เดอะคิงออฟไฟเทอส์ XIII

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เดอะคิงออฟไฟเทอส์ XIII
ผู้พัฒนาSNK Playmore
ผู้จัดจำหน่าย
ชุด
เครื่องเล่นเกมตู้, เพลย์สเตชัน 3, เอกซ์บอกซ์ 360, ไอโอเอส, ไมโครซอฟท์ วินโดวส์
วางจำหน่ายเกมตู้
14 กรกฎาคม 2553
เพลย์สเตชัน 3 - เอกซ์บอกซ์ 360
ไอโอเอส
(The King of Fighters-i)
7 กรกฎาคม 2554
ไมโครซอฟท์ วินโดวส์
13 กันยายน 2556
แนวเกมต่อสู้
รูปแบบผู้เล่นคนเดียว, มัลติเพลย์เยอร์ (เล่นได้ 2 คน)
ระบบอาร์เคดTaito Type X2

เดอะคิงออฟไฟเทอส์ XIII (ญี่ปุ่น: ザ・キング・オブ・ファイターズ XIII; อังกฤษ: The King of Fighters XIII) เป็นเกมต่อสู้ลำดับที่ 13 ของซีรีส์เดอะคิงออฟไฟเทอส์ โดยมีบริษัท SNK Playmore เป็นผู้ผลิตและวางจำหน่าย เกมนี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553 ที่อากิฮาบาระ[1] ในภาคนี้เป็นบทสรุปของเรื่องราวความชั่วร้ายของแอช คริมสัน ที่เริ่มมีมาตั้งแต่เดอะคิงออฟไฟท์เตอร์ 2003 [2]

บริษัท SNK Playmore ได้ยืนยันแล้วว่าเกมนี้จะวางจำหน่ายในระบบคอนโซลทั้ง PlayStation 3 และ Xbox 360 โดยที่วันวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะอยู่ที่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัท Atlus จะเป็นผู้จัดจำหน่ายและได้ประกาศวันวางจำหน่ายเกมในวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 อย่างไรก็ตามเกมนี้ก็มีในเวอร์ชันของ iOS ด้วยและใช้ชื่อเกมว่า The King of Fighters-i[3]

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 บริษัท SNK Playmore ประกาศว่าจะปรับปรุงและพัฒนาภาคนี้ออกมาใหม่ในรูปแบบของเกมตู้โดยเป็นการนำองค์ประกอบจากเครื่องคอนโซลและปรับสมดุลของรายละเอียดในเกม พร้อมด้วยชื่อใหม่คือ "เดอะคิงออฟไฟเทอส์ XIII: ไคลแม็กซ์" (The King of Fighters XIII: Climax) กำหนดการในการทดสอบเกมหรือ Location Test อยู่ที่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ที่ญี่ปุ่น [4] และได้ออกให้บริการอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่นในวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555[5]

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2556 ทาง SNK Playmore ได้วางจำหน่ายในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ในรูปแบบของ Steam Edition (เป็นเวอร์ชันของเครื่องคอนโซล)

เนื้อเรื่องย่อ[แก้]

หลังจากเหตุการณ์ใน KOF XI แอช คริมสัน ได้ดูดพลังจาก 2 ใน 3 ไตรเทวภัณฑ์ของตระกูลที่ผนึกโอโรจิเมื่อ 1,800 ปีก่อนก็คือจิสึรุ คางูระ และอิโอริ ยางามิ เป้าหมายสุดท้ายของแอชเหลือเพียงแค่เคียว คุซานางิคนเดียวเท่านั้น ขณะที่เอลิซาเบธ บลังทอร์ชก็พยายามที่จะหยุดยั้งแผนการของแอช นักสู้จากทั่วทุกสารทิศได้รับบัตรเชิญให้ร่วมเข้าแข่งขันจากผู้จัดงานแข่งขันนามว่า "R"

