู่อาศัย

ก่อนที่จะเกิดพายุทางการได้ประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่โดยห้ามไม่ให้ประชาชนออกจากบ้านหลังสี่ทุ่มเมื่อวันที่ 10 กันยายน [37]ต่อมาได้มีผู้ได้ยินเสียงเหมือนระเบิดดังขณะที่เขื่อนได้แตกออก [38]พร้อมคลิปวิดิโอแสดงน้ำท่วมพื้นที่เดอรนาอย่างรวดเร็ว[39]เมื่อเวลาตีสาม วันที่ 11 กันยายน ตามเวลาลิเบีย นายกรัฐมนตรีลิเบียฮามาดาได้กล่าวว่ามวลน้ำได้กวาดล้างล้านเรือของประชาชน ในขณะที่คลิปวิดิโอในโซเชียลมีเดียได้แสดงให้เห็นรถยนต์ถูกพัดจมในกระแสน้ำ [40] สะพานสี่แห่งถูกทำลาย รัฐมนตรีกระทรวงการบิน ฮิชาม ชคิอวต ได้กล่าวว่าดูเหมือนเมืองเดอรนาตอนนี้กำลังถูกถล่มด้วยซึนามี 25%ของเมืองได้หายไป [41]ในขณะที่เมืองส่วนใหญ่กำลังถูกกระแสน้ำพัดพาเข้าสูทะเลเมมดิเตอเรเนียน [42]

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข โอทมาน อับดุลจาลิล กล่าวว่าในเมืองเดอร์นาแห่งเดียวมีผู้สูญหายกว่า 6,000 ราย [43]นายกเทศมนรตรีเมืองเดอร์นา อับดุลเมนาม อัลไกติ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอัลอาราบิยาว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดาอาจจะสูงถึง 18,000 ถึง 20,000 ราย [44] นับเป็นหนึ่งในห้าของประชากรทั้งหมดของเมือง [45]มีเพียง 3 เขตจากทั้งหมด 10 เขตของเมืองที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ถนนทางเข้าเมือง 5 สายถูกทำลายจากทั้งหมด 7 สาย [46] โดยในเมืองเดอรนามีอาคารทั้งหมด 6,142 หลัง ได้รับความเสียหายไป 1,500 หลัง ถูกทำลายอย่างราบคาบ 891 หลัง ถูกทำลายบางส่วน 211 หลัง จมอยู่ในโคลน 398 หลัง [47] กว่า 6 ตารางกิโลเมตรจมอยู่ไต้น้ำ [48]

น้ำท่วมได้สร้างความเสียหายจนโรงพยาบาลไม่สามารถใช้งานได้ ห้องเก็บศพได้เต็มอย่างรวดเร็ว จนต้องนำมาพมาพักไว้ตามทางเดิน [49]ในจตุรัสกลางเมืองจนต้องมีการระบายศพไปยังเมืองโตบรุก[50] ศพมากว่า 1000 ร่างถูกฝังในหลุมขนาดใหญ่[51] ได้มีการจัดหน่วยเก็บศพที่ถูกกระแสน้ำพัดพากลับสู่ทะล[52]โดยกว่า 200 ศพลอยไกลจากเมืองเดอรนากว่า 20 กิโลเมตร[53] หลายศพลอบไปไกลกว่า 100 กิโลเมตร [54]หลายรายติดอยู่ภายในรถที่ถูกกระแสน้ำพัดจมลงไปในทะเล[55] มีผู้รอดชีวิต 1 รายที่ลอยไปไกลจากชายฝั่งเมืองเดอรนากว่า 20 กิโลเมตรและได้รับการช่วยเหลือ[56]

สาเหตุที่อุทกภัยสร้างความเสียหายได้มากเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวขาดการดูแลจากทางการมานานในช่วงของสมัยกัดดาฟี[57] และเมืองที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมือง เป็นผลให้มีการแบ่งแยกประเทศเป็นตะวันตกและตะวันออก[58] ภายหลังจากที่รัฐบาลกัดดาฟีถูกล้มล้างเมืองก็ถูกเปลี่ยนผู้นำมาแล้วกว่า 4 ครั้ง เขื่อนที่พังทลายลงนั้นสร้างโดยบริษัท Hidrotehnika-Hidroenergetika [59]สัญชาติยูโกสลาเวียตั้งแต่มี ค.ศ. 1973 ถึงปี 1977 เพื่อควบคุมระดับน้ำ [60]ใช้ในการกสิกรรมและการปันน้ำไปยังเมืองรอบๆ โดยมีขนาดสูง 75 เมตร กว้าง 45 เมตร

เขื่อนเดอรนากักเก็บน้ำกว่า 1.5 ล้านลุกบาศ์กเมตร ส่วนเขื่อนมอนซูรกักเก็กน้ำได้มากถึง 22.5 ลูกบาศ์กเมตร [61] เขื่อนทั้งสองเคยได้รับความเสียหายจากพายุในปี ค.ศ. 1968 รอยร้ายได้รับการรายงานเมื่อปี ค.ศ.1998 และทางการรายงานว่าเขื่อนไมได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 แม้ว่าจะได้รับงบซ่อมแซมสูงถึง 2 ล้านยูโรเมื่อปี ค.ศ. 2012 และ 2013 [62] แต่อย่างไรก็ตามได้มีบริษัทก่อสร้าง อัสเรลจากประเทศตุรกี ได้ออกมาประกาศว่าบริษทัได้รับสัญญาเพื่อซ่อมบำรุงและสร้างเขื่อนอีกแห่งเมือปี 2007 และ เสร็จสิ้นเมื่อปี 2012[63] แต่ทางการออกมาปฎิเสธ[64]โดยกล่าวว่า บริษทัได้หยุดงานตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 เนื่องจากสงครามกลางเมืองได้อุบัติขึ้น [65]

