ข้ามไปเนื้อหา

คุยกับผู้ใช้:MFU55 FMKPMA/กระบะทราย

ไม่รองรับเนื้อหาของหน้าในภาษาอื่น
เพิ่มหัวข้อ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

1. กงเหยี่ยฉาง มีนามว่า ฉาง แซ่กงเหยี่ย ศิษย์ขงจื่อ 2. หนังหยง มีนามว่าจวี้ แซ่หนันกง ฉายาจื่อหยง ศิษย์ขงจื่อ เป็นพี่ชายของเมิ่งอี้จื่อ เป็นบุตรชายแห่งเมิ่งสีจื่อ 3. พี่ชายต่างมารดาของขงจื่อ ชื่อว่าเมิ่งผี 4. มี่จื่อเจี้ยน มีนามว่าปู้ฉี แช่มี่ ฉายาจื่อเจี้ยน อายุอ่อนกว่า ขงจื่อ 49 ปี ศิษย์ขงจื่อ เคยเป็นนายอำเภอเมืองตันฟู่ เป็นผู้ที่มีปัญญาและมีความรักความเมตตาต่อประชาชน ดังนั้นขงจื่อจึงยกย่องมี่จื่อเจี้ยนว่าเป็นวิญญูชน 5. หูเหลียน เป็นภาชนะสำหรับใส่เครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษประเภทพืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นภาชนะที่สวยงามล้ำค่ามาก และการที่ขงจื่ออุปมาจื่อก้งให้เป็นภาชนะหูเหลียนนั้น ก็คือการชื่นชมในความสามารถอันโดดเด่นของจื่อก้งนั่นเอง 6. หยั่นนยง มีนามว่ายง แช๋หยั่น ฉายาจังกง ศิษย์ของจื่อ อายุอ่อนกว่าขงจื่อ 29ปี ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบปราชญ์แห่งสำนักขงจื่อในหมวดคุณธรรม 7. ซีเตียวไต มีนามว่า ไค แซ่ซีเตียว ฉายาจื่อไค ศิษย์ขงจื่อ อายุอ่อนกว่าขงจื่อ 11 ปี เป็นบุคคลที่มีความสมถะ ไม่ผักใฝ่ในลาภยศสรรเสริญ 8. กงซีฮว๋า มีนามว่า ซื่อ แซ่กงซี ฉายาจื่อฮว๋า ศิษย์ขงจื่อ อายุอ่อนกว่าขงจื่อ 42 ปี 9. เซินเฉง ฉายาจื่อโจว ศิษย์ขงจื่อ 10. ข่งเหวินจื่อ มีนามว่าอวี่ แซ่ข่ง เรียกอีกอย่างว่า จังสูอวี่ เป็นขุนนางแคว้นเว่ย เหวิน เป็นอิสริยนามที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งหลังจากถึงแก่กรรมแล้ว 11. เหวิน เป็นอิสริยนามที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งหลังจากได้ถึงแก่กรรมแล้วโดยคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งในสมัยราชวงศ์โจวมีดังนี้

  	1.ได้ชื่อว่าเป็นสดมภ์แห่งดินฟ้า
	2.มีคุณธรรมความรู้
	3.ใฝ่ถามขยันร่ำเรียน
	4.เมตตาประชาราษฏร์
	5.อารีราษฏร์สร้างสาธารณคุณ 
 	6.ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์

