ชินบุตสึชูโง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตัวอย่างการผสานความเชื่อ สังเกตจากรูปปีศาจจิ้งจอกผู้เดินสารของเทพอินาริ, โทริอิ, เจดีย์ญี่ปุ่น และบุคคลในศาสนาพุทธ ณ วัดโจเกียว

ชินบุตสึชูโง (ญี่ปุ่น: 神仏習合โรมาจิShinbutsu-shūgō) หรือ ชินบุตสึคงโก (ญี่ปุ่น: 神仏混淆โรมาจิShinbutsu-konkō) เป็นการผสานความเชื่อระหว่างลัทธิชินโตกับศาสนาพุทธในประเทศญี่ปุ่น กระทั่งยุคเมจิเมื่อ ค.ศ. 1868 มีการออกกฎหมายแยกการบูชาเทพเจ้าพื้นเมืองญี่ปุ่นออกจากศาสนาพุทธ

ศาสนาพุทธซึ่งมีต้นสายจากดินแดนชมพูทวีป เผยแผ่เรื่อยมาผ่านจีนและเกาหลีจากนักบวชเกาหลี[1][2] เข้าประดิษฐานในแผ่นดินญี่ปุ่นในยุคอาซูกะ ตรงกับคริสต์ศตวรรษที่ 6 เมื่อชาวญี่ปุ่นรับศาสนาใหม่เข้ามา ก็มีการปรับความเชื่อระหว่างลัทธิชินโตที่เป็นความเชื่อพื้นเมืองกับศาสนาพุทธที่เป็นความเชื่อใหม่ มีการสร้างพุทธสถาน () รวมเข้ากับศาลเจ้าชินโต (神社) เรียกว่าจิงงูจิ (神宮寺) รวมทั้งมีการเคารพบูชาทั้งเทวรูปชินโตและพระพุทธรูปอย่างกลมเกลียว จะเห็นได้ว่าศาสนาพุทธส่งอิทธิพลอย่างสูงต่อศาสนาพื้นเมือง อย่างชื่อและโครงสร้างศาลเจ้านั้นได้รับอิทธิพลจากอารามในศาสนาพุทธ[3] การแยกศาสนาพุทธออกจากลัทธิชินโตเกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่การนับถือศาสนาอย่างปะปนกันของชาวญี่ปุ่นยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน[4] จากการสำรวจของทบวงวัฒนธรรมญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2558 พบว่าชาวญี่ปุ่นนับถือลัทธิชินโตร้อยละ 70.4 และศาสนาพุทธร้อยละ 69.8 หรือก็คือชาวญี่ปุ่นยังคงนับถือทั้งสองศาสนาปะปนกัน[5][6][7][8][9]

ชื่อ "ชินบุตสึชูโง" เกิดขึ้นช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อกล่าวถึงการผสานความเชื่อระหว่างเทพเจ้าชินโตกับพระพุทธเจ้า ที่แตกต่างออกไปจากศาสนาพุทธในปัจจุบัน[10] นอกจากนี้คำนี้ยังมีความหมายเชิงลบ เช่น "การเปลี่ยนแปลงจนต่างไปจากเดิม" (bastardization) หรือ "การนับถืออย่างไม่เฉพาะเจาะจง" (randomness)[11]

อ้างอิง[แก้]

เชิงอรรถ
  1. Bowring, Richard John (2005). The religious traditions of Japan, 500–1600. Cambridge, UK: Cambridge University Press. pp. 15–17. ISBN 0-521-85119-X.
  2. Dykstra, Yoshiko Kurata; De Bary, William Theodore (2001). Sources of Japanese tradition. New York: Columbia University Press. pp. 100. ISBN 0-231-12138-5.
  3. Tamura, page 21
  4. Japan, Destination Detectives, Jen Green, Capstone Classroom, 2006, p. 20
  5. https://www.pewresearch.org/wp-content/uploads/sites/7/2017/11/Religion20171117.pdf
  6. https://www.indexmundi.com/japan/religions.html
  7. https://www.learnreligions.com/religion-in-japan-4782051
  8. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-07. สืบค้นเมื่อ 2020-06-21.
  9. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-26. สืบค้นเมื่อ 2020-06-21.
  10. Inoue (2004:67-68)
  11. Teeuwen & Rambelli (2002:49)
บรรณานุกรม

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]