ทริปซิน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Trypsin
Identifiers
EC number 3.4.21.4
CAS number 9002-07-7
IntEnz IntEnz view
BRENDA BRENDA entry
ExPASy NiceZyme view
KEGG KEGG entry
MetaCyc metabolic pathway
PRIAM profile
PDB structures
Gene Ontology AmiGO / EGO
ทริปซิน

ทริปซิน (อังกฤษ: trypsin)[1] คือ เอนไซม์ย่อยโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโน ถูกผลิตมาจากตับอ่อน ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนและพอลิเพปไทด์ที่มาจากกระเพาะอาหารให้มีโมเลกุลเล็กลงจนเป็นไดเพปไทด์หรือกรดอะมิโนในที่สุด ทริปซินจะแยกสายเพปไทด์ส่วนใหญ่ที่ด้านหมู่คาร์บอกซิล[2]ของกรดอะมิโนไลซีนหรืออาร์จินีน นอกจากว่าเมื่ออย่างใดอย่างหนึ่งติดกับโพรลีน ทริปซินเป็นที่ใช้กันอางมากมายในกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะกระบวนการ โพรทีโอไลซิส (proteolysis) หรือ ทริปซิไนเซชัน (trypsinisation)

ฟังก์ชัน[แก้]

trypsyn ผลิตในตับอ่อนในรูปแบบของ trypsinogen zymogen ที่ยังไม่พร้อมใช้งานเมื่อตับอ่อนถูกกระตุ้นโดย cholecystokinin.และเมื่อตับอ่อนถูกกระตุ้นโดย cholecystokinin มันจะถูกหลังไปยังส่วนต้นของลำไส้เล็กผ่านทางท่อตับอ่อนเมื่ออยู่ในลำไส้เล็กเอนไซม์ enteropeptidase กระตุ้น ทริปซินโดย proteolytic cleavage ทริปซินจะเปลี่ยนไปอยู่ในสภาวะกระตุ้น รวมเป็น trypsinogen ดังนั้นจึงต้องการ เอนไซม์ enteropeptidase เพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการเริ่มปฏิกิริยา

กลไก[แก้]

กลไกต่างๆของทริปซินเหมือนกับ serine proteases[3] อื่นๆ เอนไซมน์นี้ประกอบไปด้วย catalytic triad ซึ่งประกอบไปด้วย aspartate-102, histidine-57 และ serine-195

คุณสมบัติ[แก้]

Trypsins มีค่า pH ที่เหมาะสมคือประมาณ 7.5-8.5 และอุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 37°C. Trypsins ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำมากๆ (ระหว่าง −20°C and −80°C) เพื่อขวางการ และควรเก็บทริปซินที่ pH 3

ประโยชน์[แก้]

การแยกออก และ การเข้าต่อกับโซ่เปปไทด์ เช่นไคโมทริปซิน (chymotrypsin)ไคโมทริปซิน จึงจะทำหน้าที่ย่อยโปรตีนได้ .

ทริปซินอินฮิบิเตอร์[แก้]

ทริปซินอินฮิบิเตอร์เป็นสารยับยั้งการเจริญเติบโตของสัตว์ มีอยู่ในเมล็ดถั่วเหลืองดิบ จะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ทริปซินในการย่อยโปรตีน ทำให้การย่อยได้ของโปรตีนลดลง สัตว์จะเกิดอาการท้องอืด วิธีแก้ไขคือ ต้องอบหรือนึ่งถั่วเหลืองให้สุกที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน 20 นาที ก็จะทำลายพิษทริปซินอินฮิบิเตอร์ได้

อ้างอิง[แก้]

  1. (EC 3.4.21.4)
  2. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-09. สืบค้นเมื่อ 2012-09-16.
  3. http://www.springerlink.com/content/l3t068x156682u55/?MUD=MP[ลิงก์เสีย]