พระแม่มีนากษี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระแม่มีนากษี (สันสกฤต: मीनाक्षी, มีนากฺษี ทมิฬ: மீனாட்சி, มีนาฏฺจิ อังกฤษ: Meenakshi) เป็นเทวสตรี ในศาสนาฮินดู เป็นอวตารปางหนึ่งของพระแม่ปารวตี พระชายาของพระศิวะ และเป็นพระเชษฐภคินีของพระวิษณุ

พระแม่มีนากษี
Minakshi.jpg
ภาพพระแม่มีนากษีทรงมีสองพระกร โดยมีนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบเกาะอยู่บนพระหัตถ์ วาดขึ้นประมาณ ค.ศ. 1820
ชื่อในอักษรเทวนาครีमीनाक्षी
ชื่อในอักษรทมิฬமீனாட்சி
ส่วนเกี่ยวข้องเทวี, ปารวตี, ตริปุระสุนทรี
สัตว์นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบ
ข้อมูลส่วนบุคคล
คู่ครองพระสุนทเรศวร (พระศิวะ)
บุตร - ธิดาพระอุคระปาณฑิยัร (อวตารพระขันธกุมาร)

พระนางได้รับการนับถือในทางอินเดียใต้โดยมีเทวสถานหลักในเมืองมทุไร รัฐทมิฬนาฑู คือเทวาลัยมีนากษีสุนทเรศวร พระนางยังถือว่าเป็นรูปหนึ่งของพระตริปุรสุนทรีผู้เป็นหนึ่งในเทวีทศมหาวิทยา

นิรุกติศาสตร์[แก้]

คำว่า "มีนากษี" มาจากคำในภาษาสันสกฤตหมายความว่า "ผู้มีดวงตารูปปลา" มาจากคำว่า "มีน" และ "อากฺษี" เทียบเท่ากับความว่า "อังคยัรกัณณิ" หรือ "อังกยังกัณณัมไม" ในภาษาทมิฬ โดยเพราะเหตุที่พระนางทรงไม่เคยที่จะหยุดมองดูเหล่าสาวกของพระนาง

เทวตำนาน[แก้]

พระศิวะทรงสาปพระแม่ปารวตี[แก้]

ครั้งหนึ่งฤๅษีอคัสตยะประกอบพิธีบูชาพระศิวะและพระแม่ปารวตี เมื่อทั้งสองพระองค์ทราบถึงการประกอบพิธีบูชาของฤๅษีอคัสตยะ จึงทรงเสด็จลงมาหาและทรงให้พรแก่ฤๅษีอคัสตยะ ฤๅษีอคัสตยะจึงขอให้พระศิวะและพระแม่ปารวตีทรงฟ้อนรำด้วยกัน ทั้งสองพระองค์จึงทำตามคำขอของฤๅษีอคัสตยะ แต่ระหว่างการฟ้อนรำนั้น พระแม่ปารวตีทรงทำต่างหูหลุดออกจากพระกรรณขณะทรงฟ้อนรำ พระศิวะทรงไม่อยากหยุดฟ้อนรำจึงใช้พระบาทหยิบต่างหูของพระแม่ปารวตีขึ้นมาเหน็บไว้ที่พระกรรณของพระองค์ เมื่อพระแม่ปราวตีทรงเห็นเช่นนั้นก็ทรงพิโรธที่พระศิวะหยามพระนางโดยการเอาพระบาทหยิบต่างหูของพระนาง พระแม่ปารวตีจึงทรงต่อว่าพระศิวะด้วยถ้อยคำอันรุนแรง เมื่อพระศิวะทรงได้ยินเช่นนั้นก็ทรงพิโรธและสาปให้พระแม่ปารวตีต้องกลับไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง

พระแม่ปารวตีทรงจุติเป็นธิดาของกษัตริย์แห่งนครปาณฑิยัน[แก้]