เมื่อปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมานักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอุมัรอัลมุกตัรในเมืองเบยดาประเทศลิเบียได้ออกมาเตือนว่าเขื่อนควรได้รับการการดูแลอย่างเร่งด่วนเนื่องจากมีความเสียงสูงมากที่จะเกิดน้ำท่วม [66]และ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรีบซ่อมบำรุงรักษาโดยด่วนโดยในเอกสารได้ระบุว่า น้ำท่วมที่มีความเสี่ยงจะเกิดนั้นอยู่ในระดับ "หายนะ"[67] แม่น้ำวารดีเดอนาเป็นที่รู้กันว่าเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม โดยในอดีตเคยเกิดน้ำท่วมใหญ่ถึง 4 ครั้งในช่วง ค.ศ 1942 ถึง ค.ศ. 2011 [68]โดยเชื่อว่าเขื่อนการพังทลายของเขื่อนมันซูรที่จุดเชื่อมต่อของสองแม่น้ำย่อย[69] นั้นได้ปล่อยมวลน้ำจำนวนมากมุ่งสู่ทะเลซึ่งเกินกว่าที่เขื่อนเดอรนาจะรับได้ไหวจนพังทลายในที่สุด [70]จากข้อมูลของกาชาดกล่าวว่าการเขื่อนที่แตกนั้นได้สร้างคลื่นยักษ์ที่สูงกว่า 7 เมตร [1]

พื้นที่อื่นๆของลิเบีย[แก้]

ปริมาณน้ำฝนกว่า 170 มม.เข้าท่วมพื้นที่อัลอับรัก พยานเหตุการณ์ได้บอกกับนักข่าวรอยเตอร์ว่าน้ำท่วมมีความสูงถึง 3 เมตร [71]นอกจากนี้ยังท่วมพื้นที่โทบรุก ทักนิส อัลบายาดา บัตตะห์[72] กันดูลา[73] เมอชิลี [74] รวมถึงเขตจะบัลอักดัร [75] และใน มิสราตาทางตะวันตก ใน เมืองอัลวิรดายามีบ้านเรือนถูกกระแสน้ำทำลายไป 50 หลัง มีรายงานผู้เสียชีวิต 27 ราย และ จำนวนมากได้สูญหาย [76]

เมืองซูซามีผู้เสียชีวิต 19 ราย [77]

เมืองโอมัรอัลมุกตารและเมืองชะหัตมีผู้เสียชีวิต 7 ราย [78]

เมืองมัรจมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เมืองอัลเฟยเดียมีผู้เสียชีวิต 8 ราย [79]

ในเมืองบัยดาโรงพยาบาลถูกสั่งให้อพยพเนื่องจากน้ำท่วมฉับพลัน [80] มีผู้เสียชีวิกว่า 200 คน[81] จำนวนมากสูญหาย [82] โดยน้ำฝนที่ตกมีปริมาณสูงถึง 414 มม. ซึ่งเท้่ากับ 77% ของปริมาณน้ำฝนที่ตกทั้งปี[83] บ้านเรือนกว่า 5.000 ห ลัง ถนนกว่า 35 กม. ระบบท่อรายน้ำกว่า 20 กม.ได้รับความเสียหาย[84] ฟาร์มกว่า 60 แห่งในเมืองมาราวาได้ถูกทำลาย [85]

พื้นที่โบราณคดีหลายแห่งในลิเบียตะวันออกได้รับความเสียหายรวมถึงโบราณสถานไซรีนที่ถูกฝังอยู่ในโคลนตม บางส่วนถูกพัดพาไปยังเขตมันซูรา น้ำท่วมยังเปิดเผยส่วนโบราณสถานที่ยังไม่ได้ทำการขุดอีกด้วย [86] กลุ่มอินเตอร์แนชั่นแนล ไครซฺิส ได้ออกมาเตือนว่าโบราณสถานอยู่ในความเสี่ยงที่จะพังทลายลงมาจากการถูกน้ำกัดเซาะโครงสร้าง [87] นอกจากนี้ยังมีการรายงานความเสียหายต่อโบราณสถานอพอลโลเนีย อัทรุน และมีโบราณวัตถุหลายชิ้นถูกกระแสน้ำพัดพาลงสู่ทะเล [88]

ภาพรวมความเสียหายทั้งประเทศลิเบีย[แก้]

ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดในพื้นที่ไครีไนก้าตั้งแต่แผ่นดินไหวมัรจเมื่อปี ค.ศ.1963 [89]

เมื่อวันที่ 26 กันยายน ทางการได้รายงานยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,199 คน[90] โดยเสียชีวิตนอกพื้นที่เดอรนา 170 คน [91]และมีผู้สูญหายกว่า 10,000-100,000 ราย [92]ทางการได้รวบรวมสถิติและรายงานผลอย่างเป็นทางการว่ามีผู้บาดเจ็บกว่า 7,000 ราย[93] ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 46,000 ราย [94][95]ซึ่งเป็นเด็ก 16,000 ราย โรงเรียนได้รับผลกระทบกว่า 117 แห่ง แหละ 4 แห่งถูกทำลายทั้งหมด 80 แห่งเสียหายบางส่วน[96] โรงพยาบาล 10 แห่งและสถาบันทางการแพทย์ต้องถูกปิดทำการ[97] อาสาสมัครจันทร์เสี้ยวแดงของลิเบียเสียชีวิต 3 รายระหว่างการปฎิบัติงาน[98]