ในช่วงท้ายของการแข่งขัน เมื่อทีมชนะเลิศมายังสนามโรส สเตเดี้ยม ไซกิกับสมุนของเขาได้ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าทีมที่ชนะเลิศ ไซกิได้บอกกับสมุนว่าให้ไปทำตามแผนการที่ได้วางไว้ แต่ว่ามุไคได้ขอโอกาสเพื่อที่จะสู้กับทีมที่ชนะเลิศแทนไซกิเพื่อแสดงถึงความภักดี ไซกิไม่ชอบที่มุไคไม่ฟังคำสั่งของตนจึงได้สังหารมุไคอย่างเลือดเย็นและดูดพลังของมุไค จากนั้นไซกิได้แปลงร่างและเข้าต่อสู้กับทีมชนะเลิศ ไซกิตั้งใจที่จะใช้พลังของทีมที่ชนะเลิศเพื่อที่จะทำให้ตนข้ามเวลามาได้ อย่างไรก็ตามโบตั๋นซึ่งเป็นหนึ่งในสมุนของไซกิได้สังเกตว่าประตูมิติที่เชื่อมระหว่างเวลาในอดีตและปัจจุบันนั้นกำลังจะปิด ในขณะที่ไซกิกำลังเผลอนั้น แอชได้เข้ามาทำร้ายและได้ขโมยพลังวิญญาณของไซกิไป ก่อนหน้านี้ไซกิได้ขอให้แอชไปขโมยพลังจากไตรเทวภัณฑ์เพื่อที่จะทำให้ประตูมิติทำงานได้แต่แอชไม่สนใจความต้องการของไซกิ ทันใดนั้นพลังวิญญาณของไซกิได้ยึดร่างของแอชและกำลังที่จะข้ามประตูมิติกลับไปสู่อีกโลกหนึ่ง ทีมชนะเลิศได้เข้าไปต่อสู้ซึ่งเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของ KOF XIII โดยที่คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือแอชในร่างที่เรียกว่า ดาร์คแอช (Dark Ash) หลังจากการต่อสู้พลังของไซกิในร่างของแอชได้อ่อนลงแต่ก็ยังคงพยายามที่จะข้ามประตูมิติกลับไปมิติอดีตเพื่อที่จะเริ่มแผนการใหม่ อย่างไรก็ตามแอชได้หยุดความพยายามของไซกิและปิดประตูมิตินั้นลง ทำให้ไซกิติดอยู่ในมิติปัจจุบัน เมื่อไซกิไม่สามารถกลับไปสู้มิติอดีตได้ก็จะทำให้ตัวตนของไซกิจากอดีตนั้นหายไปด้วย แอชและไซกิเองก็มีความเกี่ยวข้องกันถ้าไซกิหายไปแอชก็ต้องหายไปด้วย ก่อนที่แอชจะหายไปเขาได้พูดร่ำลากับเอลิซาเบธด้วยอารมณ์ที่เศร้าสลด จากนั้นเขาก็ได้ทิ้งของเอาไว้ให้เอลิซาเบธก็คือที่คาดผมของแอชและไตรเทวภัณฑ์ของจิสึรุกับอิโอริแล้วแอชก็อันตรธานหายไป

รูปแบบการเล่น[แก้]

หลาย ๆ องค์ประกอบในภาคนี้ได้นำมาจากภาคที่แล้ว (XII) แต่ได้ตัดระบบบางชนิดออกไป เช่น Guard Attack System, Critical Counter System, Clash System รวมไปถึงการซูมภาพเข้า-ออกในระหว่างการต่อสู้ อย่างไรก็ตามในภาคนี้ได้มีระบบใหม่ที่เป็นจุดเด่นของภาคนี้ซึ่งมีอยู่ 3 อย่าง

EX Mode เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของท่าไม้ตายของตัวละครนั้น ๆ ให้มีความรุนแรงมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้น รวมไปถึงมีจำนวนของการโจมตีที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยที่การใช้ลักษณะพิเศษนี้จะต้องใช้ Power Gauge 1 ช่อง เพื่อให้สามารถใช้ระบบนี้ได้ วิธีทำก็คือกดท่าไม้ตายตามปกติแต่กดปุ่มโจมตีเป็น 2 ปุ่ม นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับท่าไม้ตายสุดยอดได้ โดยที่จะต้องใช้ Power Gauge 2 ช่อง

Drive Gauge ในภาคนี้ขณะที่ผู้เล่นกำลังโจมตีคู่ต่อสู้สามารถยกเลิกท่าไม้ตายของตัวละครนั้นจากท่าหนึ่งไปสู่อีกท่าหนึ่งได้ โดยที่จะใช้ Drive Gauge ซึ่งจะอยู่ด้านบนของ Power Gauge ระบบนี้จะสามารถใช้ได้ต่อเมื่อ Drive Gauge มีมากกว่า 50% ขึ้นไป หาก Drive Gauge เต็ม 100% ก็จะสามารถใช้ Hyper Drive Mode (กดปุ่ม BC พร้อมกัน) หากอยู่ในสภาพนี้ผู้เล่นจะสามารถยกเลิกท่าไม้ตายไปเรื่อย ๆ ได้ไม่จำกัดตราบอยู่ชั่วขณะหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถยกเลิกท่าไม้ตายไปสู่ท่าไม้ตายสุดยอดแล้วยังสามารถไปสู่ NEO MAX ได้ (จะกล่าวในหัวข้อถัดไป) วิธีการยกเลิกท่าไม้ตายสุดยอดไปสู่ท่า NEO MAX แบบนี้เรียกว่า MAX Cancel ซึ่งจะคล้ายกับ Dream Cancel ของภาค XI