12. จื่อฉั่น มีนามว่าเฉียว แซ่กงซุน ฉายาจื่อฉั่น เป็นขุนนางผู้มีคุณธรรมของแคว้นเจิ้งในสมัยซุนชิว เป็นผู้ที่ใช้วิถีทางการทูตยกระดับแคว้นเจิ้งจากแคว้นอ่อนแอให้เป็นแคว้นที่สามนตรัฐให้การยกย่อง กิตติคุณของจื่อฉั่นได้ถูกสรรเสริญให้เป็นนักการเมืองและนักการทูตที่ปรีชาสามารถอย่างมากในสมัยนั้น 13. เยี่ยนผิงจังมีนามว่าอิง แซ่เยี่ยน ฉายาจัง เป็นขุนนางสามแผ่นดินแห่งแคว้นฉีเคยรับใช้ฉีหลิงกง ฉีจวงกง และฉี่จิ่งกง เป็นนักปฏิบัติที่มีความมัธยัสถ์สูงเป็นผู้ที่มีความรอบคอบในการกระทำและการเจรจา ถูกยกย่องให้เป็นอุปราชผู้ปราดเปรื่องในสมัยนั้น 14. จังเหวินจัง มีนามว่า เฉิน ฉายาจัง ขุนนางแคว้นหลู่ ได้รับพระราชทานอิสริยนาม “เหวิน” หลังจากได้ถึงแก่กรรม ในคัมภีร์จั่วจ้วนได้บันทึกคำวิจารณืของขงจื่อต่อจังเหวินจังว่ามี 3 อเมตตาและ 3 อปัญญา ดังมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 3 อเมตตา คือ

	1.ไม่ยอมแต่งตั้งนักปราชญ์หลิ่วเซี่ยฮุ่ย
	2.ปลด 6 ด่านสำคัญ
	3.ให้บริวารเย็บหลังคาใบจากแล้วขายแข่งกับชาวบ้าน 