สมาคมฟุตบอลลิเบียได้รายงานการยืนยันการเสีียชีวิของนักเตะ 4 รายได้แก่ ชาฮีน อัลจามีน จากทีม อัลทาฮิดดิ เมืองเบงกาซี่ , มอนเดอร ซาดากะ จากทีมดารเนส เมืองเดอรนา พร้อมพี่น้องอีกสองคน สาและ และ ไอยุบ ซาซิ ซึ่งเป็นสมาชิกทีมนักเตะเยาวชนดารเนสจากเมืองเดอรนา และ อิบราฮิม อัลฆาซิริ จากทีม นูซุร มัรตูบา ส่วนสนามกีฬาเดอรนาสเตเดี่ยมได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากน้ำท่วม[99]

มีชาวต่างชาติ 400 รายเสียชีวิตจากน้ำท่วม[100] รวมถึงผู้อพยพ 276 รายจากซูดาน[101][102] สมาชิกจากชุมชนชาวซูดานในเดอรนาได้กล่าวว่ามีชาวซูดานในเมืองเดอรนาต้องกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 700 ครอบครัว[103] ชาวอียิปต์ในลิเบียเสียชีวิต 145[104] ราย ชาวปาเลสไตน์ในลิเบียเสียชีวิต 23 ราย [105] และประมาณการผู้เสียชีวิตของขาวซีเรียกว่า 42 ราย โดยอาจจะสูงถึง 150 ราย [106]

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกได้ออกมากล่าวว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นสามารถที่จะป้องกันได้หากมีการพยากรณ์อาการที่มีประสิทธิภาพซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการติดต่อกับทางการลิเบียเพื่อปรับปรุงระบบแต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากสถาณการณ์ความไม่สงบในประเทศ[107] องค์การสหประชาชาติได้ประมาณการผู้ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือมีประมาณ 884,000 ราย [108] และมีเด็กราว 300,000 รายที่เสี่ยงต่อโรคระบาดหลังน้ำท่วม ความรุนแรง และ โดนคุกคาม [109]

บริษัทไปรษณีย์ โทรคมนาคม และ สารสนเทศได้ออกมากล่าวว่าพายุได้สร้างความเสียหายต่อสายเคเบิลอินเตอร์เน็ตไต้น้ำที่เชื่อมต่อลิเบียและยุโรป จนลิเบียถูกตัดการเชื่อมต่อทางโทรคมนาคมจากนานาชาติ [110]ทางการได้ประมาณการว่า กว่า 70% ของโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานถูกทำลาย 80%ของระบบประปาใช้งานไม่ได้ 50%ของถนนไม่สามารถสัญจรผ่านได้ และสะพานกว่า 11 ทำลาย [111]

อียิปต์[แก้]

พายุดาเนียลอ่อนกำลังลงและเคลื่อนผ่านอียิปต์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2023 ส่งผลให้เกิดฝนตกระดับปานกลาง [112]

อิสราเอล[แก้]

พายุดาเนียลที่ออ่นกำลังลงเคลื่อนผ่านไปยังอิสราเอลเมื่อวันที่ 13 กันยายน ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก สร้างความเสียต่ออาคารเพียงเล็กน้อย และมีรายงานการเกิดหลุมยุบแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ [113]

ผลพวงจากพายุ[แก้]

ลิเบีย[แก้]

ปฎิกริยาภายในประเทศลิเบีย[แก้]

ทางการลิเบียได้ประกาศเขตภัยพิบัติในพื้นที่เดอร์นา ชาฮัต และ เบย์ดา กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเครื่องบินขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา ถุงห่อศพ และ บุคลากร ไปยังเบงกซี่ เมื่อวันที่ 12 กันยายน ได้มีการประกาศวันหยุด 3 วันเพื่อเป็นการไหว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิต มีการอนุมัติเงินสนับสนุนกว่า 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ [114] เพื่อบูรณะเมืองเดอรนาและเบงกาซี่ อนุมัติเงินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อใชในการบรรเทาสาธารณภัย[115] มีการจัดตั้งองค์กรเพื่อตรวจสอบและรับบริจาคจากนานาชาติ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะรับบริจาคเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น [116]

วันที่ 14 กันยายนนายกรัฐมนตรีอับดุลฮามิด อัลดาบีบา แห่งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (์Government of National Unity) ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบเกียวกับเขื่อนถล่มและการบำรุงดูแลรักษา [117]วันที่ 15 กันยายน อัยการสูงสุดลิเบียได้มีการสอบสวนเหตุการณ์เขื่อนเดอรนาถล่ม [118]นายรัฐมนตรีเมืองเดอรนาอับดุลมีนาม อัลกัยตีถูกพักจากตำแหน่ง[119] สมาชิกสภาเมืองถูกพักงานและสอบสวน ต่อมาได้มีการออกหมายจับนายกอัลกัยตี สมาชิกสภาเมือง 2 ราย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเขื่อนและน้ำอีก 14 รายในข้อหาละเลยและปฎิบัติหน้าที่บกพร่อง [120][121][122]