หลังจากพระศิวะทรงสาปพระแม่ปารวตี พระนางทรงเศร้าพระทัยเป็นอันมาก จึงทรงลงมาจุติเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์แห่งนครปาณฑิยัน โดยการนำพาของพระวิษณุ ผู้มีศักดิ์เป็นพระเชษฐาของพระนาง โดยพระแม่ปารวตีทรงกำเนิดใหม่อีกครั้งในพิธียัชญะของกษัตริย์แห่งนครปาณฑิยัน โดยทรงลอยขึ้นมาจากกองไฟของพิธีขอบุตร บนพระอุระของพระนางปรากฏพระถันถึง ๓ จุดด้วยกัน กษัตริย์และรานีแห่งนครปาณฑิยันทรงพอพระทัยเป็นอย่างมากและทรงรับมาเป็นธิดาของตน พร้อมกับตั้งพระนามว่า "ฑดาธไก" ซึ่งแปลว่า ผู้กำเนิดจากพระอัคคี เมื่อพระนางทรงเติบโตขึ้นด้วยความกล้าหาญดุจบุรุษเพศ ทรงเก่งกล้าสามารถเป็นอย่างมาก พระนางมักปลอมตัวออกไปจากพระราชวังอยู่บ่อยๆ และทรงช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย เมื่อพระนางทรงมีพระชนมายุ ๒๐ พรรษา ทรงได้ปกครองนครปาฑิยันแทนพระราชบิดา โดยฤๅษีอคัสตยะเปลี่ยนพระนามให้ใหม่ว่า "มีนากษี" แปลว่า ผู้มีดวงตาดังปลา พระแม่มีนากษีทรงปกครองนครปาณฑิยันด้วยความกล้าหาญและเข้มแข็งและทรงดูแลนครปาณฑิยันด้วยความสงบสุขเช่นกัน

พระแม่มีนากษีทรงต่อสู้กับพระอินทร์[แก้]

พระแม่มีนากษีทรงยกเลิกธรรมเนียมที่ฝ่ายหญิงต้องนำของหมั้นไปให้แก่ฝ่ายชาย และทรงยกเลิกพิธีการบูชาพระอินทร์ โดยพระนางกล่าวว่า การบูชาพระอินทร์ไม่ได้สร้างความเจริญอะไรเลย ฝ่ายพระอินทร์เมื่อทรงรับรู้และพิโรธเป็นอย่างมาก ได้ส่งกองทัพเทวดามาสร้างความวุ่ยวายในนครปาณฑิยัน แต่พระศิวะทรงทราบเสียก่อนจึงทรงแปลงองค์เป็นบุรุษมาช่วยพระแม่มีนากษีจนได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นพระแม่มีนากษียกทัพขึ้นไปบนนครอมรวดีของพระอินทร์ เมื่อเหล่าเทวดาทราบก็หนีกันอลหม่าน ฝ่ายพระอินทร์จึงหนีไปเขาไกรลาสเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระศิวะ เมื่อพระแม่มีนากษีทราบข่าวจากนารทมุนี จึงออกติดตามไปยังเขาไกรลาส แต่โคนนทิออกมาห้ามไว้ จึงถูกพระแม่มีนากษีทำร้ายจนสาหัส ร้อนถึงพระศิวะจึงทรงออกมาพบกับพระแม่มีนากษี เมื่อพระแม่มีนากษีทรงพบพระศิวะก็ทรงตกหลุมรักในทันทีและทำให้พระถันที่สามของพระนางหายไป คำสาปของพระศิวะได้หมดสิ้นไป และทรงได้วิวาห์กับพระศิวะอีกครั้งในรูปพระสุนทเรศวร

พระศิวะในรูปพระสุนทเรศวรทรงอภิเษกกับพระแม่มีนากษี[แก้]

พระศิวะในรูปพระสุนทเรศวรทรงอภิเษกกับพระแม่มีนากษี

ในวันพิธีสยุมพรนั้นมีเหล่าทวยเทพทั่วจักรวาลมาชุมนุมกันที่นครปาณฑิยัน พระวิษณุทรงจูงพระแม่มีนากษีทำพิธีทักษิณานุปาทาน ๗ รอบกองกูณฐ์บูชาเพื่อเป็นการเข้าสู่พิธีสยุมพร ในพิธีนั้นพระศิวะในรูปพระสุนทเรศวรทรงสร้างอสูรนามว่า "ไวไก" ให้ทำหน้าที่สร้างแม่น้ำสายสำคัญให้แก่นครปาฑิยัน ในวันที่พระศิวะทรงวิวาห์กับพระแม่มีนากษีนั้นได้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เรียกกันเรียกว่า "วันมีนากษีกัลยาณัม" พระศิวะในรูปพระสุนทเรศวรและพระแม่มีนากษีทรงปกครองนครปาณฑิยันเรื่อยมา จนกระทั่งทรงมีพระโอรสด้วยกันนามว่า "พระศรีรุทรปาณฑิยัน" ซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์ของชาวทมิฬ หลังจากพระศรีรุทรปาณฑิยันเป็นกษัตริย์แห่งทมิฬแล้ว พระศิวะในรูปพระสุนทเรศวรกับพระแม่มีนากษีจึงทรงกลับสู่เขาไกรลาสและพระแม่มีนากษีทรงได้กลับเป็นพระแม่ปารวตีในที่สุด ต่อมาพระศรีรุทรปาณฑิยันทรงสร้างเทวาลัยของพระแม่มีนากษีผู้เป็นพระมารดาไว้กับพระสวยมภูลึงค์ของพระบิดาในป่าต้นกระทุ่ม

อ้างอิง[แก้]