ข้ามไปเนื้อหา

โซเอ ซัลดัญญา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก โซเอ ซาลดานา)
โซเอ ซัลดัญญา
ซัลดัญญาในปี 2022
เกิดโซเอ ยาดิรา ซัลดัญญา-นาซาริโอ[1]
(1978-06-19) 19 มิถุนายน ค.ศ. 1978 (46 ปี)
พัสเซอิก รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ
อาชีพนักแสดง
ปีปฏิบัติงาน1999–ปัจจุบัน
คู่สมรสมาร์โก เปเรโก (สมรส 2013)
คู่รัก
บุตร3 คน

โซเอ ยาดิรา ซัลดัญญา-เปเรโก (สเปน: Zoë Yadira Saldaña-Perego,[2] สกุลเดิม: ซัลดัญญา นาซาริโอ; เกิด 19 มิถุนายน ค.ศ. 1978) เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักจากผลงานในภาพยนตร์แฟรนไชส์บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ เธอได้แสดงในภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลถึง 4 เรื่อง ได้แก่ อวตาร, อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ, อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล และ อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก ภาพยนตร์ที่เธอแสดงทำเงินรวมทุกเรื่องได้มากกว่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก ในปี 2024 เธอกลายเป็นนักแสดงภาพยนตร์หญิงที่ทำรายได้สูงสุด[3][4] ทั้งนี้ นิตยสาร ไทม์ ยกให้เธอเป็นหนึ่งใน 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2023 ด้วย[5]

หลังจากฝึกฝนเป็นนักเต้น ซัลดัญญาได้เริ่มแสดงเมื่อปี 1999 ในละครชุดเรื่อง ลอว์แอนด์ออร์เดอร์ จำนวนสองตอน ต่อมาเธอได้แสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่อง ฟลอร์รัก เวทีร้อน (2000) โดยแสดงเป็นนักเต้นบัลเลต์ ในช่วงต้นอาชีพ เธอยังได้รับการยอมรับจากผลงานที่ประกบกับบริตนีย์ สเปียส์ ในภาพยนตร์เรื่อง ครอสโรดส์ แสบ ซ่า ใส ไล่หารัก (2002) นับตั้งแต่ปี 2009 ซัลดัญญาประสบความสำเร็จในอาชีพการงานจากการแสดงเป็นนีโอตา อูฮูรา ในภาพยนตร์ชุด สตาร์ เทรค และเนย์ทีรี ในภาพยนตร์ชุด อวตาร ของเจมส์ แคเมรอน เธอยังแสดงเป็นกาโมราในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล นับตั้งแต่ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล (2014) ไปจนถึง รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3 (2023)[6] นอกจากผลงานแฟรนไชส์แล้ว ซัลดัญญายังแสดงในภาพยนตร์บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์เรื่อง ย้อนเวลาหาอดัม และละครชุดขนาดสั้นแนวโรแมนติกดรามาเรื่อง เริ่มจากศูนย์ ซึ่งทั้งสองเรื่องเข้าฉายทางเน็ตฟลิกซ์ในปี 2022 ต่อมาในปี 2023 เธอรับบทนำเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอในซีรีส์แนวสายลับทางช่องพาราเมาต์+ เรื่อง สเปเชียลออปส์: ไลออนเนส

ชีวิตช่วงแรก

[แก้]

โซเอ ยาดิรา ซัลดัญญา นาซาริโอ เกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1978 ที่เมืองพัสเซอิก รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ[7] บิดาของเธอ อาริดิโอ ซัลดัญญา เป็นชาวโดมินิกัน[8][9] ส่วนมารดาของเธอ อาซาเลีย นาซาริโอ เป็นชาวโดมินิกันที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวปวยร์โตรีโก ในวัยเด็ก ซัลดัญญาอาศัยอยู่กับมารดาที่สาธารณรัฐโดมินิกัน แต่พวกเขาอพยพไปรัฐนิวยอร์กเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายทางการเมือง[ต้องการอ้างอิง] ในบทสัมภาษณ์กับนิตยสาร ไวร์ด (Wired) ซัลดัญญากล่าวว่า เธอมีเชื้อสายโดมินิกันสามในสี่และเชื้อสายปวยร์โตรีโกหนึ่งในสี่[10][11][12]