รายการวิทยุโทรทัศน์ทั่วทั้งประเทศได้ประกาศรับบริจาคเป็นครั้งแรก [123] ชาวลิเบียจากทั่วทั้งประเทศได้ตอบรับการขอความช่วยเหลือของเมืองเดอรนาเดินทางเข้าไปเป็นอาสาสมัครเพื่อบรรเทาสาธารณภัย [124] สหประชาชาติได้รายงานว่ากลุ่มการเมืองที่ขัดแย้งกันในลิเบียได้มีการติดต่อเพื่อช่วยเหลือ [125]

วันที่ 13 กันยายน ได้มีรายงานจากกองทัพลิเบียแห่งชาตินำได้ คาลิฟา ฮัฟตาร ได้ส่งขบวนรถบรรเทาทุกไปยังเดอรนาเมื่อวันที่ 12 กันยายน [126]โดยจะเลื่อนขั้นแก่ทหารที่เข้าไปช่วยเดอรนา[127] ทั้งนี้จะห้ามไม่ให้นักข่าวเข้าไปยังพื้นที่และยึดโทรศัพท์[128]

เมืองทอรคาซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมอืงเดอรนาได้รับการแจ้งเตือนให้อพยพ หลังจากมีรายงานว่าเขื่อนในพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะถล่มเช่นกัน [129]

วันที่ 14 กันยายน ท่าเรือเมืองเดอรนาได้เปิดรับเรือที่กินน้ำลึกไม่เกิน 6.5 เมตร เพื่อรับสิ่งของบริจาคทางเรือ [130]พื้นที่ทางตะวันตกของเมืองกลับมามีไฟฟ้าใช้ [131]ในวันเดียวกันกรมบรรเทาสาธารณภัยลิเบียได้ออกมาประกาศให้ทุกคนออกจากเมืองเดอรนายกเว้นทีมกู้ภัย

ในวันที่ 18 กันยายน ได้มีการสร้างสะพานชั่วคราวข้ามแม่น้ำวัลดีเดรอนา[132] สภาผู้แทนแห่งลิเบียได้กำหนดวันเพื่อประชุมกับนานาชาติจากมีขึ้นในวันที่ 1-2 พฤศจิกายนที่เมืองเดรอนา เพื่อหารือแผนการฟื้นฟูเมืองเดอรนา ประชาชนเมืองเดอรนาที่บ้านเรือนถูกทำลายทั้งหมดจะถูกชดเชยเป็นเงิน 100,000 ดินาร์ (20,500 ดอลลาร์สหรัฐ) หากถูกำลายบางส่วนจะได้รับเงินชดเชย 50,000 ดินาร์ หากเฟอรนิเจอรหรือข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านถูกทำลายจะได้รับเงินชดเชย 20,000 ดินาร์ [133]

เจ้าหน้าบรรเทาสาธารณภัยได้รายงานเมือวันที่ 15 กันยายนว่ามี ประชาชนในเมืองเดอรนาท้องเสียกว่า 150 รายหลังจากดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อน [134]และได้มีการประกาศห้ามดื่มห้ามใช้น้ำในพื้นที่[135] และทางการได้แบ่งพื้นที่เมืองออกเป็น 4 ส่วนเตรียมไว้ในการปิดกั้นพื้นที่หากมีการระบาดของโรค [136] รัฐมนตรีสาธารณสุขแห่งสภาผู้แทนลิเบียได้ประกาศโครงการวัคซีนในเดอรนาโดยเน้นเด็ก เจ้าหน้าที่กู้ภัย และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข[137] ในวันที่ 19 กันยายน คนงานกว่า 60 คนต้องได้รับการนอนโรงพยาบาลเนื่องจากอาการอาเจียนและท้องเสีย [138]

ในวันที่ 17 กันยายน ได้เกิดอุบัติเหตุรถบัสบรรถทุกสิ่งของบรรเทาภยัจากกรีกมุ่งหน้าไปยังเมืองเดอรนาพุ่งชนกับรถยนต์ครอบครัวชาวลิเบียบริเวณตะวันออกของเมืองเบงกาซีส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็ฯนายทหารกรีกสามนาย ล่ามประจำรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของกรีก และ ผู้โดยสารอีก 3 รายเสียชีวิต มีผู้บาดเจ็บเป็นผู้โดยสารรถบัส 8 ราย และ ในรถยนต์ี 2 ราย [139]

วันที่ 18 กันยายน ชาวเมืองเดรอนาได้ประท้วงหน้ามัสยิดอัลซาฮาบา ประณามสภาผู้แทนและโฆษก อากิลลา ซาเล่ ผู้ประท่วงได้วางเพลิงบ้านพักของนายกเทศมนตรีเมืองการไกตี เรียกร้องให้มีการยุบสภาผู้ทน ก่อตั้งสำนักงานสหประชาชาติ และ ตรวจสอบสภาเมืองและงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลรักษาเสถียรภาพได้มีการโต้ตอบด้วยการขับนักข่าวออกจากเมือง ตัดอินเตอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์กว่า 36 ชม ก่อนจะเข้าสลายและจับกุมผู้ชุมนุม [140]

ปฎิกริยาของนานาชาติ[แก้]

