ผู้ใช้:Suppachai3937/กระบะทราย
นี่คือหน้าทดลองเขียนของ Suppachai3937 หน้าทดลองเขียนเป็นหน้าย่อยของหน้าผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้มีไว้ทดลองเขียนหรือไว้พัฒนาหน้าต่าง ๆ แต่นี่ไม่ใช่หน้าบทความสารานุกรม ทดลองเขียนได้ที่นี่ หน้าทดลองเขียนอื่น ๆ: หน้าทดลองเขียนหลัก |
♥♥♥Cloud Computing(การประมาลผลแบบกลุ่มเมฆ)♥♥♥
–––»» Cloud Computing คือวิธีการประมวลผลที่อิงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยผู้ใช้ระบุความต้องการไปยังซอฟต์แวร์ของระบบCloud Computing
จากนั้นซอฟต์แวร์จะร้องขอให้ระบบจัดสรรทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความต้องการผู้ใช้ ทั้งนี้ระบบสามารถเพิ่มและลดจำนวนของทรัพยากร
รวมถึงเสนอบริการให้พอเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ได้ตลอดเวลา โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบเลยว่าการทำงานหรือเหตุการณ์เบื้องหลังเป็นเช่นไร
Cloud Computing คือ บริการทางอินเตอร์เน็ตที่เป็นแบบการรวบรวมทรัพยากรต่างๆที่จำเป็นมาเชื่อมโยงไว้ด้วยกัน โดยมีการทำงานสอดประสานกันแบบรวมศูนย์
โดยผู้จัดสรรทรัพยากรนั้นเรียกว่า third-party Provider หรือผู้ให้บริการบุคคลที่ 3 มีหน้าที่รวบรวมพื้นฐานต่างๆที่จำเป็นเข้าไว้ด้วยกันการใช้ทรัพยาการคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
และระบบสารสนเทศแบบเสมือนจริง Cloud Computing จะทำงานโดยเมื่อผู้ขอใช้บริการต้องการใช้สิ่งใดก็ส่งร้องขอไปยังซอฟแวร์ระบบ
แล้วซอฟแวร์ระบบก็จะร้องขอไประบบเพื่อจัดสรรทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้ขอใช้บริการต่อไป
โดยผู้ขอใช้บริการมีหน้าที่เสียค่าใช้บริการเพื่อความสามารถในการทำงานตามต้องการโดยไม่ต้องทราบหรือเข้าใจหลักการทำงานเบื้องหลัง
iCloud คืออะไร ?
–––»»iCloud คือระบบศูนย์กลางในรูปแบบกลุ่มเมฆของ Apple มีหน้าที่หลักในการเป็นตัวกลางเก็บข้อมูลของผู้ใช้สำหรับซิงค์เข้ากับอุปกรณ์ของผู้ใช้เอง เพื่อให้ข้อมูลในแต่ละเครื่องนั้นตรงกัน ช่วยอำนวย
ความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน เช่นผมอาจจะสร้างตารางนัดหมายไว้ใน iPhone ตารางนัดหมายดังกล่าวก็จะถูกจัดเก็บขึ้นมาบนระบบ iCloud และซิงค์ลงไปยัง iPad รวมไปถึงเครื่องแมคของผมด้วย ทำให้ผู้ใช้
ไม่ต้องมานั่งย้ายข้อมูลเอง ขอแค่อุปกรณ์แต่ละชิ้นเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตก็เพียงพอ โดยถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ก็สามารถอธิบายเป็นภาพได้ดังนี้ครับ
จะเห็นได้ว่าตัว iCloud ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน แม้กระทั่งฝั่ง Windows ก็สามารถใช้งานได้ (แต่ไม่เต็มที่เท่าฝั่ง Apple นะ) โดยการล็อกอินเข้าใช้งาน
iCloud นั้น จะใช้เป็นอีเมลและรหัสผ่านเดียวกับ Apple ID ที่ใช้ในการดาวน์โหลดแอพจาก App Store นั่นเองครับ
ซึ่งในปัจจุบัน การใช้งานอุปกรณ์ iDevice จำเป็นที่จะต้องใช้งาน Apple ID แทบจะ 100% แล้ว จึงทำให้แต่ละเครื่องต้องใช้งาน iCloud แทบจะอัตโนมัติ เนื่องจากจะมีให้ตั้งค่าตั้งแต่ตอนเปิดเครื่องใช้
งานครั้งแรกเลย
server ผู้ให้บริการสามารถให้บริการ Client ได้ทั่วโลกพร้อมๆกัน โดย Cloud Computing นั้นมีหลักการคือจะมี Client กับ Server โดยในฝั่ง Server จะมีหน้าที่ในการประมวลผลคำสั่งต่างๆที่ถูกร้องขอจาก Client โดยการทำงานง่ายๆก็คือ เพียงแค่ใช้ internet browser ในการทำงาน ก็เรียกใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆ
เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Cloud Computing มีอะไรบ้าง
- Agility (ว่องไวไร้ที่ติ) ผู้ใช้จะรู้สึกเหมือนทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว
- Cost (ลดค่าใช้จ่าย) ช่วยลดค่าใช้จ่ายในองค์กร และอาจฟรีสำหรับ Client
- Device and location independence (ห่างไกลไร้พันธนาการ) ใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
- Multi-tenancy (แบ่งกันใช้งาน) สามารถแบ่งทรัพยากรไปให้ผู้ใช้จำนวนมาก เช่น Centralization สร้างจุดศูนย์รวมบริการ
- Reliability (ยิ่งใหญ่) ในทางธุรกิจแล้ว ความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งดึงดูดกำไรเข้าองค์การเลยก็ว่าได้
- Scalability (ยืดหยุ่นได้) พร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้ใช้
- Security (ปลอดภัย) สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ และยิ่งใน Cloud Computing แล้วข้อมูลรวมอยู่ที่เดียวกัน ก็ยิ่งต้องเพิ่มความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น
- Sustainability (มั่นคง) โครงสร้างที่แข็งแรง
ผลกระทบต่อวงการไอที
ประการแรก
การสร้างระบบคอมพิวเตอร์สามารถ ตั้งอยู่ที่ไหนก็ได้ ผู้ใช้ไม่ต้องทราบสถานที่ตั้งขอให้มีเครือข่ายที่มีแบนด์วิทธ์พอเพียงเท่านั้น (ตัวอย่างเช่น เราเองไม่เคยทราบว่ากูเกิลนั้นตั้งอยู่ที่ใดบ้าง)
ประการที่สอง
ระบบจะทำให้เกิดการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีการแบ่งสรรการใช้งานระหว่างผู้ใช้จำนวนมหาศาล ทำให้สามารถออกแบบระบบที่ไม่ต้องเผื่อการใช้งานที่รับงานหนักไว้มากนัก นอกจากนั้นยังสามารถเพิ่มจำนวนเครื่องได้ง่ายเมื่อมีความต้องการสูงขึ้น
ประการที่สาม
ทำให้เกิดการแยกกันระหว่างการบำรุงรักษาโครงสร้างด้านระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายออกจากการบำรุงรักษาระบบโปรแกรมประยุกต์อย่างชัดเจน
ประการที่สี่
ทำให้เกิดการแยกระหว่างการโปรแกรมและระบบที่ใช้รันงาน ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายโปรแกรมไปบนระบบ ผลคือ ความมีเสถียรภาพจะสูงขึ้นเนื่องจากสามารถ รันโปรแกรมหลายชุดและย้ายออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่เกิดปัญหาได้ง่ายและสุดท้ายนี้
- โครงสร้างการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ ***
การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆจะมีโครงสร้างดังนี้ ระบบจะประกอบไปด้วย
- กลุ่มเมฆของเซอร์ฟเวอร์ (cloud server) ซึ่งเป็นเซอร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลนับหมื่นนับแสนเครื่องที่ตั้งอยู่ในที่เดียวกัน
-ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ ( User interaction interface) ทำหน้าที่รับคำขอบริการจากผู้ใช้ในรูปแบบเว็บโปรโตคอล
-ส่วนจัดเก็บรายการบริการ (Services Catalog) เก็บและบริหารรายการของบริการ ผู้ใช้สามารถค้นดูบริการที่มีจากที่นี่
-ส่วนบริหารงาน (system management) ทำหน้าที่กำหนดทรัพยากรที่เหมาะสมเมื่อผู้ใช้เรียกใช้บริการ เมื่อมีการขอใช้บริการ ข้อมูลการขอ request จะถูกส่งผ่านให้ส่วนนี้
-ส่วนจัดหาทรัพยากร (provisioning services) จากนั้นส่วนบริหารงานจะติดต่อกับส่วนนี้ เพื่อจองทรัพยากรจากกลุ่มเมฆและเรียกใช้โปรแกรมประยุกต์แบบเว็บที่เหมาะสม
-ส่วนตรวจสอบข้อมูลการใช้งาน (Minitoring and Metering) เพื่อใช้ในการเก็บค่าบริการหรือเก็บข้อมูลสถิติเพื่อปรับปรุงระบบต่อไป