NEO MAX เป็นรูปแบบของท่าไม้ตายสุดยอดที่สูงขึ้นไปอีกระดับของภาคนี้ รูปแบบนี้ได้แนวคิดจาก "MAX2" จากภาค 2002 และ "ท่าไม้ตายลีดเดอร์" จากภาค XI วิธีการใช้ NEO MAX ให้กดคำสั่งของท่านั้น ๆ ของตัวละครโดยมีปัจจัยคือจะต้องสะสม Power Gauge เต็ม 3 ช่องขึ้นไปและ Drive Gauge เต็ม 100% หรืออยู่ในสภาพ Hyper Drive Mode เท่านั้น

รายชื่อตัวละคร[แก้]

ตัวละครในภาคนี้ได้ถูกยกมาจากภาค XII รวมไปถึงตัวละครพิเศษจากระบบคอนโซลอย่างเอลิซาเบธและมาชัวร์ อย่างไรก็ตามในภาคนี้ได้รับการจัดทีมแล้วเหมือนภาคก่อน ๆ ของซีรีส์ ซึ่งต่างจากภาค XII ที่ตัวเกมไม่มีการจัดทีมมาให้ตามเนื้อเรื่อง ยกเว้นเพียงแอชคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีทีมในภาคนี้จึงกลายเป็นตัวละครที่มีลักษณะฉายเดี่ยวไปโดยปริยาย

ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2553 SNK Playmore ได้ทยอยประกาศตัวละครใหม่ที่ได้รับการเพิ่มเข้ามาในภาคนี้ได้แก่ ไวซ์ หนึ่งในแปดขุนพลแห่งโอโรจิ ทาคุมะ ซาคาซากิ พ่อของเรียวกับยูริและเป็นเจ้าสำนักเคียวคุเก็นริว หัวใจ นักมวยไทยจากซีรีส์สกาโร่เด็นเซ็ตสึ K' ตัวเอกอีกหนึ่งคนของ KOF Maxima คู่หูของ K' และคูล่า ไดมอนด์ ผู้ใช้พลังความเย็น

ภาคนี้ได้มีการปรากฏตัวของหัวหน้ากลุ่มลึกลับที่ปรากฏตัวนับตั้งแต่ภาค 2003 นั่นก็คือ ไซกิ โดยที่รูปร่างลักษณะของไซกินั้นคล้ายคลึงกับแอชอย่างมาก นอกจากนี้ผู้จัดงานแข่งขัน KOF ในครั้งนี้ก็คือ โรส แบร์นชไตน์ ที่ถูกควบคุมร่างกายจากโบตั๋นซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนลึกลับนั่นเอง ไซกิปรากฏตัวออกมาต่อสู้ในลักษณะของหัวหน้ารองของเกมหรือ Sub-Boss โดยที่จะเปลี่ยนร่างออกไปจากเดิม (คล้ายกับมุไคและมางาคิ บอสของภาคก่อน)

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ทางนิตยสารแฟมิซือได้รายงานถึงการเพิ่มตัวละคร บิลลี่ คาน จากซีรีส์สกาโร่เด็นเซ็ตสึ ในฐานะตัวละครพิเศษของระบบคอนโซล จากนั้นในเดือนกรกฎาคมในปีเดียวกัน SNK Playmore ได้ประกาศตัวละครเพิ่มอีกได้แก่ ไซกิ ในรูปแบบร่างปกติ และ อิโอริ ยางามิ ในรูปแบบใช้เปลวไฟสีม่วงพร้อมมาในชุดดั้งเดิม โดยที่อิโอริในแบบดั้งเดิมนั้นจะเป็น Downloadable Content เท่านั้น

ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554[6] เว็บไซต์ shoryuken.com ได้ลงบทความเกี่ยวกับตัวละครสำหรับ Downloadable Content เพิ่มอีก 2 คนก็คือ เคียว คุซานางิ ในรูปแบบใช้หมัดเพลิงเป็นหลักพร้อมมาในชุดที่ใช้ในภาค NESTS (KOF99-2002) และอีกคนคือ มิสเตอร์คาราเต้ หรือ ทาคุมะ ซากาซากิ ในลักษณะที่สวมหน้ากากเทนงู ซึ่งรูปแบบการต่อสู้จะแตกต่างไปจากปกติ


อ้างอิง[แก้]

  1. "King of Fighters XIII Akihabara event details". SNK Playmore. 2010-02-25. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-02-28. สืบค้นเมื่อ 2010-02-25.
  2. Gantayat, Anoop (2010-03-25). "King of Fighters XIII Formally Announced". IGN. สืบค้นเมื่อ 2010-03-26.
  3. http://www.siliconera.com/2011/07/06/the-king-of-fighters-i-comes-to-iphone-with-kof-xiii-characters/
  4. http://www.animenewsnetwork.com/interest/2012-02-06/king-of-fighters-xiii-climax-arcade-game-announced
  5. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-08. สืบค้นเมื่อ 2012-07-08.
  6. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-24. สืบค้นเมื่อ 2011-12-07.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]