ฉบับร่าง:ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก
(ต่วน ภัทรนาวิก)
เกิด5 กรกฎาคม พ.ศ. 2426
ต่วน ภัทรนาวิก
เสียชีวิต19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 (73 ปี)
คู่สมรสเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร)
อาชีพนาฏศิลป์
ปีที่แสดงพ.ศ. 2435 - 2499

ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก (5 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 – 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499) หรือที่ชาวนาฏศิลป์เรียกกันโดยทั่วไปว่าหม่อมครูต่วน ผู้ซึ่งมีคุณูปการต่อศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ไทยเป็นอย่างมาก[1]

ประวัติ[แก้]

นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก นามเดิม ต่วน หรือที่บรรดาศิษย์และผู้เกี่ยวข้องในวงการละครรู้จักและพูดถึงกันว่า หม่อมครูต่วน เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีมะแม จ.ศ. 1245 ตรงกับวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2526 ที่บ้านเหนือวัดทองธรรมชาติ อำเภอคลองสาน จังหวัดธนบุรี บิดาชื่อ นายกลั่น ภัทรนาวิก เป็นบุตรพระยาภักดิ์ภัทรากร (จอง ภัทรนาวิก) มารดา ชื่อ ลำไย เป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางต่วน ภัทรนาวิก มีพี่น้องร่วม บิดามารดา 5 คนด้วยกัน คือ

  1. แดง ภัทรนาวิก
  2. เจิม ภัทรนาวิก
  3. แสง ภัทรนาวิก
  4. ต่วน(ศุภลักษณ์) ภัทรนาวิก
  5. พระสาลี (สุย ภัทรนาวิก)

ภายหลังบิดามารดาได้ขายเรือนและไปซื้อแพอยู่ทางบางลำภูล่าง ซึ่งต่อมาบิดาก็เสียชีวิตลง ณ แพนั้น ขณะหม่อมครูมีอายุได้ 6 ขวบ มารดาจึงขายแพแล้วพาลูก ๆ ไปอยู่กับญาติ แต่ไม่เป็นที่เป็นทางแล้วภายหลังได้มาอยู่กับนางจาดตรงมุมสี่แยกบ้านหม้อด้านใต้ ขณะนั้นมีอายุได้ 9 ขวบ นางจาดมีธิดาคนหนึ่งชื่อเลียบ เป็นคุณหญิงของท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และอีกคนหนึ่ง ชื่อเฉลิม ได้ฝึกหัดเป็นละครอยู่ในบ้านของท่านเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร)

เริ่มฝึกหัดละคร[แก้]

ครูต่วนได้ติดตามนางเฉลิมผู้เป็นพี่เข้าไปดูการฝึกหัดละครในบ้านท่านเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์เป็นประจำจนเกิดรักทางละคร เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์จึงรับเข้าฝึกหัดละครโดยฝึกหัดบทเป็นตัวนางกับหม่อมวันมารดาของพระยาวิชิตชลธาร (หม่อมหลวงเวศร์ กุญชร)ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ หม่อมวันผู้เป็นครูก็รักใคร่ลูกศิษย์คนนี้ ครั้นรู้ไปถึงคุณหญิงเอมซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณย่าท่านไม่ชอบให้หลานเป็นละครจึงมาตามจะนำเอาตัวไปแต่เนื่องจากตนเองมีนิสัยชอบในทางนี้เสียแล้วจึงไม่ยอมไป คุณย่าขัดเคืองมากถึงกับตัดขาดกัน หม่อมครูต่วนจึงพยายามฝึกฝนจนได้แสดงเป็นตัวนางที่มีฝีมือเป็นที่เมตตาปรานีของท่านเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์เป็นอย่างมาก ต่อมาเมื่ออายุได้ 16 ปี ก็ได้ตกเป็นหม่อมของท่านเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ ท่านเจ้าพระยาจึงถือโอกาสพาต่วนไปขอโทษคุณย่าที่บ้านของท่าน ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี[2]

ครูต่วนได้รับโอกาสแสดงเป็นนางเอกหลายๆเรื่อง เช่น เป็นตัวนางสีดา ในเรื่องรามเกียรติ์ นางรจนา ในเรื่องสังข์ทอง ในสมัยรัชกาลที่ 5 เคยออกแสดงหน้าพระที่นั่งหลายครั้ง และเมื่อท่านเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ร่วมกับสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์สร้างและฝึกหัดละครดึกดำบรรพ์ ณ วังบ้านหม้อ ศุภลักษณ์ก็ได้รับฝึกหัดแสดงในละครดึกดำบรรพ์นั้นด้วย ศุภลักษณ์มีความจำดีเป็นพิเศษสามารถจำบทและคำร้อง คำเจรจาของตัวละครทุกตัวและทุกเรื่องในละครดึกดำบรรพ์ได้แม่นยำโดยไม่ต้องดูบท สามารถชี้แจงข้อผิดพลาดว่าตรงนั้นตรงนี้ตกหล่นหรือเกินมาได้อย่างถูกต้อง สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ก็ทรงพระเมตตาโปรดฝึกหัดศุภลักษณ์ให้เป็นตัวนางยุบล(นางค่อม) ในเรื่องอิเหนา ตอน ตัดดอกไม้ฉายกริช และ ตัวนางศุภลักษณ์ ในเรื่องอุณรุท ซึ่งศุภลักษณ์ได้รับฝึกฝนจนสามารถแสดงได้ดียิ่ง โดยเฉพาะบทของนางค่อมยุบล ภายหลังทีีสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์สิ้นพระชนม์ ศุภลักษณ์ได้รำบทนางค่อมถวายหน้าพระโกศเป็นการถวายสักการะด้วยความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน[3]

