ข้ามไปเนื้อหา

ผู้ใช้:Lavanillaflavor/ทดลองเขียน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ดร.เทียม โชควัฒนา


ดร.เทียม โชควัฒนา ผู้ก่อตั้งและวางรากฐานกิจการในเครือสหพัฒน์ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องอุปโภคและบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ประวัติ[แก้]

เกิดเมื่อวันที่ 14 เดือน 5 พุทธศักราช 2459 ปีมังกร (นับตามปฏิทินจีน) ชื่อเดิมคือ เฮงเทียม แซ่ลี้ เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวนทั้งสิ้น 8 คน ของนายฮกเปี้ยว แซ่ลี้ และ นางสอน แซ่ลี้ บิดาเป็นชาว จีนโพ้นทะเลมาจากตำบลเตี๋ยชู้เลี้ยง อำเภอโผวเล้ มณฑล แต้จิ๋ว ส่วนมารดานั้นเป็นลูกจีนซึ่งเกิดในเมืองไทย สมรสเมื่อตอนอายุ 17 ปีกับ นางสายพิณ โชควัฒนา มีบุตร-ธิดา ด้วยกันทั้งสิ้น 8 คน เป็นบุตรชาย 6 คน บุตรหญิง 2 คน คุณบุญเอก คุณบุญปกรณ์ คุณบุณยสิทธิ คุณศิริยล คุณศิรินา คุณณรงค์ ในจำนวนบุตรชาย 6 คนนั้นเป็นฝาแฝด 1 คู่ คือ คุณบุญชัย และ คุณบุญเกียรติ โชควัฒนา

การศึกษา[แก้]

ดร.เทียม เริ่มการศึกษา ครั้งแรกที่โรงเรียนเผยอิง ถนนทรงวาด จนกระทั่งอายุ 15 ปี ก่อนตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนมาเป็นคนงานในร้านขายของชำของที่บ้าน และเมื่อเริ่มมีโอกาสก็ได้ไปเรียนภาคค่ำซึ่งคล้ายกับโรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่

ประวัติการค้า[แก้]

