พระแม่มารีคาลเตลฟรังโค (จอร์โจเน)
พระแม่มารีคาลเตลฟรังโค | |
---|---|
ศิลปิน | จอร์โจเน |
ปี | ราว ค.ศ. 1503 |
ประเภท | จิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบ |
สถานที่ | มหาวิหาร, คาลเตลฟรังโค (เวเนโต) |
พระแม่มารีคาลเตลฟรังโค หรือ พระแม่มารีระหว่างนักบุญฟรานซิสและนักบุญนิเคเซียส (อังกฤษ: Castelfranco Madonna หรือ Madonna and Child Between St. Francis and St. Nicasius) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยจอร์โจเน[1] จิตรกรสมัยเรอเนซองส์คนสำคัญชาวอิตาลี ที่ปัจจุบันยังคงอยู่ในมหาวิหารที่คาลเตลฟรังโคในเวเนโตในประเทศอิตาลี
บทนำ
[แก้]ภาพ “พระแม่มารีคาลเตลฟรังโค” เป็นภาพที่เขียนในลักษณะที่เรียกว่า “พระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญ” ที่เป็นภาพของพระแม่มารีบนบัลลังก์กับพระบุตรกับนักบุญฟรานซิสแห่งอาซิซิทางด้านขวาและนักบุญนิเคเซียสทางด้านซ้าย นักบุญคนหลังแต่งตัวด้วยเสื้อเกราะเต็มยศซึ่งบางครั้งกล่าวกันว่าเป็นนักบุญผู้ต่อสู้นักบุญจอร์จหรือนักบุญลิเบอราลิสผู้เป็นนักบุญผู้พิทักษ์ของคาลเตลฟรังโค
การวางรูปแบบตามธรรมเนียมของภาพลักษณะนี้ทำให้เบาขึ้นด้วยการใช้บัลลังก์และภูมิทัศน์ซึ่งใช้เนื้อที่ของภาพมากพอสมควร สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือความขาดสถาปัตยกรรมที่เป็นนัยยะถึงศาสนา
เทคนิการเขียนภาพเป็นตัวอย่างการเขียนที่จอร์โจ วาซารีเรียกว่า “pittura sanza disegno” หรือเขียนโดยไม่ได้ร่างซึ่งเป็นวิธีเขียนวิธีใหม่ที่เกิดขึ้นในการเขียนภาพตระกูลเวนิส และใช้ในการเขียนภาพ “พายุ” ทิเชียนลูกศิษย์ของจอร์โจเนต่อมากลายเป็นบุคคลสำคัญที่เป็นผู้นำในการเขียนด้วยวิธีนี้
ประวัติของภาพเขียน
[แก้]ทหารรับจ้างทูซิโอ คอสตานโซเป็นผู้จ้างให้เขียนภาพนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับบุตรชายมัตเตโอผู้เสียชีวิตด้วยไข้ขณะที่ทำหน้าที่ราชการให้แก่สาธารณรัฐเวนิสในเซเรนิสสิมาระหว่างปี ค.ศ. 1503/4 หรือ ค.ศ. 1500 อีกสิ่งหนึ่งที่ทูซิโอจ้างคือที่บรรจุศพสำหรับตนเองและลูกชายภายในชาเปลที่แขวนภาพเขียนที่ตั้งอยู่สองข้างของภาพเขียน แต่ต่อมาถูกรื้อทิ้งเพื่อสร้างมหาวิหารคาลเตลฟรังโคในปี ค.ศ. 1724 สิ่งก่อสร้างใหม่ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้มีชาเปลที่ใช้เป็นที่ตั้งของภาพเขียน โดยมีร่างของมัตเตโอฝังอยู่ข้างล่าง ตราอาร์มของคอสตานโซที่เป็นซี่โครงสามคู่จะเห็นได้ที่ฐานของบัลลังก์ของพระแม่มารีและบนที่ฝังศพ นักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่าใบหน้าของนักบุญนิเคเซียสคือภาพเหมือนของมัตเตโอ
งานชิ้นนี้ได้รับความเสียหายมากจากการซ่อมแซมที่ทำอย่างไม่ถูกต้องในระยะหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา และเมื่อวันที่10 ธันวาคม ค.ศ. 1972 ภาพเขียนก็ถูกขโมยแต่ได้คืนต่อมา ในปีค.ศ. 2002-ค.ศ. 2003 ภาพเขียนก็ได้รับการซ่อมแซมอย่างถูกต้องโดยสถาบันทดลองแห่งเวนิส