ซานาดะ ยูกิมูระ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ซะนะดะ ยุคิมุระ)
ภาพวาดในยุคเอโดะของซานาดะ โนบูชิเงะ

ซานาดะ ยูกิมูระ (ญี่ปุ่น: 真田幸村โรมาจิSanada Yukimura ค.ศ. 1567 - ค.ศ. 1615) หรือ ซานาดะ โนบูชิเงะ (ญี่ปุ่น: 真田信繁โรมาจิSanada Nobushige) เป็นซามูไรชาวญี่ปุ่นในยุคเซงโงะกุ ได้รับฉายาว่า "วีรบุรุษผู้จะมาปรากฏในทุกหนึ่งร้อยปี", "ปีศาจสีเลือดแห่งสงคราม" และ "นักรบอันดับหนึ่งแห่งญี่ปุ่น" (ญี่ปุ่น: 日本一の兵โรมาจิHinomoto-ichi-no-tsuwamono)

ประวัติชีวิต[แก้]

ชีวิตวัยเยาว์[แก้]

ซานาดะ ยูกิมูระ เดิมมีชื่อว่า เก็นจิโร่ (ญี่ปุ่น: 源二郎โรมาจิGenjirō) ต่อมาได้รับชื่อว่า "โนบูชิเงะ" เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อของทาเกดะ ชิงเง็ง เป็นบุตรชายคนที่สองของซานาดะ มาซายูกิ (ญี่ปุ่น: 真田昌幸โรมาจิSanada Masayuki) กับนางยามาโนเตะ-โดโนะ (ญี่ปุ่น: 山手殿โรมาจิYamanote-dono ซึ่งต่อมาบวชเป็นชีได้รับชื่อว่าคังโช-อิง ญี่ปุ่น: 寒松院โรมาจิKanshō-in) เกิดเมื่อปีค.ศ. 1567 โนบูชิเงะมีพี่ชายคือซานาดะ โนบูยูกิ (ญี่ปุ่น: 真田信之โรมาจิSanada Nobuyuki) ซานะดะ มาซายูกิ บิดาของโนบูชิเงะ เป็นน้องชายของซานาดะ โนบูตซึนะ (ญี่ปุ่น: 真田信綱โรมาจิSanada Nobutsuna) ไดเมียวผู้ครองปราสาทอูเอดะ (ญี่ปุ่น: 上田城โรมาจิUeda-jō) ซึ่งอยู่ในทางตอนเหนือของจังหวัดนางาโนะในปัจจุบัน ตระกูลซานาดะเป็นตระกูลที่รับใช้ตระกูลทาเกดะอยู่เดิม ในค.ศ. 1575 ยุทธการที่นางาชิโนะ (ญี่ปุ่น: 長篠の戦いโรมาจิNagashino no Tatakai) ทาเกดะ คัตซึโยริ (ญี่ปุ่น: 武田勝頼โรมาจิTakeda Katsuyori) พ่ายแพ้ให้แก่ทัพของโอดะ โนบูนางะ ทำให้ตระกูลทาเกดะถึงแก่กาลอวสาน ไดเมียวซานาดะ โนบูตซึนะเสียชีวิตในที่รบ ทำให้ซานาดะ มาซายูกิ ได้รับสืบทอดตำแหน่งไดเมียวแห่งปราสาทอูเอดะคนต่อมา

เมื่อตระกูลทาเกดะสูญสิ้นอำนาจไป ทำให้เกิดสูญญากาศทางการเมืองขึ้นในภูมิภาค เปิดโอกาสให้โทกูงาวะ อิเอยาซุ นำทัพเข้ารุกรานปราสาทนูมาตะ (ญี่ปุ่น: 沼田城โรมาจิNumata-jō) ซึ่งเป็นปราสาทที่โนบูยูกิพี่ชายของโนบูชิเงะปกครองอยู่ในค.ศ. 1585 ทำให้มาซายูกิผู้เป็นบิดาขอความช่วยเหลือจากอูเอซูงิ คาเงคัตซึ (ญี่ปุ่น: 上杉景勝โรมาจิUesugi Kagekatsu) ไดเมียวตระกูลอูเอซูงิเพื่อต่อสู้กับทัพของอิเอยาซุ อูเอซูงิ คาเงคัตซึ เรียกร้องให้มาซายูกินำบุตรชายไปไว้แก่ตระกูลอูเอซูงิเพื่อเป็นตัวประกัน มาซายูกิจึงส่งบุตรชายคือโนบูชิเงะเป็นตัวประกันให้แก่ตระกูลอูเอซุงิ ทัพของอิเอยาซุประสบกับความล้มเหลวในการเข้ารุกรานปราสาทนูมาตะ ในปีเดียวกันนั้น มาซายูกินำตระกูลซานาดะเข้าสวามิภักดิ์ต่อโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ เพื่อคานอำนาจกันกับโทกูงาวะ อิเอยาซุ โนบูชิเงะจึงได้รับการปล่อยตัวกลับไปที่ปราสาทอูเอดะเนื่องจากตระกูลอูเอซูงิรับใช้โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ เฉกเช่นเดียวกัน