3 อปัญญา 1.ปลูกเรื่อนกัศยป 2.ได้ตั้งป้ายบูชาบูรพกษัตริ์ยผิดตำแหน่งในมหาพิธี

	3.ถือนกยักษ์เป็นหงส์แล้วทำการบูชา

15. กัศยปหมายถึง เต๋า ในจีนโบราณ กระดองเต่าถือเป็นเครื่องรางที่ใช้สำหรับพยากรณ์อนาคต ดังนั้นจึงเป็นเครื่องสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะพระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่การที่จังเหวินจังปลูกเรือนกัศยปสะสะมกระดองเต่าทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาว่าเก็บกระดองเต่าไว้ใช้เป็นการส่วนตัว พฤติกรรมเช่นนี้จึงถือเป็นการหลอกลวงประชาชน ดังนั้นขงจื่อจึงวิจารณ์จังเหวินจังว่าไร้ปัญญา 16. เสาไม้ที่ตั้งบนขื่อไปจรดอกไก่ 17. จื่อเหวิน แซ่โต้ว เสนาบดีผู้มีชื่อเสียงของแคว้นฉู่ 18. ชุยจื่อ ขุนนางแว้นฉี 19. เฉินเหวินจื่อ มีนามว่าชวีอู่ แซ่เฉิน ขุนนางแคว้นฉี เหวิน เป็นอิสรยนามที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งหลังจากได้ถึงแก่กรรมแล้ว 20. จี้เหวินจื่อ มีนามว่าสิงผู่ ขุนนางแคว้นหลู่ เคยทำราชการรับใช้หลู่เหวินกง หลู่เชวียนกง หลู่เฉิงกง หลู่เชียงกง 21. สำหรับผู้บุ่มบ่าม ขงจื่อมักจะตักเตือนให้คิด สาม ครั้งให้รอบคอบแล้วค่อยทำ แต่สำหรับคนเฉื่อยช้าไม่เด็ดขาด ขงจื่อมักจะสอนให้คิด สองครั้งก็พอ 22. หนิงอู่จื่อ มีนามว่าอวี๋ ขุนนางแคว้นเว่ย คำว่า “อู่” เป็นนามพระราชทานหลังจากถึงแก่กรรมไปแล้ว 23. บุคคลที่มีความสามารถ มักจะต้องสำแดงความสามารถนั้นออกมาให้ชาวโลกได้ประจักษ์ หากแต่น้อยคนนักที่จะสามารถอำพรางความสามารถนั้นด้วยความถ่อมตน สุภาพ ไม่เปิดเผยอวดดี 24. หลังจากขงจื่อต้องสัญจรเผยแพร่ธรรมยังแต่ละอว่นแคว้นเป็นเวลาหลายปี พบว่าเหล่าเจ้าแคว้นล้วนมิทรงนำพาในธรรมา ตอนนั้นท่านจึงเริ่มคิดถึงเหล่าลูกศิษย์ที่แคว้นหลู่ ท่านจึงได้กล่าวอุทานเช่นนี้ขึ้น 25. ป๋ออี้กับสูฉี เป็นพระโอรสของเจ้านครแห่งแคว้นกูจูในสมัยปลายราชวงศ์ซังโดยป๋ออี๋เป็นพระโอรสองค์โต ทรงมีพระทัยโอบอ้อมอารี ส่วนสูฉีเป็นพระโอรสองค์เล็ก ทรงมีสติปัญญญาเฉียบแหลม ดังนั้น พระบิดาจึงทรงแต่งตั้งให้สูฉีเป็นผู้สืบตำแหน่งเจ้าแคว้น แต่หลังจากพระบิดาได้เสด็จสวรรคตแล้ว ทั้งสองพระองค์ต่างยกตำแหน่งให้กันลกันเมื่อไม่อาจมีข้อยุติ ทั้งสองพระองค์จึงทรงหลบไปพึ่งพระบารมีแห่งโจวเหวินหวังในภายหลัง โจวอู่หวังซึ่งเป็นพระโอรสของโจวเหวินหวังได้ทรงกรีธาทัพออกปราบซังโจ้งหวัง ทั้งสอบพระองค์ต่างออกมากักรถห้ามปราม เพราะการโค่นราชวงค์ถือเป็นการผิดจารีตประเพณีอย่างรุนแรง แต่โจวอู่หวังก็มิทรงรับฟังและปราบซังโจ้วหวังตนแพ้พ่ายในที่สุด ป๋ออี๋กับสูฉีจึงทรงรู้สึกอัปยศที่ได้เสวยอาหารของแผ่นดินโจว ดังนั้นจึงทรงปลีกวิเวกและเก็บผักป่าประทังชีวิตไปวันๆ บนภูเขาโส่วหยางซัน ในภายหลังทั้งสองพระองค์ต่างอดอาหารจนสวรรคตที่นั้น 26. เหวยเชิงเกา มีนามว่าเกา แซ่เหวยเชิง เป็นชาวแคว้นหลู่ มีขื่อเสียงด้านความเที่ยงตรง 27. ขงจื่อมีความสามารถในการอ่านคนได้จากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อย่างกรณีมีคนมาขอยืมน้ำส้ม หากว่าเป็นคนตรงก็ควรพูดไปตรงๆ ว่าไม่มี ไฉนต้องโกหกว่ามีแล้วไปขอยืมจากผู้อื่นมาให้อีกทีหนึ่งด้วยเล่า?จากจุดนี้จึงเห็นได้ว่า เหวยเชิงเกามิใช่คนตรงตามที่ร่ำลือแต่อย่างใด 28. ตรงกับคำว่าตลบแตลงเสแสร้ง 29. ถ้อยคำหวาน ปั้นสีหน้า จรรยาเกิน หมายถึงลักษณะนิสัยของคนช่างประจบที่มักจะพูดคำหวานชวนเชื่อ หรือปั้นอิริยาหน้าตาให้ดูสง่าน่านับถือหรือมีจรรยามารมาทที่นบนอบจนเกินเหตุ 30. จั่วชิวหมิง นักประวัติศาสตร์ยุคชุนชิว เป็นชาวแคว้นหลู่ เคยดำรงตำแหน่งเจ้ากรมอาลักษณ์ ตาบอดทั้งสองข้าง กล่าวกันว่าเป็นผู้ประพันธ์ จั่วจ้วน และ กว๋ออวี่ 31. ตรงกับสุภาษิตไทยคือ หน้าไหวหลังหลอก หรือตรงกับสุภาษิตจีนคือ แฝงมีดในรอยยิ้ม

