ผู้ใช้:Sappebeauty/ทดลองเขียน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด[แก้]

ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแบรนด์ “โมกุโมกุ” และ “เซ็ปเป้”[แก้]

ปี พ.ศ. 2516 คู่สามีภรรยา(คุณพ่อและคุณแม่ของคุณอดิศักดิ์) ที่ที่มีใจรักในการทำขนม ได้ซื้อเตาอบเล็กๆ เพื่อใช้ในการผลิต "คุกกี้" ขายตามสถานีรถไฟและสถานีขนส่ง ด้วยความใส่ใจในเรื่องคุณภาพและรสชาติ จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนทำให้มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น ภายใต้แบรนด์ "ปิยจิต" กิจการได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนในปี พ.ศ. 2531 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด และได้ย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ปี พ.ศ. 2544 บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด เริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม โดยเริ่มต้นจาก "โมกุโมกุ" น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวรายแรกของตลาด โดยมีเจตนารมณ์ที่ต้องการผลิตสินค้าคุณภาพ รสชาติอร่อย และเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งในขณะนั้นตลาดเครื่องดื่มในเมืองไทยยังมีความหลากหลายน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ซึ่ง "โมกุโมกุ" ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยมาตลอดกว่า 7 ปี และล่าสุดบริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด ได้ระงับการผลิต โมกุโมกุ ในปี 2553 เพื่อให้ผู้บริโภคได้คิดถึง

หลังจาก "โมกุโมกุ"ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในปี พ.ศ. 2549 คุณอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ของครอบครัว ก็ได้สร้างหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับตลาดเครื่องดื่ม ของไทย ด้วยการส่งเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแนวใหม่ ภายใต้แบรนด์ "เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์" ชูแนวคิด "แค่ดื่ม...ก็สวย!!" โฟกัส ในเรื่อง "ความงาม" อย่างชัดเจน ซึ่งตรงกับความต้องการของผู้บริโภคคนไทย ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของความงาม เป็นอันดับแรก นับเป็นการสร้างแคทธิเกอรี่ใหม่ให้กับฟังก์ชันนัลดริงค์อย่างชัดเจนเป็นรายแรก ปลุกกระแสของผู้บริโภคเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่เน้นดื่มแล้วสวย ดื่มแล้วผอม จนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยปากต่อปาก แบบไร้งบการตลาด และหลังจากนั้น "เซ็ปเป้"ก็ได้กลายเป็นแบรนด์ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากบริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด ที่มุ่งมั่นนำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ออกสู่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับอย่างดีมากในปัจจุบัน

“เซ็ปเป้” ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Innovative ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจแก่ผู้บริโภค โดยเลือกวิธีสื่อสารผ่าน Packaging ของผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ชื่อ แบรนด์ บรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกับขวดทรงพีระมิด ลวดลาย และนับเป็น รายแรกอีกเช่นกันที่ใช้ Neck Tag เป็นกลยุทธ์ในการอธิบายคุณสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละผลิตภัณฑ์ จนส่งให้ บิวติ ดริ้งค์ ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 เฉกเช่นทุกวันนี้ อีกทั้งผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายในร้าน Convenience store, G-store และ Supermarket ทั่วประเทศเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างสูงสุด ซึ่งทำให้ “โมกุโมกุ” และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “เซ็ปเป้” กลายเป็นสินค้าที่เป็นที่ยอมรับกว่า 37 ประเทศทั่วโลก ทั้งใน Asia, South East Asia, Middle East, America และ Europe

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]