ชายกินพืช
ชายกินพืช[1] หรือ ชายกินหญ้า[2] (ญี่ปุ่น: 草食(系)男子; โรมาจิ: Sōshoku(-kei) danshi) เป็นคำที่ใช้ใน ญี่ปุ่น เพื่อกล่าวถึงคนที่ไม่สนใจจะแต่งงานหรือหาแฟนสาว[3] คำว่าชายกินพืชใช้สื่อถึงชายหนุ่มที่สูญเสียความเป็นชาย[4][5][6] คำนี้ถูกคิดขึ้นโดยนักเขียนมากิ ฟูคะซะวะ ในบทความตีพิมพ์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2006[7][8][9][10]
ผลสำรวจของชายโสดญี่ปุ่นใน ค.ศ. 2010 พบว่า ร้อยละ 61 ของชายในวัย 20 และร้อยละ 70 ของชายในวัย 30 นับว่าตัวเองเป็นชายกินพืช[11] รัฐบาลญี่ปุ่นมองปรากฏการณ์นี้ว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุของการลดลงของอัตราการเกิดในประเทศญี่ปุ่น[12]
ตามที่ฟูคะซะวะอธิบายไว้ ชายกินพืช "ไม่ได้ไม่มีความสัมพันธ์ที่โรแมนติก แต่มีทัศนคติไม่แยแสต่อความต้องการเนื้อหนัง" นักปรัชญา มาซะฮิโระ โมริโอกะ ให้นิยามกับคำว่าชายกินพืชว่า เป็นชายที่ใจดีและอ่อนโยน และไม่ถูกยึดไว้ด้วยความเป็นชาย ไม่แสวงหาความรักโรแมนติกอย่างตะกละตะกลาม และไม่มีแนวโน้มที่จะถูกทำร้ายหรือทำร้ายผู้อื่น[4]
สิ่งที่อาจเป็นสาเหตุ
[แก้]ความไม่แยแสของผู้ชายต่อการแต่งงานและความผูกพันเป็นแนวโน้มที่สังเกตได้ในสังคมที่ก้าวหน้ามาก ๆ ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจต่าง ๆ มีการอ้างถึงบทบาทของแนวโน้มเช่นนี้ ในญี่ปุ่นการลดลงของเศรษฐกิจญี่ปุ่นมักถูกกล่าวกันว่าเป็นสาเหตุของการเพิ่มขึ้นของชายกินพืช ทฤษฎีที่ว่าความถดถอยทางเศรษฐกิจจากการแตกของฟองสบู่ในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 ทำให้ชาวญี่ปุ่นหันหลังให้กับผู้ชายที่เป็นแบบฉบับ และบทบาทในองค์กร[13][14] ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของมนุษย์เงินเดือน การมีงานประจำกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจน้อยลง โดยมีฟรีแลนซ์กว่า 2,500,000 คนที่ทำงานเฉพาะช่วงเวลา และระหว่าง 650,000 ถึง 850,000 คนหนุ่มสาวที่ "ไม่ได้อยู่ในการศึกษา การจ้างงานหรือการฝึกอบรม" ระหว่างอายุ 19 ถึง 35 ปีอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น[15] การตอบสนองนี้อาจฝังลึกในวัฒนธรรมญี่ปุ่น[16]
สตรีชาวญี่ปุ่นอาจเป็นอีกสาเหตุที่ผู้ชายไม่อยากมีความสัมพันธ์ที่โรแมนติก การตัดสินใจที่ชายกินพืชหลายคนหยุดการทำงานเนื่องจากการทำงานและการแต่งงานในญี่ปุ่นมีความเกี่ยวพันกันเป็นอย่างมาก ทำให้ชาวญี่ปุ่นเหล่านี้หาคู่ยากขึ้น ผู้หญิงจำนวนมากปฏิเสธชายที่ไม่ได้มีงานที่มั่นคง.[17] ผู้หญิงคนอื่น ๆ รู้สึกว่าชายกินพืชนั้นอ่อนแอและไม่เป็นชายชาตรี และชายบางคนก็ไม่ชอบผู้หญิงที่มีความเป็นตัวของตัวเอง.[12][18][19] ในการสำรวจความคิดเห็นของเด็กชายญี่ปุ่นอายุระหว่าง 16 ถึง 19 ปีพบว่า 36% กล่าวว่าพวกเขาไม่สนใจในเรื่องเพศ ตัวเลขสำหรับหญิงในกลุ่มอายุเดียวกันอยู่ที่ 59%[20] มาซาฮิโร โมริโอกะโต้แย้งว่าชายกินพืชในญี่ปุ่นเป็นเป็นผลมาจากความสงบสุขหลังสงครามของญี่ปุ่น นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในสงครามหรือความขัดแย้งใด ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในขอบเขตของตนเองหรือนอกประเทศ ก่อนช่วงเวลาแห่งสันติภาพชาวญี่ปุ่นจำนวนมากรู้สึกว่าการเป็นทหารเป็นวิธีเดียวที่จะกลายเป็นลูกผู้ชาย บรรทัดฐานทางสังคมนี้หายไปอย่างช้าๆในช่วงหลังสงครามสันติภาพหลังสงคราม ด้วยเหตุนี้คนญี่ปุ่นจึงก้าวร้าวน้อยลงและอาจทำให้ชายเหล่านี้ไม่อยากมีรักโรแมนติก[4]
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