ขยายความเพิ่มเติม[แก้]

1. กงเหยี่ยฉาง มีนามว่า ฉาง แซ่กงเหยี่ย ศิษย์ขงจื่อ 2. หนังหยง มีนามว่าจวี้ แซ่หนันกง ฉายาจื่อหยง ศิษย์ขงจื่อ เป็นพี่ชายของเมิ่งอี้จื่อ เป็นบุตรชายแห่งเมิ่งสีจื่อ 3. พี่ชายต่างมารดาของขงจื่อ ชื่อว่าเมิ่งผี 4. มี่จื่อเจี้ยน มีนามว่าปู้ฉี แช่มี่ ฉายาจื่อเจี้ยน อายุอ่อนกว่า ขงจื่อ 49 ปี ศิษย์ขงจื่อ เคยเป็นนายอำเภอเมืองตันฟู่ เป็นผู้ที่มีปัญญาและมีความรักความเมตตาต่อประชาชน ดังนั้นขงจื่อจึงยกย่องมี่จื่อเจี้ยนว่าเป็นวิญญูชน 5. หูเหลียน เป็นภาชนะสำหรับใส่เครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษประเภทพืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นภาชนะที่สวยงามล้ำค่ามาก และการที่ขงจื่ออุปมาจื่อก้งให้เป็นภาชนะหูเหลียนนั้น ก็คือการชื่นชมในความสามารถอันโดดเด่นของจื่อก้งนั่นเอง 6. หยั่นนยง มีนามว่ายง แช๋หยั่น ฉายาจังกง ศิษย์ของจื่อ อายุอ่อนกว่าขงจื่อ 29ปี ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบปราชญ์แห่งสำนักขงจื่อในหมวดคุณธรรม 7. ซีเตียวไต มีนามว่า ไค แซ่ซีเตียว ฉายาจื่อไค ศิษย์ขงจื่อ อายุอ่อนกว่าขงจื่อ 11 ปี เป็นบุคคลที่มีความสมถะ ไม่ผักใฝ่ในลาภยศสรรเสริญ 8. กงซีฮว๋า มีนามว่า ซื่อ แซ่กงซี ฉายาจื่อฮว๋า ศิษย์ขงจื่อ อายุอ่อนกว่าขงจื่อ 42 ปี 9. เซินเฉง ฉายาจื่อโจว ศิษย์ขงจื่อ 10. ข่งเหวินจื่อ มีนามว่าอวี่ แซ่ข่ง เรียกอีกอย่างว่า จังสูอวี่ เป็นขุนนางแคว้นเว่ย เหวิน เป็นอิสริยนามที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งหลังจากถึงแก่กรรมแล้ว 11. เหวิน เป็นอิสริยนามที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งหลังจากได้ถึงแก่กรรมแล้วโดยคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งในสมัยราชวงศ์โจวมีดังนี้

  	1.ได้ชื่อว่าเป็นสดมภ์แห่งดินฟ้า
	2.มีคุณธรรมความรู้
	3.ใฝ่ถามขยันร่ำเรียน
	4.เมตตาประชาราษฏร์
	5.อารีราษฏร์สร้างสาธารณคุณ 
 	6.ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์

