ผู้ใช้:Tanaporn m/กระบะทราย
บทความนี้หรือส่วนนี้ของบทความต้องการปรับรูปแบบ ซึ่งอาจหมายถึง ต้องการจัดรูปแบบข้อความ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ จัดลิงก์ภายใน และ/หรือการจัดระเบียบอื่น ๆ คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นปรับปรุงหรือจัดรูปแบบอื่น ๆ ในบทความให้เหมาะสม |
หนูเจอร์บัว (Jaculus jaculus) | |
---|---|
ไฟล์:Wuestenspringmaus-painting.jpg | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Mammalia |
อันดับ: | Rodentia |
วงศ์: | Dipodidae |
สกุล: | Jaculus |
สปีชีส์: | J.jaculus |
ชื่อทวินาม | |
Jaculus jaculus (Linnaeus, 1758) |
Jaculus jaculus (อังกฤษ: Lesser Egyptian jerboa, desert jerboa)เป็นสัตว์ฟันแทะ และเป็นสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดในสกุล Jaculus [1]
บทนำ
[แก้]มิกกี้เมาส์แห่งทะเลทราย
[แก้]หนูเจอร์บัว (Jaculus jaculus) เป็นหนูที่มีขนาดเล็กบางครั้งก็เปรียบเสมือนจิงโจ้จิ๋ว เนื่องจากการที่มีขาหลังขนาดใหญ่และมีการเคลื่อนที่โดยการกระโดด [2] จัดเป็นหนูทะเลทรายชนิดหนึ่ง ที่มีความน่ารัก ตาสีดำขนาดใหญ่และหูกลม ขนสีน้ำตาลแดงกับสีเทา และท้องสีซีด อาศัยอยู่ในทะเลทราย ชอบขุดรูอยู่ในชั้นดินทราย ตามโพรงดิน ซอกหิน[3]
อาหาร | เมล็ดพืช แมลง และพืชในทะเลทรายที่อวบน้ำ ซึ่งหาอาหารโดยรับสัมผัสจากกลิ่น |
พฤติกรรม | หนูเจอร์บัว(Jerboa) จะอยู่แบบเดี่ยวๆ และหากินในเวลากลางคืน ส่วนการผสมพันธุ์เกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม และเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน แต่ละครั้งให้ลูกประมาณ 3 ตัว [4] |
ความสำคัญ
[แก้]หนูเจอร์บัว(Jerboa) ช่วยกระจายเมล็ดพืชในทะเลทราย เนื่องจากอาหารที่มันกินส่วนใหญ่คือเมล็ดพืช นอกจากจะเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรดังกล่าวแล้ว พวกมันยังเป็นส่วนหนึ่งของการกระจายพืชพรรณเพื่อเพิ่มความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย และโพรงที่หนูเจอร์บัว(Jerboa) สร้างไว้เป็นที่อยู่ ที่หลบภัย เมื่อเป็นโพรงร้าง จะกลายเป็นบ้านของแมงมุม และแมงป่อง อีกทั้งตัวหนูเจอร์บัว(Jerboa) เองก็ยังเป็นอาหารให้กับกลุ่มสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย [5]
ความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการ
[แก้]สัตว์ฟันแทะ รวมทั้งหนูเจอร์บัว(Jerboa) ปรากฏในยุค Oligocene ในบริเวณแห้งแล้งที่เป็นพื้นที่เปิดกว้างเป็นครั้งแรก [6] จากการศึกษา Jaculus jaculus แสดงให้เห็นว่ารูปแบบ ลักษณะทางสัณฐานวิทยาต่างๆ ทางอนุกรมวิธานทั้งสองชนิดแตกต่างกันระหว่าง J. jaculus และ Jaculus deserti แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้รับการยอมรับ จึงเกิดการศึกษาเพิ่มเติมในระดับชีวโมเลกุล ( วิเคราะห์สายวิวัฒนาการของลำดับ cytochrome b) , ลักษณะสัณฐานวิทยา ( วิเคราะห์หลายตัวแปรโดยการตรวจวัดจาก 13 กะโหลกศีรษะ ) และศึกษาคาริโอไทป์ ( ศึกษาจากเซลล์ไขกระดูก ) แสดงให้เห็น 2 monophyletic มีความแตกต่างกัน โดยค่าเฉลี่ยความแตกต่างทางพันธุกรรม ( K2P = 10.9 ± 0.01% ) และการศึกษาลักษณะสัณฐานวิทยาของทั้งสองก็มีความแตกต่างกัน แต่การศึกษาคาริโอไทป์ ทั้งสองปรากฏว่ามีความคล้ายคลึงกัน [7]