หลากหลายประเทศในภูมิภาคได้ส่งความช่วยเหลือแก่ลิเบียไม่ว่าจะเป็นตูนิเซีย เยอรมนี กาตาร์ อิหร่าน มอลตา และ สหรัฐอาหรับเอมิเรต [141] ประธานาธิบดีอียิปต์อับดุลฟัตตะห์ ได้ด้ทำงานประสานกับกองทัพลิเบียตะวันออกในการที่จะปฎิบัติภารกิจช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ [142] นำทีมโดยโอาซามา อัสการ์ พร้อมกับทีมกู้ภัยอีก 25 ทีม เครื่องบินบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์อีก 3 ลำ ไปยังลิเบียตะวันออก [143] นอกจากนี้ได้ประกาศวันหยุดเป็นเวลาสามวันเพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมรวมถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในโมร็อกโกเมื่อวันที่ 8 กันยายนอีกด้วย [144] ร่างผู้เสียชีวิต ชาวลิเบีย 84 รายได้ถูกแนกในเมืองโตบรุกและฝังเมื่อวันที่ 13 กันยายน [145]

ประเทศอัลจีเรียได้ตอบรับการขอความช่วยเหลือของประธานาธิบดีลิเบียมูฮัมเม็ดอัลเม็มฟีด้วยเครื่องบินบรรทุกแบบอิลยุชินลำเลียง อาหาร เวชภัณฑ์ เสื้อผ้าและเต๊นท์ [146]

วันที่ 12 กันยายน อิตาลีได่ส่งเรือรบ ซานมาร์โก ไปยังท่าเรือเมืองเดอรนาพร้อมกับทีมทีมสำรวจความเสียหาย เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยสองลำ เต๊น 100 หลัง เครื่องนอน 5,000 ชุด

อ้างอิง[แก้]