12. จื่อฉั่น มีนามว่าเฉียว แซ่กงซุน ฉายาจื่อฉั่น เป็นขุนนางผู้มีคุณธรรมของแคว้นเจิ้งในสมัยซุนชิว เป็นผู้ที่ใช้วิถีทางการทูตยกระดับแคว้นเจิ้งจากแคว้นอ่อนแอให้เป็นแคว้นที่สามนตรัฐให้การยกย่อง กิตติคุณของจื่อฉั่นได้ถูกสรรเสริญให้เป็นนักการเมืองและนักการทูตที่ปรีชาสามารถอย่างมากในสมัยนั้น 13. เยี่ยนผิงจังมีนามว่าอิง แซ่เยี่ยน ฉายาจัง เป็นขุนนางสามแผ่นดินแห่งแคว้นฉีเคยรับใช้ฉีหลิงกง ฉีจวงกง และฉี่จิ่งกง เป็นนักปฏิบัติที่มีความมัธยัสถ์สูงเป็นผู้ที่มีความรอบคอบในการกระทำและการเจรจา ถูกยกย่องให้เป็นอุปราชผู้ปราดเปรื่องในสมัยนั้น 14. จังเหวินจัง มีนามว่า เฉิน ฉายาจัง ขุนนางแคว้นหลู่ ได้รับพระราชทานอิสริยนาม “เหวิน” หลังจากได้ถึงแก่กรรม ในคัมภีร์จั่วจ้วนได้บันทึกคำวิจารณืของขงจื่อต่อจังเหวินจังว่ามี 3 อเมตตาและ 3 อปัญญา ดังมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 3 อเมตตา คือ

	1.ไม่ยอมแต่งตั้งนักปราชญ์หลิ่วเซี่ยฮุ่ย
	2.ปลด 6 ด่านสำคัญ
	3.ให้บริวารเย็บหลังคาใบจากแล้วขายแข่งกับชาวบ้าน 