แม้ว่าก่อนหน้านี้โนบูชิเงะจะมีภรรยาอยู่แล้วสองคนและมีบุตรสาวแล้วสองคน ในค.ศ. 1594 โนบูชิเงะสมรสกับบุตรสาวหรือบุตรสาวบุญธรรมของโอตานิ โยชิซึงุ (ญี่ปุ่น: 大谷吉継โรมาจิOtani Yoshitsugu) ขุนพลคนสำคัญของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ มาเป็นภรรยาเอก และรับบุตรสาวของโทโยโตมิ ฮิเด็ตซึงุ (ญี่ปุ่น: 豊臣秀次โรมาจิToyotomi Hidetsugu) มาเป็นภรรยารองอีกคนในค.ศ. 1595

การป้องกันปราสาทอูเอดะ[แก้]

การอสัญกรรมของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ นำไปสู่การแก่งแย่งอำนาจระหว่างอิชิดะ มิตสึนาริ และโทกูงาวะ อิเอยาซุ ในปีค.ศ. 1600 ในช่วงแรกมาซายูกิบิดาของโนบูชิเงะนำตระกูลซานาดะเข้ากับฝ่ายของโทกูงาวะ โดยเตรียมตัวยกทัพเข้าโจมตีตระกูลอูเอซูงิ แต่ทว่าอิชิดะ มิตสึนารีส่งสาส์นไปถึงไดเมียวซานาดะ มาซายูกิ เกลี้ยกล่อมให้มาเข้าพวกกองทัพฝ่ายตะวันตก มาซายูกิและโนบูชิเงะจึงเปลี่ยนฝ่ายไปเข้ากับฝ่ายของอิชิดะ มิตซึนาริ แต่ซานาดะ โนบูยูกิ พี่ชายคนโตของโนบูชิเงะ ยังอยู่กับฝ่ายของโทกูงาวะเนื่องจากโนบูยูกิได้แต่งงานกับบุตรสาวของฮนดะ ทะดะกะสึ เป็นแผนการของมาซายูกิที่ส่งบุตรชายทั้งสองของตนเองไปเข้ากับทั้งสองฝ่าย หากว่าฝ่ายใดแพ้หรือชนะในศึกสงครามตระกูลซานาดะจะยังสามารถดำรงต่อไปได้ โทกูงาวะ อิเอยาซุ เมื่อทราบข่าวการแปรพักตร์ของสองพ่อลูกตระกูลซานาดะ จึงกล่าวแก่โนบูยูกิว่า จะยึดปราสาทอูเอดะจากบิดา (มาซายูกิ) มาให้แก่โนบูยูกิ

โทกูงาวะ อิเอยาซุ เคลื่อนทัพจากเอโดะไปทางตะวันตก และมอบหมายให้บุตรชายคือโทกูงาวะ ฮิเดตาดะ (ญี่ปุ่น: 徳川秀忠โรมาจิTokugawa Hidetada) ยกทัพผ่านเส้นทางนากาเซ็น (ญี่ปุ่น: 中山道โรมาจิNakasen-dō) เพื่อไปสมทบกันที่เมืองเกียวโต เมื่อโทกูงาวะ ฮิเดตาดะ ยกทัพมาทางเส้นทางนากาเซ็นโดผ่านอาณาเขตของปราสาทอูเอดะ ฮิเดตาดะตัดสินใจนำทัพเข้าบุกรุกรานปราสาทอูเอดะเพื่อยึดให้ได้ก่อนเดินทัพต่อไปทางตะวันตก แม้จะมีกำลังน้อยกว่าเพียงแค่ประมาณสองพันคน แต่สองพ่อลูกซานาดะ มาซายูกิ และโนบูชิเงะ สามารถป้องกันปราสาทอูเอดะจากทัพของตระกูลโทกูงาวะที่มีกำลังมากถึงสามหมื่นคนได้ หลังจากล้อมปราสาทอูเอดะอยู่นานเป็นเวลาแปดเดือน ทำให้ทัพของฮิเดตาดะมีความล่าช้าในการไปสมทบกับทัพของอิเอยาซุที่เกียวโต จนทัพฮิเดตาดะต้องถอนออกไปในที่สุด ฝ่ายตระกูลซานาดะประสบความสำเร็จในการป้องกันปราสาทอูเอดะ