  1. "Storm Daniel continues to sweep through the Mediterranean Basin". European Union, Copernicus Sentinel-3 imagery. 10 September 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 September 2023. สืบค้นเมื่อ 12 September 2023.
  2. Badshah, Nadeem (6 September 2023). "UK heat and floods in south-east Europe blamed on 'omega' weather system". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 September 2023.
  3. "UK heatwave: What is an omega block – and how is it causing our extreme weather?". Sky News. 6 September 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 September 2023.
  4. "Na bosbranden kampt deel van Griekenland nu met overstromingen". nos.nl (ภาษาดัตช์). 2023-09-05.
  5. ""Historic flooding event" in Greece dumps more than 2 feet of rain in just a few hours - CBS News". web.archive.org. 2023-09-11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-11. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  6. "Newsblog zu Unwettern: Zahlreiche überflutete griechische Dörfer weiter von Außenwelt abgeschnitten". Kölner Stadt-Anzeiger (ภาษาเยอรมัน). 2023-09-09.
  7. "A Deluge in Greece". earthobservatory.nasa.gov (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-08.
  8. Newsroom (2023-09-05). "Βόλος: Κατέρρευσε πτέρυγα γηροκομείου – Επιχείρηση εκκένωσης". Η ΚΑΘΗΜΕΡΙΝΗ (ภาษากรีก).
  9. "Βόλος: Τα ορμητικά νερά του Κραυσίδωνα «κατάπιαν» λεωφορείο (βίντεο)". www.naftemporiki.gr (ภาษากรีก). 2023-09-05.
  10. "Ο εφιάλτης της επόμενης ημέρας σε Πήλιο και Βόλο - Ανυπολόγιστες ζημιές, οδοιπορικό της ΕΡΤ - ertnews.gr". web.archive.org. 2023-09-09. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-09. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  11. "Dodental door overstromingen in Griekenland, Turkije en Bulgarije loopt op". web.archive.org. 2023-09-07. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-07. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  12. "Greece floods: More than 800 rescued as extreme rainfall turns villages into lakes | CNN". web.archive.org. 2023-09-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-08. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  13. "Storm Daniel", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2023-09-24, สืบค้นเมื่อ 2023-09-25
  14. "Daniel Storm: The Waters Reached 18 Metres In Tempi Valley! Death Toll Reached 15". web.archive.org. 2023-09-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-14. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  15. "Turkey, Greece and Bulgaria hit by fatal flash floods | Turkey | The Guardian". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  16. "Copernicus EMS Rapid Mapping Activation Viewer". web.archive.org. 2023-09-07. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-07. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  17. "Boats, helicopters rescue hundreds after storm in Greece | Reuters". web.archive.org. 2023-09-11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-11. สืบค้นเมื่อ 2023-09-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  18. "Boats, helicopters rescue hundreds after storm in Greece | Reuters". web.archive.org. 2023-09-11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-11. สืบค้นเมื่อ 2023-09-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  19. "Greek PM to call for reforms, fiscal prudence after deadly storm | Reuters". web.archive.org. 2023-09-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-16. สืบค้นเมื่อ 2023-09-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  20. "Turkey, Greece and Bulgaria hit by fatal flash floods | Turkey | The Guardian". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  21. "Kırklareli'ndeki selde can kaybı 5'e yükseldi". web.archive.org. 2023-09-07. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-07. สืบค้นเมื่อ 2023-09-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  22. "The death toll from fierce storms and flooding in Greece, Turkey and Bulgaria has risen to 14- The New Indian Express". web.archive.org. 2023-09-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-13. สืบค้นเมื่อ 2023-09-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  23. "VIDEO : İstanbul'da sel ve su baskınları: En az iki ölü, 31 yaralı | Euronews". web.archive.org. 2023-09-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-08. สืบค้นเมื่อ 2023-09-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  24. "The death toll from fierce storms and flooding in Greece, Turkey and Bulgaria has risen to 14- The New Indian Express". web.archive.org. 2023-09-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-13. สืบค้นเมื่อ 2023-09-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  25. "Turkey, Greece and Bulgaria hit by fatal flash floods | Turkey | The Guardian". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  26. "The death toll from fierce storms and flooding in Greece, Turkey and Bulgaria has risen to 14- The New Indian Express". web.archive.org. 2023-09-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-13. สืบค้นเมื่อ 2023-09-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  27. "Turkey, Greece and Bulgaria hit by fatal flash floods | Turkey | The Guardian". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  28. "Торнадо край Тюленово – зрелищни кадри, заснети от Meteo Balkans". bnr.bg (ภาษาบัลแกเรีย).
  29. "The death toll from fierce storms and flooding in Greece, Turkey and Bulgaria has risen to 14- The New Indian Express". web.archive.org. 2023-09-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-13. สืบค้นเมื่อ 2023-09-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  30. "Flooding in eastern Libya leaves at least 2,000 feared missing or dead, prime minister says | CBC News". web.archive.org. 2023-09-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-13. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  31. "Storm Daniel", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2023-09-28, สืบค้นเมื่อ 2023-09-29
  32. "Libyan oil ports reopen after storm forced closure | Reuters". web.archive.org. 2023-09-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-14. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  33. "In corrupt Libya, longtime warnings of the collapse of the Derna dams went unheeded | AP News". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  34. "Libya floods: Conflicting death tolls, Greek aid workers die in crash | Floods News | Al Jazeera". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  35. "Thousands are feared dead and thousands more are missing in flood-ravaged eastern Libya". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-12.
  36. "A week after deadly Libya floods, aid effort gathers pace | Floods News | Al Jazeera". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  37. "Libya floods: Entire neighbourhoods dragged into the sea". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.
  38. "Hundreds buried in mass graves as Libya reels from devastating flooding". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ).
  39. "Libya flooding: CCTV shows cars swept away in Derna - BBC News". web.archive.org. 2023-09-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-16. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  40. "Flooding in Libya leaves 2,000 people feared dead and more missing after storm collapsed dams". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-11.
  41. "Libya floods: Entire neighbourhoods dragged into the sea". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.
  42. "Libya floods: Entire neighbourhoods dragged into the sea". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.
  43. Alkhaldi, Hamdi Alkhshali,Mostafa Salem,Kareem El Damanhoury,Celine (2023-09-11). "More than 5,000 presumed dead in Libya after catastrophic flooding breaks dams and sweeps away homes". CNN (ภาษาอังกฤษ).
  44. "Libya floods: Warning over shortage of body bags as fears of disease rise in Derna". Sky News (ภาษาอังกฤษ).
  45. "Death toll hits 11,300 in Libyan city destroyed by floods". NBC News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-14.
  46. Alkhaldi, Rhea Mogul,Sana Noor Haq,Celine (2023-09-13). "Morgues overwhelmed in Libya as floods death toll tops 6,000". CNN (ภาษาอังกฤษ).