ซัลดัญญามีพี่สาวชื่อ มาเรียล และน้องสาวชื่อ ไซส์ลี ซึ่งพวกเธอได้รับการเลี้ยงดูแบบสองภาษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาสเปน โดยภาษาสเปนถือเป็นภาษาหลักที่ใช้พูดคุยกันในครอบครัว ทั้งนี้ ตลอดช่วงปฐมวัยของเธอใช้เวลาอยู่ในแจ็กสันไฮตส์ ควีนส์ ในนครนิวยอร์ก[13]

บิดาของพวกเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อซัลดัญญาอายุได้เก้าขวบ มารดาของเธอส่งลูกสาวทั้งสามคนกลับไปที่สาธารณรัฐโดมินิกัน เพื่อให้ครอบครัวฝั่งบิดาผู้ล่วงลับช่วยเลี้ยงดู โดยมารดาของเธอยังคงอยู่ในนครนิวยอร์กเพื่อหารายได้สำหรับจ่ายค่าเล่าเรียนให้กับลูก ๆ ของเธอในโรงเรียนเอกชน[7] อาซาเลีย ผู้เป็นแม่ม่ายนั้น สมรสใหม่กับดาโกเบร์โต กาลัน ผู้กลายเป็นบิดาบุญธรรมของเด็ก ๆ ทั้งสามคน โดยพวกเธอถือว่า เขาเป็นเสมือนพ่ออีกคนโดยสมบูรณ์[14][15][9]

การทำงาน

[แก้]

จุดเริ่มต้น

[แก้]
ซัลดัญญาที่รางวัลความก้าวหน้าประจำปีของนิตยสารฮอลลีวูดไลฟ์ ในปี 2007

ซัลดัญญาเป็นสมาชิก Faces หลังเปิดตัวในตอนหนึ่งของลอว์แอนด์ออร์เดอร์ (ตอน "Refuge, Part 2") ในปี 1999[16] บทบาทภาพยนต์แรกของเธอคือ ฟลอร์รัก เวทีร้อน (2000) กำกับโดยนิโคลัส ไฮต์เนอร์ เธอปรากฏตัวในยานพาหนะของบริตนีย์ สเปียส์ใน ครอสโรดส์ แสบ ซ่า ใส ไล่หารัก (2002) ภาพยนตร์ได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบ แต่ประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศ[17][18] ซัลดัญญาแสดงนำในภาพยนตร์คอมเมดี-ดรามา Drumline (2002) ร่วมกับนิก แคนนอน ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์ผสม[19][20]

ในคืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก (2003) เธอรับบทเป็น Anamaria โจรสลัดที่เข้าร่วมกับวิลล์ เทอร์เนอร์และ Mr. Gibbs เพื่อหาโอกาสในการเผชิญหน้าแจ็ก สแปร์โรว์ในเรื่องการขโมยเนือของเธอ ซาลแดนาปรากฏตัวในด้วยรักและมิตรภาพรับบทเป็น Dolores Torres เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และแฟน สตาร์ เทรค บทบาทนี้มีส่วนช่วยให้เธอแสดงในภาพยนตร์รีบูต สตาร์ เทรค (2009)[21]