เนรเทศไปเขาคุโดะ[แก้]

แม้ว่าสองพ่อลูกตระกูลซานาดะจะประสบความสำเร็จในการป้องกันปราสาทอูเอดะ แต่ทว่าในยุทธการที่เซกิงาฮาระพ่อตาของโนบูชิเงะคือโอตานิ โยชิซึงุ เสียชีวิตในที่รบ และโทกูงาวะ อิเอยาซุ ได้รับชัยชนะขึ้นมาเป็นผู้ปกครองญี่ปุ่น ซานะดะ โนบูยูกิ ร้องขอต่ออิเอยาซุให้ไว้ชีวิตมาซายูกิและโนบูชิเงะ บิดาและน้องชายของตนเอง อิเอยาซุทำการไว้ชีวิตสองพ่อลูกซานาดะแต่ทั้งมาซายูกิและโนบูชิเงะต่างถูกเนรเทศไปอยู่ที่เขาคุโดะ (ญี่ปุ่น: 九度山โรมาจิKudo-yama) ในแคว้นกีอิ (ญี่ปุ่น: 紀伊โรมาจิKii จังหวัดวากายามะในปัจจุบัน) และยกปราสาทอูเอดะให้แก่ซานาดะ โนบูยูกิ ไปปกครอง

ในระหว่างที่อยู่บนเขาคุโดะ ภรรยาเอกของโนบูชิเงะซึ่งเป็นบุตรสาวของโอตานิ โยชิซึงุ ได้ให้กำเนิดบุตรชายสองคนได้แก่ ไดซูเกะ (ญี่ปุ่น: 大助โรมาจิDaisuke ต่อมาคือซานาดะ ยูกิมาซะ ญี่ปุ่น: 真田幸昌โรมาจิSanada Yukimasa) ในค.ศ. 1601 และไดฮาชิ (ญี่ปุ่น: 大八โรมาจิDaihachi) ในค.ศ. 1612 ในขณะที่ภรรยารองซึ่งเป็นบุตรสาวของโทโยโตมิ ฮิเด็ตซึงุ ให้กำเนิดบุตรชายอีกคนหนึ่ง ซานาดะ มาซายูกิ บิดาของโนบูชิเงะ เสียชีวิตบนเขาคุโดะในค.ศ. 1611

ในค.ศ. 1614 เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างฝ่ายโทโยโตมิและฝ่ายโทกูงาวะขึ้นอีกครั้ง โทกูงาวะ อิเอยาซุ นำทัพเข้าล้อมปราสาทโอซากะในฤดูหนาว (ญี่ปุ่น: 大坂冬の陣โรมาจิŌsaka fuyu no Jin) โทโยโตมิ ฮิเดโยริ ทายาทของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ประกาศรวบรวมกำลังพลจากไดเมียวและซามุไรที่ยังจงรักภักดีต่อตระกูลโทโยโตมิอยู่ ซานาดะ โนบูชิเงะ และบุตรชายคนโตคือซานาดะ ยูกิมาซะ จึงหลบหนีออกจากเขาคุโดะมายังปราสาทโอซากะเพื่อร่วมรบกับฝ่ายโทโยโตมิในการต้านทานการรุกรานของโทกูงาวะ อิเอยาซุ โดยในครั้งนี้ซานาดะ โนบูชิเงะ ได้ใช้ชื่อใหม่ว่า "ซานาดะ ยูกิมูระ" ซึ่งซานาดะ ยูกิมูระ ได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพของฝ่ายโทโยโตมิ

"ซานาดะ-มารุ" และการป้องกันปราสาทโอซากะ[แก้]