3 อปัญญา 1.ปลูกเรื่อนกัศยป 2.ได้ตั้งป้ายบูชาบูรพกษัตริ์ยผิดตำแหน่งในมหาพิธี

	3.ถือนกยักษ์เป็นหงส์แล้วทำการบูชา

15. กัศยปหมายถึง เต๋า ในจีนโบราณ กระดองเต่าถือเป็นเครื่องรางที่ใช้สำหรับพยากรณ์อนาคต ดังนั้นจึงเป็นเครื่องสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะพระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่การที่จังเหวินจังปลูกเรือนกัศยปสะสะมกระดองเต่าทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาว่าเก็บกระดองเต่าไว้ใช้เป็นการส่วนตัว พฤติกรรมเช่นนี้จึงถือเป็นการหลอกลวงประชาชน ดังนั้นขงจื่อจึงวิจารณ์จังเหวินจังว่าไร้ปัญญา 16. เสาไม้ที่ตั้งบนขื่อไปจรดอกไก่ 17. จื่อเหวิน แซ่โต้ว เสนาบดีผู้มีชื่อเสียงของแคว้นฉู่ 18. ชุยจื่อ ขุนนางแว้นฉี 19. เฉินเหวินจื่อ มีนามว่าชวีอู่ แซ่เฉิน ขุนนางแคว้นฉี เหวิน เป็นอิสรยนามที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งหลังจากได้ถึงแก่กรรมแล้ว 20. จี้เหวินจื่อ มีนามว่าสิงผู่ ขุนนางแคว้นหลู่ เคยทำราชการรับใช้หลู่เหวินกง หลู่เชวียนกง หลู่เฉิงกง หลู่เชียงกง 21. สำหรับผู้บุ่มบ่าม ขงจื่อมักจะตักเตือนให้คิด สาม ครั้งให้รอบคอบแล้วค่อยทำ แต่สำหรับคนเฉื่อยช้าไม่เด็ดขาด ขงจื่อมักจะสอนให้คิด สองครั้งก็พอ 22. หนิงอู่จื่อ มีนามว่าอวี๋ ขุนนางแคว้นเว่ย คำว่า “อู่” เป็นนามพระราชทานหลังจากถึงแก่กรรมไปแล้ว 23. บุคคลที่มีความสามารถ มักจะต้องสำแดงความสามารถนั้นออกมาให้ชาวโลกได้ประจักษ์ หากแต่น้อยคนนักที่จะสามารถอำพรางความสามารถนั้นด้วยความถ่อมตน สุภาพ ไม่เปิดเผยอวดดี 24. หลังจากขงจื่อต้องสัญจรเผยแพร่ธรรมยังแต่ละอว่นแคว้นเป็นเวลาหลายปี พบว่าเหล่าเจ้าแคว้นล้วนมิทรงนำพาในธรรมา ตอนนั้นท่านจึงเริ่มคิดถึงเหล่าลูกศิษย์ที่แคว้นหลู่ ท่านจึงได้กล่าวอุทานเช่นนี้ขึ้น 25. ป๋ออี้กับสูฉี เป็นพระโอรสของเจ้านครแห่งแคว้นกูจูในสมัยปลายราชวงศ์ซังโดยป๋ออี๋เป็นพระโอรสองค์โต ทรงมีพระทัยโอบอ้อมอารี ส่วนสูฉีเป็นพระโอรสองค์เล็ก ทรงมีสติปัญญญาเฉียบแหลม ดังนั้น พระบิดาจึงทรงแต่งตั้งให้สูฉีเป็นผู้สืบตำแหน่งเจ้าแคว้น แต่หลังจากพระบิดาได้เสด็จสวรรคตแล้ว ทั้งสองพระองค์ต่างยกตำแหน่งให้กันลกันเมื่อไม่อาจมีข้อยุติ ทั้งสองพระองค์จึงทรงหลบไปพึ่งพระบารมีแห่งโจวเหวินหวังในภายหลัง โจวอู่หวังซึ่งเป็นพระโอรสของโจวเหวินหวังได้ทรงกรีธาทัพออกปราบซังโจ้งหวัง ทั้งสอบพระองค์ต่างออกมากักรถห้ามปราม เพราะการโค่นราชวงค์ถือเป็นการผิดจารีตประเพณีอย่างรุนแรง แต่โจวอู่หวังก็มิทรงรับฟังและปราบซังโจ้วหวังตนแพ้พ่ายในที่สุด ป๋ออี๋กับสูฉีจึงทรงรู้สึกอัปยศที่ได้เสวยอาหารของแผ่นดินโจว ดังนั้นจึงทรงปลีกวิเวกและเก็บผักป่าประทังชีวิตไปวันๆ บนภูเขาโส่วหยางซัน ในภายหลังทั้งสองพระองค์ต่างอดอาหารจนสวรรคตที่นั้น 26. เหวยเชิงเกา มีนามว่าเกา แซ่เหวยเชิง เป็นชาวแคว้นหลู่ มีขื่อเสียงด้านความเที่ยงตรง 27. ขงจื่อมีความสามารถในการอ่านคนได้จากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อย่างกรณีมีคนมาขอยืมน้ำส้ม หากว่าเป็นคนตรงก็ควรพูดไปตรงๆ ว่าไม่มี ไฉนต้องโกหกว่ามีแล้วไปขอยืมจากผู้อื่นมาให้อีกทีหนึ่งด้วยเล่า?จากจุดนี้จึงเห็นได้ว่า เหวยเชิงเกามิใช่คนตรงตามที่ร่ำลือแต่อย่างใด 28. ตรงกับคำว่าตลบแตลงเสแสร้ง 29. ถ้อยคำหวาน ปั้นสีหน้า จรรยาเกิน หมายถึงลักษณะนิสัยของคนช่างประจบที่มักจะพูดคำหวานชวนเชื่อ หรือปั้นอิริยาหน้าตาให้ดูสง่าน่านับถือหรือมีจรรยามารมาทที่นบนอบจนเกินเหตุ 30. จั่วชิวหมิง นักประวัติศาสตร์ยุคชุนชิว เป็นชาวแคว้นหลู่ เคยดำรงตำแหน่งเจ้ากรมอาลักษณ์ ตาบอดทั้งสองข้าง กล่าวกันว่าเป็นผู้ประพันธ์ จั่วจ้วน และ กว๋ออวี่ 31. ตรงกับสุภาษิตไทยคือ หน้าไหวหลังหลอก หรือตรงกับสุภาษิตจีนคือ แฝงมีดในรอยยิ้ม