ใน ค.ศ. 2005 ซัลดัญญาปรากฏในเรื่อง Constellation, เกส ฮู ใครเอ่ย...เขยหนุ่มเด็กแนว ร่วมกับแอชตัน คุชเชอร์ และ Dirty Deeds เธอแสดงนำในภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี-ดรามาเรื่องPremium (2006) และ ภาษารักไม่จำกัดนิยาม (2007)[22] ซาลแดนาแสดงนำในBlackout ภาพยนตร์โทรทัศน์ที่มาฉากในนครนิวยอร์กในช่วงเหตุไฟฟ้าดับทางตะวันออกเฉียงเหนือ ค.ศ. 2003 ภาพยนตร์นี้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์ซือริชใน ค.ศ. 2007[23] และเปิดตัวใน BET เมื่อ ค.ศ. 2008[24] ซัลแดนารับบทนักแสดงเสริมเป็น Angie Jones ในภาพยนตร์ทริลเลอร์แอกชัน แวนเทจ พอยต์ เสี้ยววินาทีสังหาร (2008)[25]

ก้าวหน้าด้วยบทบาทแฟรนไชส์

[แก้]
ซาลแดนาในงานงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 82 เมื่อ ค.ศ. 2010

ซาลแดนาปรากฎตัวในสองบทบาทเมื่อ ค.ศ. 2009 ทำให้เธอมีชื่อเสียงขึ้นอย่างมาก[26] เธอรับบทเป็นนิโอตา อูฮูราใน สตาร์ เทรค สงครามพิฆาตจักรวาล[27] เจ.เจ. แอบรัมส์ ผู้กำกับภาพยนตร์นี้ ขอให้ซัลแดนาเล่นบทบาทนี้เนื่องจากตัวเธอชอบงานของเธอ เธอพบกับนิเชลล์ นิโคลส์เพื่อทำความเข้าใจการสร้างภูมิหลังและชื่อตัวละครของอูฮูรา[28] แม่ของซัลแดนาเป็นแฟนครับ สตาร์ เทรค โดยฝากข้อความเสียงในระหว่างการถ่ายทำ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับบทบาท[29] เมื่อ 5 ปีก่อนในตอนที่สตีเวน สปีลเบิร์กกำกับเธอในเรื่อง ด้วยรักและมิตรภาพ เขาสอนให้เธอทำท่า Vulcan salute[21] สตาร์ เทรค (2009) ประสบความสำเร็จในรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศที่ 385.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[30]

ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงเรื่องที่สองของซาลแดนาใน ค.ศ. 2009 คือ อวตาร ที่เธอรับบทเป็นเนย์ทีรี อวตารได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักวิจารณ์ โดยรวมคะแนนชื่นชอบจากรอตเทนโทเมโทส์ที่ 83%[31] เก็บรายได้ทั่วโลกไป 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีรายได้มากที่สุดตลอดกาล[32] และยังเป็นภาพยนตร์แรกที่เก็บรายได้มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก[33] ภาพยนตร์นี้เข้าชิงรางวัลแซทเทิร์น 10 สาขา และชนะทั้งหมดในงานรางวัลแซทเทิร์น ครั้งที่ 36 โดยรางวัลแซทเทิร์น สาขานักแสดงหญิงดีเด่นของซาลแดนาสำหรับตัวละครที่ใช้ซีจีทั้งหมด เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็น[34]

2016–ปัจจุบัน

[แก้]

ชีวิตส่วนตัว

[แก้]
ซาลแดนาขณะตั้งครรภ์ภายในงานอัลมาอะวอร์ด 2014

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 ซาลแดนาได้หมั้นกับคีธ บริตตัน นักแสดงและผู้บริหารของมายแฟชันดาตาเบส (My Fashion Database)[35] ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 เธอกับบริตตันได้ประกาศยุติความสัมพันธ์หลังจากคบหากันนานกว่าสิบเอ็ดปี[36] จากนั้นซาลแดนาเริ่มคบหากับแบรดลีย์ คูเปอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน ตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 2011 จนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2013[37]