การจัดทัพของฝ่ายโทโยโตมิและฝ่ายโทกูงาวะในการล้อมปราสาทโอซากะในฤดูหนาวปีค.ศ. 1614 "ซานาดะ-มารุ" ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทโอซากะ

ซานาดะ ยูกิมูระ มีชื่อเสียงจากวีรกรรมในการป้องกันปราสาทโอซากะระหว่างปีค.ศ. 1614-1615 มากที่สุด ในการล้อมปราสาทโอซากะฤดูหนาวปีค.ศ. 1614 โทกูงาวะ อิเอยาซุ ได้ระดมสรรพกำลังพลมหาศาลจากภาคตะวันออกของญี่ปุ่นมาในครั้งนี้ จากสภาพทางภูมิศาสตร์ปราสาทโอซาก้าถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำโยโดะทางเหนือและล้อมรอบด้วยคูน้ำลึกและคลองต่างๆทางด้านตะวันออกและตะวันตก ทางทิศใต้ของปราสาทจึงเป็นจุดอ่อนซึ่งทัพฝ่ายโทกูงาวะต้องการจะบุกเข้าไป ซานาดะ ยูกิมูระ เห็นความสำคัญของการป้องกันในส่วนทางใต้ของปราสาท ให้ถมดินขึ้นเป็นเนินสูงทางตอนใต้ของปราสาทโอซากะ แล้วสร้างป้อมปราการขึ้นบนเนินดินนั้น เรียกว่า ป้อมซานาดะ หรือ "ซานาดะ-มารุ" (ญี่ปุ่น: 真田丸โรมาจิSanada-maru) ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญทำให้ทัพฝ่ายโทกูงาวะไม่สามารถเข้ายึดปราสาทโอซากะได้ หลังจากความพยายามเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือน ทัพขนาดใหญ่ของมาเอดะ โทชินางะ (ญี่ปุ่น: 前田利長โรมาจิMaeda Toshinaga) และมัตซึไดระ ทาดานาโอะ (ญี่ปุ่น: 松平忠直โรมาจิMatsudaira Tadanao) ต่างไม่สามารถฝ่าด่านการป้องกันของซานาดะ-มารุ เข้าไปได้

เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเข้ายึดปราสาทโอซากะได้ โทกูงาะ อิเอยาซุ จึงเปลี่ยนกลยุทธ์บีบบังคับให้ฝ่ายโทโยโตมิออกมาเจรจา โดยการใช้ปืนใหญ่ยิงระยะไกลไปตกที่ปราสาทโอซากะโดยตรง นางโยะโดะ โดะโนะ (ญี่ปุ่น: 淀殿โรมาจิYodo dono) มารดาของโทโยโตมิ ฮิเดโยริ เกิดความตกใจกลัวและรบเร้าให้ฮิเดโยริสงบศึกทำการเจรจา ฮิเดโยริจึงทำตามคำขอของมารดา โทกูงาวะ อิเอยาซุ ยินยอมสงบศึกภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายโทโยโตมิจะต้องถมคูคลองรอบปราสาทให้หมดเพื่อให้ปราศจากการป้องกัน คนงานของฝ่ายโทกูงาวะเข้าทำลายกำแพงปราสาทชั้นนอกลงทั้งหมด ป้อมเนินดินซานาดะ-มารุ ถูกทำลายลงไปในคราวนี้ด้วย อย่างไรก็ตามฝ่ายโทโยโตมิเองก็ยังคงซ่องสุมกำลังพลไว้ ความขัดแย้งเริ่มขึ้นอีกครั้งในฤดูร้อนค.ศ. 1615

