ข้ามไปเนื้อหา

คฤหาสน์โวเบิร์น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี)
คฤหาสน์โวเบิร์น
Woburn Abbey
คฤหาสน์โวเบิร์น
แผนที่
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทคฤหาสน์ชนบท
เมืองโวเบิร์น, มณฑลเบดฟอร์ดเชอร์
ประเทศอังกฤษ, สหราชอาณาจักร
พิกัด51°59′13.98″N 0°36′22.85″W / 51.9872167°N 0.6063472°W / 51.9872167; -0.6063472
เริ่มสร้างค.ศ. 1145 - สถาปนาเป็นแอบบีย์
ปรับปรุงค.ศ. 1744
เว็บไซต์
เว็บไซต์ของคฤหาสน์โวเบิร์น
สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ ระดับ 1

คฤหาสน์โวเบิร์น หรือ คฤหาสน์วูเบิร์น (อังกฤษ: Woburn Abbey) เป็นคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านโวเบิร์น (หรือวูเบิร์น) ในเทศมณฑลเบดฟอร์ดเชอร์ในสหราชอาณาจักร โวเบิร์นเป็นที่ตั้งของดยุคแห่งเบดฟอร์ดและเป็นที่ตั้งของอุทยานซาฟารีเบดฟอร์ด

ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20

[แก้]

คฤหาสน์โวเบิร์นประกอบด้วย "อุทยานโวเบิร์น" และตัวสิ่งก่อสร้างที่เดิมเป็นแอบบีย์ซิสเตอร์เชียนที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1145 [1] ในปี ค.ศ. 1547 สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงยึดแอบบีย์โวเบิร์น และนำไปมอบให้แก่จอห์น รัสเซลล์ เอิร์ลแห่งเบดฟอร์ดที่ 1 ซึ่งทำให้โวเบิร์นกลายเป็นที่ตั้งของตระกูลรัสเซลล์และดยุคแห่งเบดฟอร์ด แอบบีย์ส่วนใหญ่ได้รับการสร้างใหม่ ในปี ค.ศ. 1744[1]โดยสถาปนิกเฮนรี ฟลิทครอฟท์ และ เฮนรี ฮอลแลนด์ให้แก่จอห์น รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 4 แอนนา รัสเซลล์ ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ดภรรยาของฟรานซิส รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 7 ได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่มอาหารว่างมื้อบ่ายที่กลายมาเป็นประเพณีการดื่มชา ราว ค.ศ. 1800 เพื่อเป็นแก้หิวระหว่างคอยอาหารค่ำ ซึ่งก็ยังประเพณีที่ปฏิบัติกันอยู่บ้างในปัจจุบัน

ค.ศ. 1945 ถึง ค.ศ. 1970s

[แก้]
ผังของโวเบิร์นก่อนที่จะถูกทำลายไปบางส่วน
ด้านตะวันออกของคฤหาสน์โวเบิร์นมองจากลานกลางเดิม

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็พบรอยไม้ผุที่ทำให้ต้องรื้อคฤหาสน์ลงครึ่งหนึ่ง เมื่อเฮสติงส์ วิลเลียม แซ็ควิลล์ รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 12 เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1953 บุตรชายจอห์น โรเบิร์ต รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 13 ผู้ประสบกับภาษีมรดกจำนวนมหาศาลสำหรับบ้านที่ถูกรื้อไปครึ่งหนึ่งและอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม แต่แทนที่จะยกคฤหาสน์ให้แก่องค์การเพื่อการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญและความสวยงามแห่งชาติ หรือ องค์การอนุรักษ์แห่งชาติ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดก็หาทางนำเงินมาช่วยในทำนุบำรุงและรักษาคฤหาสน์โดยการเปิดคฤหาสน์ให้สาธารณชนเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 เมื่อกลายเป็นนิยมทางคฤหาสน์ก็เพิ่มสิ่งต่างๆ ขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่รวมทั้งอุทยานซาฟารีเบดฟอร์ดที่เปิดขึ้นในปี ค.ศ. 1970

คริสต์ทศวรรษ 1970 ถึง ค.ศ. 2003

[แก้]

ในปี ค.ศ. 1975 จอห์น โรเบิร์ต รัสเซลล์ย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่มอนติคาร์โล[2] โรบินบุตรชายผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นมาร์ควิสแห่งทาวิสต็อค (Marquess of Tavistock) และภรรยามาร์ชอนเนสแห่งทาวิสต็อคจึงดำเนินการบริหารคฤหาสน์โวเบิร์นต่อแทนบิดา

ระหว่างปี ค.ศ. 1999 ถึงปี ค.ศ. 2002 บีบีซีสร้างรายการต่อเนื่องสามชุดทั้งหมด 29 ตอนโดยการติดตามรายละเอียดชีวิตประจำวันที่เกี่ยวกับการบริหารและการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคฤหาสน์โวเบิร์นโดยมีมาร์ควิสและมาร์ชอนเนสเองเป็นผู้แสดงและบรรยาย

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2002 เมื่อดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 13 เสียชีวิตลง มาร์ควิสแห่งทาวิสต็อคก็ได้รับบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดาเป็นโรบิน รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 14 แต่โรบินดำรงบรรดาศักดิ์อยู่ได้เพียงไม่ถึงปีก็มาเสียชีวิตในเดือนมิถุนายนปีต่อมา

ค.ศ. 2003 จนถึงปัจจุบัน

[แก้]

หลังจากการเสียชีวิตของดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 14 บุตรชายคนโตผู้ได้รับบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดาเป็นแอนดรู เอียน เฮนรี รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 15 จึงเป็นผู้ดำเนินการบริหารคฤหาสน์ต่อจากบิดา

"คฤหาสน์โวเบิร์น" ที่เป็นสิ่งก่อสร้างสิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ ระดับ 1 ในปัจจุบันเป็นขององค์การอนุรักษ์แห่งชาติแห่งอังกฤษ

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Woburn, England - LoveToKnow 1911" (HTML). Encyclopædia Britannica Eleventh Edition. Encyclopædia Britannica. 2005-12-15. สืบค้นเมื่อ 2008-10-06.
  2. "The Duchess of Bedford" by Nicole Nobody

ดูเพิ่ม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ คฤหาสน์โวเบิร์น