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 ซาลแดนาเริ่มคบหากับมาร์โก เปเรโก ศิลปินชาวอิตาลี ทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 ในกรุงลอนดอน[38][39] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 ซาลแดนาเปิดเผยว่า เปเรโกได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของเธอหลังจากสมรสกัน[40][41] โดยที่เธอเปลี่ยนเป็น โซเอ ซัลดัญญา-เปเรโก ในขณะที่เขาเปลี่ยนเป็น มาร์โก เปเรโก-ซัลดัญญา[42] ซาลแดนากับเปเรโกมีบุตรชายด้วยกันสามคน เป็นฝาแฝดสองคนชื่อ ไซ อารีดีโอ และโบอี เอซีโอ เกิดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014[43] ส่วนคนที่สามชื่อ เซน เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017[44][45] ซาลแดนากล่าวว่าบุตรของเธอสามารถพูดได้หลายภาษา เพราะเธอและสามีจะพูดภาษาสเปน ภาษาอิตาลี และภาษาอังกฤษ ในขณะอยู่กับพวกเขา[46]

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013 ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ ดิอีดิต ของเน็ต-อะ-พอร์เตอร์ ซาลแดนาเผยว่าเธอเป็นโรคต่อมไทรอยด์อักเสบฮาชิโมโตะ อันเป็นโรคภูมิต้านตนเอง ซึ่งแม่และน้องสาวของเธอก็เป็นโรคดังกล่าวด้วยเช่นกัน เพื่อสู้กับผลกระทบของโรคนี้ ซาลแดนากล่าวว่า เธอและสามียึดตนเองเป็นผู้รับประทานอาหารที่ปราศจากกลูเตนและนม[47] นอกจากนี้ ซาลแดนายังสนับสนุนเอฟไอเอ็นซีเออินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นองค์การระบบการเงินในระดับจุลภาค[48] ใน ค.ศ. 2017 ซาลแดนาได้ก่อตั้งบีอีเอสอี ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสื่อดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อ "ต่อสู้กับการขาดความหลากหลายในสื่อกระแสหลัก" พร้อมกับให้ความสนใจเรื่องราวเชิงบวกภายในชุมชนลาติน[49] ใน ค.ศ. 2020 ซาลแดนาใช้โซเชียลมีเดียของเธอเพื่อเข้าร่วมโหวตไรเดอส์ #IDCheck Challenge เพื่อช่วยกระจายข่าวเกี่ยวกับข้อกำหนดของบัตรประจำตัวผู้มีสิทธิเลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนั้น[50]

ผลงานการแสดง

[แก้]

ภาพยนตร์

[แก้]

ละครโทรทัศน์

[แก้]

รางวัลและการเสนอชื่อเข้าชิง

[แก้]