ดร.เทียม เริ่มก้าวเข้าสู่ถนนสายการค้า เมื่อปี พ.ศ.2474 ขณะนั้นอายุได้ประมาณ 15 ปี โดยเริ่มงานครั้งแรกด้วยการเป็นพนักงานในร้านเปียวฮะของบิดาและอาๆ ซึ่งเป็นร้านค้าที่ทำการจำหน่ายสินค้าประเภท นม น้ำตาล แป้งหมี่ น้ำมัน ฯลฯ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นสินค้าที่ไทยต้องสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ ด้วยความเป็นคนที่มีความเจียมตัว รู้ตัวเองว่าตนมีความรู้น้อย จึงทำงานด้วยความอดทน ขยันหมั่นเพียร ไม่เกี่ยงงาน หรือรู้สึกย่อท้อแต่อย่างใด แม้ว่าจะต้องทำงานหนักแต่ก็ยังใฝ่เรียน โดยไปเรียนภาคค่ำซึ่งคล้ายกับโรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่ หมั่นหาความรู้จากการอ่านหนังสือพิมพ์ ตลอดจนจากการสังเกตวิธีการทำงานของผู้ใหญ่หรือผู้ร่วมงาน การค้าในยุคแรกของร้านค้าส่งเปียวฮะต้องติดต่อสั่งซื้อสินค้า จากบริษัทต่างชาติ อาทิเช่น บอร์เนียว มิตซุย แองโกล-ไทย ฯลฯ หรือไม่ก็ต้อง ติดต่อกันระหว่างร้านค้าแถวตลาดทรงวาดที่หนึ่งที่สั่งสินค้าเข้ามาจำหน่าย จาก สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเก๊าแล้วนำสินค้าเหล่านั้นมาเปิดบัญชีให้กับลูกค้ารายย่อยอีก ต่อหนึ่ง ในสมัยที่เริ่มเป็นนักการค้ารุ่นใหม่ มีคำถามเกิดขึ้นว่า "ทำไมเราต้องรอให้ลูกค้ามาหาเรา” นั่นจึงเป็นที่มาให้นำความคิดนี้ไปเสนอกับผู้ใหญ่ในครอบครัว ว่าการคอยให้ลูกค้าประจำมาซื้อของที่ร้านนั้นทำให้ขายของได้ในปริมาณจำกัด ทำไม่เราไม่ลองเป็นฝ่ายออกไปหาลูกค้าเองบ้างซึ่งในตอนแรกผู้ใหญ่ต่างก็ไม่มีใครเห็นด้วยนัก แต่ด้วยแรงสนับสนุนจากพี่ชาย ซึ่งขณะนั้นเป็นหลงจู๊ประจำร้านจึงเป็นโอกาสที่ดร.เทียม ได้เป็นผู้เปิดหน้าแรกของประวัติศาสตร์เซลแมนขึ้น ด้วยการขี่จักรยานออกรับออเดอร์สินค้าด้วยตนเอง ทำให้ยอดขายของร้านเปียวฮะ รุ่งเรืองขึ้นมาอย่างน่าพอใจ ในปี พ.ศ. 2484 บิดาได้แยกกิจการจากพวกอาๆ ออกมาตั้งร้าน “เฮียบฮะ” ในช่วงนี้คุณเทียมได้รับหน้าที่เป็นพนักงานติดต่อซื้อขาย และมีโอกาสได้รับทราบบัญชีและงบดุลของร้าน ทำให้เกิดความรู้สึกว่าการทำธุรกิจเดิมนั้นคงไม่ค่อยมีอนาคต เพราะผลกำไรที่ได้น้อยมากเมื่อเทียบกับการที่ต้องทำงานหนัก จึงคิดหาหนทางเปลี่ยนรูปแบบการค้า ในปี พ.ศ. 2485 หลังจากตั้งร้านเฮียบฮะ มาได้ 6 เดือน ก็ได้เสนอให้พี่น้องเปลี่ยนแนวทางในการทำธุรกิจ จากการขายแต่ขอหนักๆอย่างเช่น น้ำตาลที่ให้กำไรน้อย น้ำตาล 1 กระสอบ หนัก 100 กิโลกรัม ขายได้แค่ 20 สตางค์ มาเป็นการขายเสื้อกล้าม สามารถใช้มือหิ้วได้ข้างละ 10 โหล ซึ่งได้กำไร 1.50 บาท แต่บิดาไม่เห็นด้วย จากนั้นจึงตัดสินใจออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง ที่ใช้ชื่อจีนว่า “เฮียบ เซ่ง เซียง” ด้วยเงินทุน 10,000 บาท ซึ่งเริ่มต้นโดยการสั่งซื้อสินค้าจากฮ่องกงมาขาย ในปี พ.ศ. 2489 ได้เดินทางออกไปติดต่อนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาขายเอง ซึ่งในระหว่างที่ไปติดต่อนั้น ก็จะสังเกตบ้านเมืองของประเทศนั้นด้วย เพื่อมองหาว่าสินค้าใดเหมาะกับคนไทย อย่างเช่น แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ผ้าขนหนู ในช่วงที่เริ่มนำเข้ามานั้น บิดายังมองว่าสินค้าเหล่านั้นขายไม่ได้อย่างแน่นอน การที่บิดาพูดอย่างนั้นเพราะเนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่มีใครใช้สินค้าแบบนั้น แต่บริษัทที่ขายสินค้าเหล่าก็แนะนำว่า ควรจะมีการทำโฆษณา เพื่อให้คนรู้จักสินค้า และจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ในปี พ.ศ. 2495 “เฮียบ เซ่ง เซียง” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคนานาชนิด มาจำหน่าย ในต้นทศวรรษ 2500 บริษัทฯได้เริ่มติดต่อกับบริษัทไลอ้อน ประเทศญี่ปุ่นโดยสั่งสินค้าแชมพู ยาสีฟัน และผงซักฟอกมาขาย และได้เปิดบริษัทใหม่สำหรับขายเครื่องสำอางแม็คแฟคเตอร์ ซึ่ง “ดร.เทียม โชควัฒนา” ได้สร้างประวัติศาสตร์การขายอีกครั้งหนึ่งให้กับธุรกิจเครื่องสำอางในรูปแบบเคาเตอร์มีพนักงานขายหญิง หรือที่เรียกว่า “B.A.” ย่อมาจาก “Beauty Advisor” ประจำ ณ เคาเตอร์ เป็นผู้แนะนำการใช้สินค้าเครื่องสำอางในการแต่งหน้า ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าค่อนข้างใหม่สำหรับคนไทยในยุคนั้น

เส้นทางนักอุตสาหกรรม[แก้]

เริ่มต้นสั่งเครื่องจักรเข้ามาบรรจุแชมพู ต่อมาเริ่มตั้งโรงงานผลิตสินค้าต่างๆ เช่น ถุงเท้า รองเท้า ผงซักฟอก เครื่องสำอาง ปี พ.ศ. 2515 ได้จัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง “บริษัท สหพัฒนา อินเวสเมนท์” เพื่อดูแลและวางแผนการลงทุนของเครือสหพัฒนฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับโรงงาน ได้จัดซื้อพื้นที่ในภาคตะวันออกใกล้ทะเล สร้างเป็นสวนอุตสาหกรรมซึ่งซึ่งปัจจุบันเจริญเติบโตเป็นที่รู้จักของบรรดานักอุตสาหกรรมเป็นอย่างดีว่า เป็นทั้งแหล่งอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคนานาชนิด

เกียรติคุณที่ได้รับ[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

เกียรติคุณอื่นๆ[แก้]

  • พ.ศ. 2528 ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน
  • พ.ศ. 2531 รางวัลเกียรติคุณนักการตลาดไทย
  • พ.ศ. 2532 รางวัลนักอุตสาหกรรมไทยดีเด่น