การปรับตัวเชิงวิวัฒนาการ
[แก้]หนูเจอร์บัว(Jerboa) มีวิวัฒนาการปรับตัวทั้งในเรื่องของสรีระและขนาดตัว เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในทะเลทรายที่มันดำรงชีวิตอยู่ ออกหากินเวลากลางคืน อาศัยความชื้นในอาหารประทังชีวิตโดยที่มันไม่ต้องดื่มน้ำ และเนื่องด้วยความร้อนในระหว่างวันที่พวกมันอาศัยอยู่ตามทะเลทรายทำให้พวกมันต้องขุดทรายลงไปเป็นที่ซ่อนตัวหลบความร้อน และความหนาว พวกมันจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพความแปรปรวนของภูมิอากาศในทะเลทราย [8]
ขาหลังและหางที่ยาว
[แก้]หนูเจอร์บัว(Jerboa) เป็นสัตว์ที่กระโดดเก่งและไกลมาก เนื่องจากมีขาหลังยาวกว่าขาหน้าจึงช่วยในการเคลื่อนที่ กระโดดได้ไกล (jump as far as 10 feet (3 m) in a single leap) [9] หางที่ยาวช่วยในการทรงตัวและช่วยปรับสมดุล ส่วนขาหน้าที่สั้นจะใช้ในการหยิบจับอาหาร และใบหูใช้ในการจับคลื่นเสียง
การปรับตัวของระบบย่อยอาหาร
[แก้]หนูเจอร์บัว(Jerboa) ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำ เนื่องจากระบบย่อยอาหารที่มีประสิทธิภาพที่สามารถ สกัดน้ำจากเมล็ดพืชแห้งได้ และยังมีระบบป้องกันการสูญเสียน้ำที่ดีเยี่ยม คือ พวกมันไม่มีเหงื่อและระบบไตก็สามารถสกัดน้ำออกจากปัสสาวะ แล้วนำน้ำที่ได้วนกับไปใช้ใหม่ได้อีกด้วย [10]
อ้างอิง
[แก้]หนังสือและเอกสารอ้างอิง
- ↑ http://animaldiversity.ummz.umich.edu/accounts/Jaculus_jaculus/
- ↑ http://www.arkive.org/lesser-egyptian-jerboa/jaculus-jaculus/
- ↑ http://www.bbc.co.uk/nature/wildfacts/factfiles/620.shtml
- ↑ http://www.bbc.co.uk/nature/wildfacts/factfiles/620.shtml
- ↑ http://animaldiversity.ummz.umich.edu/accounts/Jaculus_jaculus
- ↑ http://www.bbc.co.uk/nature/wildfacts/factfiles/620.shtml
- ↑ A. B. FALEH, J. F.COSSON, C. TATARD, A. W. BEN OTHMEN, K. SAID and L. GRANJON. 2009. Are there two cryptic species of the lesser jerboa Jaculus jaculus (Rodentia: Dipodidae) in Tunisia? Evidence from molecular, morphometric, and cytogenetic data. Biological Journal of the Linnean Society, 2010, 99, 673–686. http://www.researchgate.net/publication/227709966_Are_there_two_cryptic_species_of_the_lesser_jerboa_Jaculus_jaculus_(Rodentia_Dipodidae)_in_Tunisia_Evidence_from_molecular_morphometric_and_cytogenetic_data
- ↑ http://www.dek-d.com/board/view/1696412/
- ↑ http://www.dek-d.com/board/view/1696412/
- ↑ http://notnotnot18.blogspot.com/2013/07/blog-post_7.html