เชิงอรรถ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Howell, Peter (December 15, 2009). "For Avatar, Star Trek actress Saldaña, a very good year". Toronto Star. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 14, 2013. สืบค้นเมื่อ May 28, 2019. Zoë Saldaña [...] appreciates anyone remembering the umlaut over the 'e' in her first name. She doesn't insist upon it—she is accustomed to writers leaving it out—but this courtesy indicates to her somebody cares about the details. 'I really like the umlaut!'
  2. "The Teenage Women Changing the Face of Boxing." YouTube, uploaded by Great Big Story, 2012, Video ที่ยูทูบ.
  3. "Highest-Grossing Actresses of All Time" (ภาษาอังกฤษ). www.workandmoney.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2023. สืบค้นเมื่อ January 23, 2023.
  4. Eclarinal, Aeron Mer (January 22, 2023). "Zoe Saldana Sets Historic Box Office Milestone That No Actor Has Ever Achieved". The Direct (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2023. สืบค้นเมื่อ January 23, 2023.
  5. "Time 100". Time. April 13, 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 13, 2023. สืบค้นเมื่อ April 13, 2023.
  6. Shattuck, Kathryn (May 4, 2017). "Zoe Saldaña, Sci-fi Queen, on the 'Guardians' Sequel". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 11, 2019. สืบค้นเมื่อ June 25, 2019.
  7. 7.0 7.1 Brady, Tara (August 1, 2014). "Zoe Saldaña: 'I loved Star Trek. I learned later it was unorthodox for women to be obsessed with science fiction". TheIrishTimes.com. The Irish Times Ltd. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 8, 2022. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017. Zoe Yadira Saldaña Nazario was born in New Jersey and raised in New York city. At the age of nine, her father was killed in a vehicle crash. Saldaña and her two sisters were sent to live with their late father's family in the Dominican Republic. Their Dominican mother remained in New York City to earn money to pay for private school for her daughters. This was a culture shift for someone raised speaking Spanish at home.
  8. Polowy, Kevin (August 6, 2020). "Zoë Saldaña tearfully apologises for controversial role as Nina Simone". Yahoo!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 11, 2021. สืบค้นเมื่อ April 11, 2021.
  9. 9.0 9.1 Lamb, Valerie; Dundes, Lauren, บ.ก. (2017). "Not Haitian: Exploring the Roots of Dominican Identity". Social Sciences. MDPI. 6 (4): 132. doi:10.3390/socsci6040132.
  10. Dowd, Kathy Ehrich (November 3, 2015). "Zoë Saldana on the Rise of Latino Culture in America: 'We're Gonna Do Great and Better Things for Your Country'". People. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2016. สืบค้นเมื่อ 25 July 2023.
  11. Velasquez, Shirley (3 November 2015). "Zoe Saldana Is Latina Magazine's December 2015/January 2016 Cover Star!". Latina. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 November 2015. สืบค้นเมื่อ 25 July 2023.
  12. "The Official Website of Zoe Saldaña – Biography". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2010. สืบค้นเมื่อ October 10, 2010.
  13. "Zoe Saldaña Biography Actress, Model (1978–)". The Biography Channel (FYI / A&E Networks). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 6, 2017. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  14. Hernandez, Lee (June 17, 2012). "Father's Day: Zoe Saldaña's Special Message To Her Dad (EXCLUSIVE)". HuffPost (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 19, 2017. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  15. Polowy, Kevin, บ.ก. (August 6, 2020). "Zoë Saldaña tearfully apologises for controversial role as Nina Simone". Yahoo!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 11, 2021. สืบค้นเมื่อ April 11, 2021.
  16. "Refuge, Part 2". Law & Order. ฤดูกาล 9. ตอน 24. May 26, 1999. NBC.
  17. "Britney Spears – Crossroads". Metacritic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 9, 2017. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  18. "Crossroads Daily Chart View". Box Office Mojo. February 15, 2002. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 27, 2017. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  19. Ebert, Roger. "Drumline Movie Review & Film Summary (2002)". Roger Ebert. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 21, 2019. สืบค้นเมื่อ March 21, 2019.
  20. Scott, A. O. (December 13, 2002). "FILM REVIEW; A Rousing Halftime Show Bigger Than the Game". The New York Times. ISSN 0362-4331. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 21, 2019. สืบค้นเมื่อ March 21, 2019.
  21. 21.0 21.1 "Actress Zoe Saldaña's Star Turn". Women's Health. April 13, 2009. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2016. สืบค้นเมื่อ September 10, 2016.
  22. Powell, Ahna (2011). Mila Kunis: A Woman of Talent, Beauty and Passion: the Multifaceted Actress. GD Publishing. p. 5. ISBN 978-1-61323-021-3.[ลิงก์เสีย]