  47. "A week after deadly Libya floods, aid effort gathers pace | Floods News | Al Jazeera". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  48. "Protests erupt in Libya's flood-hit Derna as UN flags threat of disease outbreak". France 24 (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-18.
  49. Alkhaldi, Hamdi Alkhshali,Mostafa Salem,Kareem El Damanhoury,Celine (2023-09-11). "More than 5,000 presumed dead in Libya after catastrophic flooding breaks dams and sweeps away homes". CNN (ภาษาอังกฤษ).
  50. "Libya floods: death toll passes 5,100. Follow the latest | AP News". web.archive.org. 2023-09-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-13. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  51. "Libyan official rejects blame for flood disaster". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-15. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.
  52. "Libya floods wipe out quarter of city, 10,000 feared missing | Reuters". web.archive.org. 2023-09-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  53. "Derna: Deadly floods leave Libyan city looking like a war zone | CNN". web.archive.org. 2023-09-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-16. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  54. "Libyan official rejects blame for flood disaster". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-15. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.
  55. "Dozens of victims inside their cars at Derna sea | The Libya Observer". web.archive.org. 2023-09-22. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-22. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  56. "Associated Press", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2023-09-28, สืบค้นเมื่อ 2023-10-01
  57. "Storm Daniel", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2023-10-01, สืบค้นเมื่อ 2023-10-01
  58. "Libya turmoil made Derna flooding even more deadly". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-13. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.
  59. "Wadi Derna | Libya - Hidrotehnika - Hidroenergetika a.d." www.hidrotehnika.rs. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-15. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.
  60. "Libya's deadly dam collapse was decades in the making". web.archive.org. 2023-09-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-14. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  61. "In corrupt Libya, longtime warnings of the collapse of the Derna dams went unheeded | AP News". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  62. "Libya floods: Thousands buried and at least 5,100 killed. Follow the latest | AP News". web.archive.org. 2023-09-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-14. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  63. "'Disaster of epic proportions': Libya prosecutor probes deadly dam collapse | Floods News | Al Jazeera". web.archive.org. 2023-09-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-16. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  64. "Confusion as some journalists asked to leave Libya's flood-hit Derna | Floods News | Al Jazeera". web.archive.org. 2023-09-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-19. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  65. "Libya orders 8 officials arrested after flood disaster". web.archive.org. 2023-09-25. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-25. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  66. "Estimation of the surface runoff depth of Wadi Derna Basin by integrating the geographic information systems and Soil Conservation Service (SCS-CN) model | Journal of Pure & Applied Sciences". web.archive.org. 2023-09-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-15. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  67. "Estimation of the surface runoff depth of Wadi Derna Basin by integrating the geographic information systems and Soil Conservation Service (SCS-CN) model | Journal of Pure & Applied Sciences". web.archive.org. 2023-09-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-15. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  68. "Why is the flooding in Libya so deadly? | CNN". web.archive.org. 2023-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-18. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  69. Werfali, Ayman; Elumami, Ahmed (2023-09-13). "Libya floods wipe out quarter of city, thousands dead". Reuters (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.
  70. "Why did Derna's dams break when Storm Daniel hit Libya? | Floods News | Al Jazeera". web.archive.org. 2023-09-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-14. สืบค้นเมื่อ 2023-10-01.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  71. Dadouch, Sarah; Ajasa, Amudalat (2023-09-14). "'Catastrophe' in Libya's Derna as deadly floods engulf city". Washington Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0190-8286. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.
  72. "Libya flooding: At least 2,000 dead, thousands missing as 'catastrophic' flooding hits Libya | CNN". web.archive.org. 2023-09-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  73. "فيضانات ليبيا: أشخاص عالقون يستغيثون لإنقاذهم والسدود كانت في وضع ينذر بكارثة". web.archive.org. 2023-09-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-23. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  74. "فتح مسار جديد للدخول إلى منطقة المخيلي جنوب غرب درنة". web.archive.org. 2023-09-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-16. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  75. "At Least 2,300 Dead In Libya Floods, But Far Higher Toll Feared | Barron's". web.archive.org. 2023-09-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  76. "'Desert turned into a sea': Eastern Libya flood survivors recount horror | Humanitarian Crises News | Al Jazeera". web.archive.org. 2023-09-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-16. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  77. "As Derna reels, other flood-hit Libyan cities struggle to recover". web.archive.org. 2023-09-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-23. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  78. "At least 150 killed, hundreds more feared dead as Storm Daniel sweeps Libya | Weather News | Al Jazeera". web.archive.org. 2023-09-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  79. "At least 150 killed, hundreds more feared dead as Storm Daniel sweeps Libya | Weather News | Al Jazeera". web.archive.org. 2023-09-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  80. "Flooding in Libya leaves 2,000 people feared dead and more missing after storm collapsed dams". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-11.
  81. "Searchers race to recover bodies in Libyan city where 5,100 died in flooding after 2 dams collapsed". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-13.
  82. "Searchers race to recover bodies in Libyan city where 5,100 died in flooding after 2 dams collapsed". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-13.
  83. "Libya floods: Entire neighbourhoods dragged into the sea". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.
  84. "Storm Daniel hits 5,000 homes in Al-Bayday | The Libya Observer". libyaobserver.ly (ภาษาอังกฤษ).
  85. "As Derna reels, other flood-hit Libyan cities struggle to recover". France 24 (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-22.
  86. "Libya floods leave ancient Cyrene battered and at risk of plundering". Middle East Eye (ภาษาอังกฤษ).
  87. "ICG warns of potential collapse of archaeological site in Shahat | The Libya Observer". libyaobserver.ly (ภาษาอังกฤษ). 2023-10-12.
  88. "Libya floods leave ancient Cyrene battered and at risk of plundering". Middle East Eye (ภาษาอังกฤษ).
  89. AfricaNews (2023-09-13CEST09:50:40+02:00). "At least 5,000 dead, thousands more missing after Libya storm". Africanews (ภาษาอังกฤษ). {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  90. "Number of deaths in Derna reached 4,029, Al-Mismari says | The Libya Observer". web.archive.org. 2023-09-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-30. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  91. "Flooding death toll soars to 11,300 in Libya's coastal city of Derna". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ).
  92. "i24NEWS". www.i24news.tv.