ในการล้อมปราสาทโอซากะฤดูร้อน (ญี่ปุ่น: 大坂夏の陣โรมาจิŌsaka natsu no Jin) เนื่องการป้องกันรอบนอกของปราสาทถูกทำลายลงไปหมดสิ้น ซานาดะ ยูกิมูระ จึงมีนโยบายเชิงรุกโดยการยกทัพออกไปต่อกรกับทัพของอิเอยาซุนอกปราสาท ในครั้งนี้ซานาดะ ยูกิมูระ ร่วมรบกับน้องเขยคือโอตานิ โยชิฮารุ (ญี่ปุ่น: 大谷吉治โรมาจิOtani Yoshiharu บุตรชายของโอตานิ โยชิซึงุ) ยกทัพออกไปสู้กับทัพอิเอยาซุในยุทธการที่วัดโดเมียว (ญี่ปุ่น: 道明寺の戦いโรมาจิDōmyōji no tatakai) ซานาดะ ยูกิมูระ ต่อกรกับทัพของดาเตะ มาซามูเนะ แต่พ่ายแพ้และถ่อยร่นกลับมายังปราสาทโอซากะ ยูกิมูระยกทัพเข้าบุกทัพของอิเอยาซุโดยตรงในยุทธการที่วัดเท็นโน (ญี่ปุ่น: 天王寺の戦いโรมาจิTennōji no tatakai) แต่ทัพของฝ่ายโทโยโตมิพ่ายแพ้ถูกทัพของฝ่ายโทกูงาวะตีแตกไป เมื่อพ่ายแพ้แล้วซานาดะ ยูกิมูระ บุกทะลวงเข้าไปในค่ายทหารของอิเอยาซุและสามารถใช้หอกแทงอิเอยาซุจนได้รับบาดเจ็บได้ สุดท้ายซานาดะ ยูกิมูระจึงถูกทหารฝ่ายโทกูงาวะใช้ดาบฟันจนถึงแก่ชีวิตไปในที่สุด เสียชีวิตไปด้วยวัย 48 ปี

เมื่อซานาดะ ยูกิมูระ เสียชีวิตในที่รบแล้ว ทัพฝ่ายโทโยโตมิจึงพ่ายแพ้ โทโยโตมิ ฮิเดโยริ จึงทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตเพื่อหนีความพ่ายแพ้ ซานาดะ ยูกิมาซะ บุตรชายคนโตของยูกิมูระ ทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตไปพร้อมกับโทโยโตมิ ฮิเดโยริผู้เป็นนาย

มรดกของตระกูลซานาดะ[แก้]

หลังจากที่ซานาดะ ยูกิมูระ พร้อมทั้งซานาดะ ยูกิมาซะบุตรชายคนโต ต่างเสียชีวิตในการป้องกันปราสาทโอซากะในปีค.ศ. 1615 นั้น ครอบครัวของตระกูลซานาดะที่หลงเหลืออยู่บนเขาคุโดะถูกทัพฝ่ายโทกูงาวะจับเป็นเชลยศึก ภรรยาเอกของซานาดะ ยูกิมูระ ซึ่งเป็นบุตรสาวของโอตานิ โยชิซึงุ บวชเป็นชีที่เมืองเกียวโตได้รับชื่อว่าชิกูริง-อิง (ญี่ปุ่น: 竹林院โรมาจิChikurin-in) คาตากูระ ชิเงนางะ (ญี่ปุ่น: 片倉重長โรมาจิKatakura Shigenaga) ไดเมียวผู้เป็นข้ารับใช้ของดาเตะ มาซามูเนะ รับอุปถัมภ์ตระกูลซานาดะโดยรับนางอุเมะ (Ume) บุตรสาวของซานะดะ ยูกิมูระ มาเป็นภรรยา และรับไดฮาชิบุตรชายคนรองของยูกิมูระมาเป็นบุตรบุญธรรม ไดฮาชิได้รับชื่อใหม่ว่าคาตากูระ โมริโนบุ (ญี่ปุ่น: 片倉守信โรมาจิKatakura Morinobu) เป็นข้ารับใช้ของตระกูลดาเตะแห่งเซ็นได ในค.ศ. 1640 คาตากูระ โมริโนบุ ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อเป็น ซานาดะ โมริโนบุ (ญี่ปุ่น: 真田守信โรมาจิSanada Morinobu) ตระกูลซานาดะซึ่งเป็นเชื้อสายของยูกิมูระจึงได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง

ซานาดะ โนบูยูกิ พี่ชายของยูกิมูระ ซึ่งอยู่ฝ่ายโทกูงาวะ ปกครองปราสาทอูเอดะจนกระทั่งปี ค.ศ. 1622 ซานาดะ โนบูยูกิ ถูกโยกย้ายไปปกครองปราสาทมัตสึชิโระและแคว้นมัตสึชิโระ (ญี่ปุ่น: 松代โรมาจิMatsushiro อยู่ในจังหวัดนางาโนะในปัจจุบัน) ตระกูลซานาดะสาขาของโนบูยูกิปกครองแคว้นมัตสึชิโระไปตลอดสมัยเอโดะ