  23. "Blackout - Movies". Zurich Film Festival. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 28, 2016. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  24. Gilbert, Matthew (February 2, 2008). "'Blackout' has some bright moments". The Boston Globe. The New York Times Company. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 17, 2017. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  25. Travis, Pete (Director). (2008). Vantage Point [Motion picture]. United States: Columbia Pictures.
  26. "Zoe Saldaña Biography - Yahoo! Movies". Yahoo!. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 15, 2012. สืบค้นเมื่อ October 9, 2011.
  27. "Zoë Saldaña Cast in J.J. Abrams' "Star Trek" movie". Startrek.com. March 2, 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 21, 2008. สืบค้นเมื่อ July 4, 2008.
  28. Morales, Wilson (January 25, 2008). "Zoe Saldaña sheds light on playing 'Uhura'". Blackfilm.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 1, 2008. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  29. Carroll, Larry (April 21, 2009). "New 'Star Trek' Cast Took Cues From The Classic Series". MTV (Viacom). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 27, 2017. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  30. "Star Trek (2009)". Box Office Mojo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 13, 2010. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  31. "Avatar". Rotten Tomatoes. Flixster. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2010. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  32. "All Time Worldwide Box Office Grosses". Box Office Mojo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 1, 2002. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  33. "'Avatar' Wins Box Office, Nears Domestic Record". WRC-TV. February 1, 2010. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 27, 2017. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  34. "Saturn Awards open Pandora's box". Variety. June 24, 2010. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 17, 2014. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  35. Staff, Us Weekly (2010-06-30). "Rep: Avatar's Zoe Saldana Is Engaged!". Us Weekly (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  36. Staff, Us Weekly (2011-11-12). "Zoe Saldana, Fiance Split After 11 Years Together". Us Weekly (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  37. "Bradley Cooper, Zoe Saldana Split: Report". Peoplemag (ภาษาอังกฤษ).
  38. Webber, Stephanie (2013-09-11). "Zoe Saldana Marries Marco Perego in Secret Wedding Ceremony!". Us Weekly (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  39. "Zoë Saldana Marries Marco Perego". Peoplemag (ภาษาอังกฤษ).
  40. "Zoe Saldana's Husband Takes Her Name, Doesn't Care What You Think". HuffPost (ภาษาอังกฤษ). 2015-06-08.
  41. "Zoe Saldana (@zoesaldana) on Instagram | Ghostarchive". ghostarchive.org.
  42. Saldaña on Jimmy Kimmel Live!, June 11, 2015, cited in Boardman, Madeline (June 12, 2015). "Zoe Saldaña "Was a Gentleman" and Put Marco Perego First in Their Kids' Names". Us Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 5, 2017. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017. We hyphened, I'm Saldaña-Perego and he's Perego-Saldaña. I was a gentleman and I allowed the boys to be Perego-Saldaña. I'm, like, 'Your name, like, needs to go, like, first'. But 'no', it was his decision!
  43. Leon, Anya; Garcia, Jennifer (January 2, 2015). "Zoë Saldaña Welcomes Twin Sons Cy Aridio and Bowie Ezio". People. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 9, 2018. สืบค้นเมื่อ February 2, 2019.
  44. Mizoguchi, Karen (February 18, 2017). "Zoë Saldaña Welcomes Third Child — Find Out His Unique Name". People. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 19, 2017. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  45. Saldaña, Zoe (February 18, 2017). "Marco and I are elated to share the news of the birth of our son Zen". Zoe Saldaña verified Instagram account. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2021. สืบค้นเมื่อ December 27, 2017.
  46. "Zoe Saldana Says Her Twins Will Be Bilingual and Reveals the Most Essential Quality for a Good Sex Life". E! Online. 2014-08-06.
  47. France, Lisa Respers (2016-07-21). "Zoe Saldana has Hashimoto's thyroiditis". CNN (ภาษาอังกฤษ).
  48. "Video Resources - FINCA". web.archive.org. 2011-07-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-12. สืบค้นเมื่อ 2024-03-31.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  49. "Zoe Saldana: 'When I grew up, representation for Americans that looked like me was non-existent'". Harper's BAZAAR (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2019-05-16.
  50. "Rory O'Malley, Amy Schumer, Elizabeth Banks and More Participate in VoteRiders #IDCheck Challenge". BroadwayWorld.com. September 25, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 21, 2021. สืบค้นเมื่อ October 5, 2020.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]