[แก้]ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดเพียง 1.42 ในปี 2014 ลดลงจากระดับ 1.84 ในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1980[21] หลายคนตำหนิการร่วงลงอย่างรุนแรงนี้ต่อการเพิ่มขึ้นของชายกินพืชในประเทศญี่ปุ่น การลดลงของอัตราการเกิดเป็นผลมาจากการไม่เต็มใจที่จะแต่งงานของชายกินพืช[20]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "From carnivores to herbivores: how men are defined in Japan". japantoday.com. 16 February 2012. สืบค้นเมื่อ 2 February 2018.
- ↑ McCurry, Justin (27 December 2009). "Japan's 'grass eaters' turn their backs on macho ways". the Guardian. สืบค้นเมื่อ 17 October 2015.
- ↑ Yang, Jeff (23 March 2011). "After the end of the world". San Francisco Chronicle. สืบค้นเมื่อ 2 February 2018.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 Morioka, Masahiro (2013). "A Phenomenological Study of 'Herbivore Men'" (PDF). The Review of Life Studies. Life Studies Press. 4: 1–20. สืบค้นเมื่อ 7 September 2017.
- ↑ St John, Warren (22 June 2003). "Metrosexuals come out". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2 February 2018.
- ↑ Simpson, Mark. "Here come the mirror men: why the future is metrosexual". marksimpson.com. สืบค้นเมื่อ 2 February 2018.
- ↑ lifestudies.org Special Report: Herbivore Men
- ↑ "Japan's 'herbivore' men shun corporate life, sex". Reuters. 27 July 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-14. สืบค้นเมื่อ 15 January 2012.
- ↑ "Blurring the boundaries". The Japan Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-02-03. สืบค้นเมื่อ 2 February 2018.
- ↑ "Dude Looks Like a Lady in Our Recessionary Times: William Pesek". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 15 January 2012.
- ↑ Harney, Alexandra. "Japan panics about the rise of "herbivores"—young men who shun sex, don't spend money, and like taking walks. - Slate Magazine". Slate.com. สืบค้นเมื่อ 20 August 2012.
- ↑ 12.0 12.1 "Young Japanese 'decline to fall in love'". BBC News. 11 January 2012.
- ↑ "Japan's "herbivore" men shun corporate life, sex". Reuters. 27 July 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-14. สืบค้นเมื่อ 2018-02-14.
- ↑ Nicolae, Raluca (2014). "Sōshoku(kei) Danshi: The (Un)gendered Questions on Contemporary Japan". Romanian Economic and Business Review. 9 (3): 66–81. ISSN 1842-2497. RePEc:rau:journl:v:9:y:2014:i:3:p:66-81.
- ↑ "Youth Employment in Japan's Economic Recovery: 'Freeters' and 'NEETs'". JapanFocus. สืบค้นเมื่อ 20 August 2012.
- ↑ Teo, Alan. "Modern-Day Hermits: The Story Hikkomori in Japan and Beyond". สืบค้นเมื่อ 26 February 2014.
- ↑ "They need another hero". The Economist. 29 October 2009.
- ↑ "The last person out of the closet? The bisexual male". CNN. 28 June 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-20. สืบค้นเมื่อ 2018-02-14.
- ↑ Harney, Alexandra. "Japan panics about the rise of "herbivores"—young men who shun sex, don't spend money, and like taking walks. - Slate Magazine". Slate.com. สืบค้นเมื่อ 20 August 2012.
- ↑ 20.0 20.1 Tomikawa, Yuri (13 January 2011). "No Sex, Please, We're Young Japanese Men". The Wall Street Journal.
- ↑ "Fertility rate, total (births per woman) | Data". data.worldbank.org. สืบค้นเมื่อ 2 February 2018.