หม่อมครูต่วนมิได้มีบุตรธิดากับท่านเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์แต่ก็วางตนดี บรรดาบุตรธิดารุ่นเล็กของท่านเจ้าพระยา เช่น คุณหญิงอิศรพงษ์พิพัฒน์ (หม่อมหลวงสำลี) และพลโทหม่อมหลวงขาบ กุญชร ต่างพากันเรียกท่านว่าแม่ ด้วยความเคารพทุกคน

รับราชการ[แก้]

หม่อมครูต่วนอยู่กับท่านเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์มาจน อายุได้ 22 ปี จึงได้ออกจากบ้านท่านเจ้าพระยามาอยู่กับญาติเมื่อราวปีพ.ศ. 2453 ได้อาศัยศิลปะที่ตนฝึกฝนมารับช่วยเหลือฝึกสอนนักเรียนและผู้สนใจในศิลปะทางละครฟ้อนรำเรื่อยมา เมื่อทางราชการได้ตั้งกรมปี่พาทย์และโขนหลวงขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 7 คุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์ จึงชักชวนเข้ามารับราชการใน กรมปี่พาทย์และโขนหลวง กระทรวงวัง โดยมอบหน้าที่ให้เป็นคนฝึกหัดละครดึกดำบรรพ์และละครหลวงแต่ก็ได้ลาออกจากราชการไปเมื่อคราวยุบกระทรวงวัง ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งโรงเรียนนาฏดุริยางค์ขึ้นในกรมศิลปากร ศุภลักษณ์ก็ได้เข้ามารับราชการ เป็นครูฝึกสอนนาฏศิลป์อยู่ในโรงเรียนนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2478 และอยู่ตลอดมาจนสิ้นชีวิต นอกจากฝึกสอนนักเรียนเป็นประจำในโรงเรียนนาฏศิลป์ กรมศิลปากรแล้วยังช่วยเหลือฝึกสอนและให้คำแนะนำในเรื่องนาฏศิลป์แก่สถานศึกษาและวงสังคมอื่น ๆ อีกหลายหนหลายแห่ง ตามแต่จะมีผู้ขอร้องมาทั้งส่วนตัวและส่วนราชการ จึงเป็นที่เคารพนับถือของศิษยานุศิษย์และพากันยกย่องเรียกท่านว่า "หม่อมครู" ด้วยความเคารพรัก

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อทางราชการปรับปรุงวัฒนธรรมและชักชวนประชาชนให้ปฏิบัติตามรัฐนิยมหลายอย่าง เช่นชักชวนให้เปลี่ยนชื่อให้และสวมหมวกให้ถูกต้องตามรัฐนิยม หม่อมครูต่วนจึงเปลี่ยนชื่อจริงเป็น “ศุภลักษณ์” ตามที่ได้เคยรับฝึกหัดแสดงเป็นตัวนางศุภลักษณ์ในละครในเรื่องอุณรุท

เสียชีวิต[แก้]

ในตอนหลังของชีวิตหม่อมครูได้มาอาศัยอยู่กับน้องชาย คือ พระวิเศษสาลี(สุย ภัทรนาวิก) อธิบดีกรมที่ดิน ณ บ้านเลขที่ 1275 ตำบลบางขุนนนท์ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี แต่พระวิเศษสาลีก็มาถึงแก่กรรมไปเสียก่อนเมื่อพ.ศ.2490 หม่อมครูก็มีอาการป่วย ออดๆ แอดๆ อยู่เสมอ แต่ก็พยายามมาปฏิบัติราชการไม่ขาดจนถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 รวมอายุได้ 73 ปี 4 เดือน กับ 14 วัน

อ้างอิง[แก้]

  1. ชีวประวัติของหม่อมครูต่วน (ศุภลักษณ์) ภัทรนาวิก pdf
  2. "เราชาวนาฎศิลปไม่ควรละเลย". ptyalaptyala.blogspot.com.
  3. "นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก - ดาวน์โหลดหนังสือ | 1-6 หน้า | PubHTML5". pubhtml5.com.