ข้ามไปเนื้อหา

กะทือ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

กะทือ
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ แก้ไขการจำแนกนี้
โดเมน: ยูแคริโอต
Eukaryota
อาณาจักร: พืช
Plantae
เคลด: พืชมีท่อลำเลียง
Tracheophytes
เคลด: พืชดอก
Angiosperms
เคลด: พืชใบเลี้ยงเดี่ยว
Monocots
เคลด: Commelinids
Commelinids
อันดับ: ขิง
Zingiberales
วงศ์: วงศ์ขิง
Zingiberaceae
สกุล: สกุลขิง
Zingiber
(L.) Roscoe ex Sm.
สปีชีส์: Zingiber zerumbet
ชื่อทวินาม
Zingiber zerumbet
(L.) Roscoe ex Sm.
ชื่อพ้อง[1]
  • Amomum silvestre Poir.
  • Amomum spurium (J.Koenig) J.F.Gmel.
  • Amomum sylvestre Lam. [Illegitimate]
  • Amomum zerumbet L.
  • Cardamomum spurium (J.Koenig) Kuntze
  • Dieterichia lampujang Giseke
  • Dieterichia lampuyang Giseke
  • Dieterichia major Raeusch.
  • Dieterichia minor Raeusch.
  • Dieterichia spuria (J.Koenig) Giseke
  • Zerumbet zingiber T.Lestib.
  • Zingiber amaricans Blume
  • Zingiber aromaticum Valeton
  • Zingiber blancoi Hassk.
  • Zingiber darceyi H.J.Veitch
  • Zingiber littorale (Valeton) Valeton
  • Zingiber ovoideum Blume
  • Zingiber spurium J.Koenig
  • Zingiber sylvestre Garsault [Invalid]
  • Zingiber truncatum Stokes
  • Zingiber zerumbet var. littoralis Valeton
  • Zingiber zerumbet var. magnum Elmer
  • Zingiber zerumbet subsp. Zerumbet

กะทือ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Zingiber zerumbet) หรือชื่ออื่น ๆ เช่น กะทือป่า กะแวน กะแอน แสมดำ (เหนือ) เฮียงแดง (แม่ฮ่องสอน) เป็นไม้ล้มลุก สูง 0.5–1 เมตร มีเหง้าใต้ดิน เปลือกนอกของเหง้าสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอม แทงหน่อใหม่เมื่อถึงฤดูฝน ใบเดี่ยวเรียงสลับและเป็นรูปหอกแกมขอบขนาน กว้าง 5–10 ซม. ยาว 15–30 ซม. ด้านล่างของใบมักมีขนนุ่ม ดอกช่อแทงจากเหง้า กลีบดอกสีขาวนวล ใบประดับขนาดใหญ่สีแดง ผลเป็นผลแห้ง ติดอยู่ในใบประดับ มีเนื้อสีขาวบางหุ้มเมล็ด

ในจังหวัดกาญจนบุรี นำส่วนดอกและเหง้าใช้รับประทานเป็นผัก หรือใส่ในน้ำพริก[2] ทางภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน นำเหง้าไปแกงกับปลาย่าง[3]

การกระจายพันธุ์และประวัติ

[แก้]

กะทือมีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อนและภูมิภาคออสตราเลเชีย โดยชนิดย่อย Zingiber zerumbet subsp. cochinchinense (Gagnep.) Triboun & K.Larsen (เดิมคือ Z. cochinchinense) พบในเวียดนาม[4]

มีการค้นพบซากของกะทือในแหล่งโบราณคดี ที่ลุ่มน้ำขังกุก (Kuk Swamp) ในปาปัวนิวกินี ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 10,220 ถึง 9,910 ปีก่อนปัจจุบัน อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่ากะทือได้รับการเพาะปลูก หรือใช้ประโยชน์โดยนำมาจากป่าเท่านั้น หลักฐานแรกสุดของการเพาะปลูกกะทือมาจากชาวออสโตรนีเซียนเช่นเดียวกับขิง ซึ่งนำหัวกะทือไปด้วยในการเดินทางด้วยเรือแคนูไปยังพื้นที่ห่างไกลของภูมิภาคโอเชียเนีย ระหว่างช่วงเวลาการขยายตัวของชาวออสโตรนีเซียน (ประมาณ 5,000 ปีก่อนปัจจุบัน)[5][6][7]

ส่วนที่ใช้เป็นยา

[แก้]

หัวกะทือนำมาฝนใช้ทาแก้เคล็ดขัดยอก[8] เหง้าสดขนาดเท่าหัวแม่มือ 2 หัว ย่างไฟ พอสุกตำกับน้ำปูนใส คั้นเอาน้ำดื่ม เพื่อขับลม แก้ปวดมวนแน่นท้อง แก้บิด บำรุงน้ำนม

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Zingiber zerumbet (L.) Roscoe ex Sm". The Plant List. 2013.
  2. รุ่งรัตน์ เอียดแก้ว; วุฒิพล หัวเมืองแก้ว; อภิชาต ภัทรธรรม (กรกฎาคม–กันยายน 2012). "การใช้ประโยชน์จากของป่าของราษฎรตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี" (PDF). วารสารวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 40 (3): 992–1001. ISSN 0125-2364.
  3. เมฆาณี จงบุญเจือ; สมพิศ คลี่ขยาย (2013). อาหารปักษ์ใต้ บาบ๋า ย่าหยาในอันดามัน. กรุงเทพฯ: เศรษฐศิลป์. ISBN 978-616-7376-61-5.
  4. "Zingiber zerumbet subsp. cochinchinense (Gagnep.) Triboun & K.Larsen". The Plant List. 2013.
  5. Allaby, Robin (2007). "Origins of Plant Exploitation in Near Oceania: A Review". ใน Friedlaender, Jonathan S. (บ.ก.). Genes, Language, & Culture History in the Southwest Pacific. Human Evolution Series. Oxford University Press. p. 191. ISBN 978-0-19-804108-5.
  6. Lynch, John (2002). "Potent Roots and the Origin of kava". Oceanic Linguistics. 41 (2): 493–513. doi:10.1353/ol.2002.0010. S2CID 145424062.
  7. McClatchey, W. (1993). "Traditional use of Curcuma longa (Zingiberaceae) in Rotuma". Economic Botany. 47 (3): 291–296. doi:10.1007/bf02862297. S2CID 20513984.
  8. มัณฑนา นวลเจริญ (2009). มนธิดา สีตะธนี (บ.ก.). พรรณไม้ป่าชายหาด. ปทุมธานี: สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. p. 6. ISBN 978-616-12-0030-5.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]