  93. Presse, AFP-Agence France. "Floods Killed Over 2,300 In Libya's Derna: Emergency Services". www.barrons.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  94. "Libya floods: Conflicting death tolls, Greek aid workers die in crash". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ).
  95. Alkhaldi, Hamdi Alkhshali,Mostafa Salem,Kareem El Damanhoury,Celine (2023-09-11). "More than 5,000 presumed dead in Libya after catastrophic flooding breaks dams and sweeps away homes". CNN (ภาษาอังกฤษ).
  96. AfricaNews (2023-09-28CEST21:25:56+02:00). "Floods in eastern Libya displaced over 16,000 children - UNICEF". Africanews (ภาษาอังกฤษ). {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  97. "Death toll from devastating floods in Libya tops 6,000". www.aa.com.tr.
  98. Presse, AFP-Agence France. "Three Red Crescent Volunteers Killed While Helping Libya Flood Victims". www.barrons.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  99. "Footballers among those killed in Libya floods". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.
  100. "Death toll in Libya's Derna flooding could reach 20,000: Mayor". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ).
  101. "At least 276 Sudanese nationals died in Libya's floods". Altaghyeer NewsPaper (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2023-09-15.
  102. "Flooding death toll soars to 11,300 in Libya's coastal city of Derna, aid group says". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-14.
  103. Bergman, Andrew (2023-09-17). "230+ Sudanese die as 'entire communities swept away' in Libya floods". Dabanga Radio TV Online (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
  104. "Libya Floods Update: Over 5000 Dead, 145 Egyptians' Bodies Flown Home | Egyptian Streets". web.archive.org. 2023-09-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-14. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  105. "Death toll of Palestinians killed in Libya floods rises to 23". web.archive.org. 2023-09-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-15. สืบค้นเมื่อ 2023-10-21.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  106. "Dozens of Syrians are among the missing in catastrophic floods in Libya, a war monitor says". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-16.
  107. "Functioning weather service may have prevented Libya flood casualties: WMO". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ).
  108. Presse, AFP-Agence France. "Libya's Flood-ravaged Derna In Grisly Hunt For Thousands Missing". www.barrons.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  109. Karadsheh, Sarah El Sirgany,Jomana (2023-09-17). "Rescuers call for more help in Libya as they face grim task of retrieving bodies from the sea". CNN (ภาษาอังกฤษ).
  110. "Africa Live this week: 11-17 September 2023 - BBC News". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
  111. "Storm Daniel destroyed 70% of civilian infrastructure in Libya's-hit areas | The Libya Observer". libyaobserver.ly (ภาษาอังกฤษ). 2023-10-12.
  112. https://english.ahram.org.eg/NewsContent/1/2/508175/Egypt/Society/No-need-to-panic-Storm-Daniel-brings-no-catastroph.aspx
  113. Staff, ToI; Agencies. "Israel hit by tail end of Storm Daniel after it killed at least 2,000 in Libya". www.timesofisrael.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  114. "Libya floods: Entire neighbourhoods dragged into the sea". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-12. สืบค้นเมื่อ 2023-10-22.
  115. AfricaNews (2023-09-15CEST14:45:40+02:00). "Libya floods: Level of destruction "never seen before", death toll reaches 11,300". Africanews (ภาษาอังกฤษ). {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  116. AfricaNews (2023-09-13CEST13:34:03+02:00). "We will only accept 'necessary aid' - Libya's PM". Africanews (ภาษาอังกฤษ). {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  117. AfricaNews (2023-09-14CEST19:32:35+02:00). "Libya floods: PM takes shared responsibility for dam failures". Africanews (ภาษาอังกฤษ). {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  118. "'Disaster of epic proportions': Libya prosecutor probes deadly dam collapse". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ).
  119. "Road collision kills 4 Greek rescue workers dispatched to flood-stricken Libya, health minister says". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-17.
  120. "Libya orders 8 officials arrested after flood disaster". France 24 (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-25.
  121. Kourdi, Eyad (2023-09-25). "Top Libyan officials detained in investigation into deadly floods". CNN (ภาษาอังกฤษ).
  122. "Four more officials held after Libya flood disaster". France 24 (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-29.
  123. "The Libyan journalists providing information in chaos". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ).
  124. "For a divided Libya, disastrous floods have become a rallying cry for unity". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-17.
  125. "Libyan rivals 'co-ordinating over flood relief'". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-14. สืบค้นเมื่อ 2023-10-23.
  126. "Whole families drowned in Libya's flood. Many didn't realize the danger until they heard dams burst". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-14.
  127. "Libya investigates dams' collapse after a devastating flood last weekend killed more than 11,000". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-16.
  128. "Rival governments cooperate to aid Libya's flood victims as misery piles on". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ).
  129. "Bodies wash ashore in Libya as devastated city races to count its dead". NBC News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-13.
  130. Kourdi, Sana Noor Haq,Celine Alkhaldi,Eyad (2023-09-14). "UN says most Libya flood deaths could have been avoided, as reports emerge of how 7-meter wave 'wiped out' buildings". CNN (ภาษาอังกฤษ).
  131. "GECOL restores electricity to western Derna | The Libya Observer". libyaobserver.ly (ภาษาอังกฤษ). 2023-10-21.
  132. AfricaNews (2023-09-19CEST13:10:36+02:00). "Libyans protest against authorities in flood-hit Derna". Africanews (ภาษาอังกฤษ). {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  133. "Four more officials held after Libya flood disaster". France 24 (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-29.
  134. "'Disaster of epic proportions': Libya prosecutor probes deadly dam collapse". www.aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ).
  135. "Protests erupt in Libya's flood-hit Derna as UN flags threat of disease outbreak". France 24 (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-18.
  136. "Storm Daniel", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2023-10-22, สืบค้นเมื่อ 2023-10-23
  137. AfricaNews (2023-09-18CEST22:24:04+02:00). "Libya: Vaccination campaign launched in flood-ravaged Derna, search efforts ongoing". Africanews (ภาษาอังกฤษ). {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  138. Karadsheh, Sarah El Sirgany,Jomana (2023-09-23). "Clinging to hope in Derna, as grief turns to anger". CNN (ภาษาอังกฤษ).
  139. "Libya: Greek rescuers among those killed in road collision". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-17. สืบค้นเมื่อ 2023-11-13.
  140. "Libya flood: Derna mayor's house burnt down in protests". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-09-19. สืบค้นเมื่อ 2023-11-13.
  141. "Libya floods: Europe promises help, with thousands dead and missing". POLITICO (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-12.
  142. "Thousands are feared dead and thousands more are missing in flood-ravaged eastern Libya". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-12.
  143. "Egyptian chief of staff arrives in Libya accompanied by 25 rescue teams, 3 military jets carrying aid". EgyptToday. 2023-09-12.
  144. "Egypt declares three days of mourning in solidarity with Morocco and Libya". Arab News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-12.
  145. "They worked for years in Libya. Now an Egyptian village mourns scores of its men killed in flooding". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-09-15.
  146. "Algeria launches air bridge to deliver aid to Libya following devastating floods | The Libya Observer". libyaobserver.ly (ภาษาอังกฤษ). 2023-11-18.