ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พรีแคมเบรียน"
ล ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่ ป้ายระบุ: ย้อนด้วยมือ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 36: | บรรทัด 36: | ||
==ภาพรวม== |
==ภาพรวม== |
||
อภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนนั้นไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แม้ว่าจะกินเวลาของประวัติของโลกกว่าเจ็ดในแปด โดยสิ่งที่เกี่ยวกับยุคนี้ที่รู้จักกันดีส่วนใหญ่ถูกค้นพบตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา สำหรับบันทึกซากดึกดำบรรพ์ของอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนนั้นแย่กว่า |
อภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนนั้นไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แม้ว่าจะกินเวลาของประวัติของโลกกว่าเจ็ดในแปด โดยสิ่งที่เกี่ยวกับยุคนี้ที่รู้จักกันดีส่วนใหญ่ถูกค้นพบตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา สำหรับบันทึกซากดึกดำบรรพ์ของอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนนั้นแย่กว่าที่อยู่ถัดขึ้นมา และซากดึกดำบรรพ์จากอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียน (เช่น ) นั้นสามารถใช้งานทางได้อย่างจำกัด ทั้งนี้ เนื่องจากหินของอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนจำนวนมากนั้นถูกอย่างหนักหน่วง โดยทำให้บดบังต้นกำเนิดของหินเหล่านั้น ขณะที่หินอื่น ๆ ถูกทำลายโดยการกร่อน หรือถูกฝังไว้อยู่ใต้ชั้นหินของบรมยุคฟาเนอโรโซอิก |
||
มีแนวความคิดว่าโลกนั้น |
มีแนวความคิดว่าโลกนั้นจากวัตถุในวงโคจรรอบเมื่อประมาณ 4,543 ล้านปีก่อน และอาจถูกดาวเคราะห์อีกดวงนามว่า ไม่นานนักหลังจากการก่อตัวพุ่งชน แยกวัตถุออกไปจากโลกไปกำเนิดเป็น (ดู ) ขณะที่เปลือกโลกที่เสถียรแล้วนั้นอยู่ที่ 4,433 ล้านปีก่อน เนื่องจากผลึกจากถูกกำหนดได้ 4,404 ± 8 ล้านปีก่อน |
||
คำว่า "พรีแคมเบรียน" ถูกใช้โดย |
คำว่า "พรีแคมเบรียน" ถูกใช้โดยและสำหรับการอภิปรายโดยทั่วไปที่ไม่ต้องการชื่อบรมยุคที่เจาะจง อย่างไรก็ตาม ทั้ง (USGS) และ (ICS) ถือว่าคำนี้นั้นไม่เป็นทางการ เนื่องจากช่วงยุคที่อยู่ภายในพรีแคมเบรียนนั้นประกอบด้วยสามบรมยุค (ได้แก่ และ) บางครั้งจึงถูกกล่าวถึงเป็น ''อภิมหาบรมยุค'' (supereon) แต่ศัพท์นี้ก็ถือว่าไม่เป็นทางด้วย เนื่องจากไม่ได้ถูกกำหนดไว้ในคู่มือการลำดับชั้นหินตามอายุกาลของคณะกรรมมาธิการการลำดับชั้นหินสากล |
||
คำว่า '''''อีโอโซอิก''''' (Eozoic; มาจากคำว่า ''eo-'' หมายความว่า แรกสุด) นั้นเป็นคำพ้องกับคำว่า ''พรี-แคมเบรียน'' |
คำว่า '''''อีโอโซอิก''''' (Eozoic; มาจากคำว่า ''eo-'' หมายความว่า แรกสุด) นั้นเป็นคำพ้องกับคำว่า ''พรี-แคมเบรียน'' หรือโดยเจาะจงยิ่งขึ้น คือ |
||
==รูปแบบสิ่งมีชีวิต== |
==รูปแบบสิ่งมีชีวิต== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:42, 6 พฤศจิกายน 2565
อภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียน | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|
~4600 – 541.0 ± 1.0 ล้านปีก่อน | ||||||
วิทยาการลำดับเวลา | ||||||
| ||||||
การเสนอการแบ่งย่อย | ดูที่ การเสนอเส้นเวลาของพรีแคมเบรียน | |||||
นิรุกติศาสตร์ | ||||||
ชื่อพ้อง | คริปโตโซอิก | |||||
ข้อมูลการใช้ | ||||||
เทห์วัตถุ | โลก | |||||
การใช้ระดับภาค | ทั่วโลก (ICS) | |||||
การใช้ช่วงเวลา | ธรณีกาลของ ICS | |||||
การนิยาม | ||||||
หน่วยวิทยาการลำดับเวลา | อภิมหาบรมยุค | |||||
หน่วยลำดับชั้นหิน | อภิมหาบรมยุค | |||||
ความเป็นทางการของช่วงกาล | ไม่เป็นทางการ | |||||
คำนิยามขอบล่าง | การก่อกำเนิดโลก | |||||
ขอบล่าง GSSP | N/A | |||||
การอนุมัติ GSSP | N/A | |||||
คำนิยามขอบบน | การปรากฏของซากดึกดำบรรพ์ร่องรอย Treptichnus pedum | |||||
ขอบบน GSSP | แหล่งฟอร์จูนเฮด รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ประเทศแคนาดา 47°04′34″N 55°49′52″W / 47.0762°N 55.8310°W | |||||
การอนุมัติ GSSP | 1992 |
อภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียน (อังกฤษ: Precambrian supereon หรือ อังกฤษ: Pre-Cambrian supereon อักษรย่อ pꞒ) หรือ คริปโตโซอิก (อังกฤษ: Cryptozoic) เป็นส่วนแรกสุดของประวัติของโลก ซึ่งเกิดอยู่ก่อนหน้าบรมยุคฟาเนอโรโซอิก โดยอภิมหาบรมยุคนี้ได้ชื่อเช่นนี้เนื่องจากอยู่ก่อนหน้ายุคแคมเบรียน ซึ่งเป็นยุคแรกของบรมยุคฟาเนอโรโซอิก ซึ่งตั้งตามแคมเบรีย (Cambria) ซึ่งเป็นชื่อแบบละตินของเวลส์ ที่ซึ่งหินจากยุคนี้ถูกนำมาศึกษาเป็นครั้งแรก โดยอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนคิดเป็นประมาณร้อยละ 88 ของธรณีกาลของโลก
อภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนเป็นหน่วยอย่างไม่เป็นทางการของธรณีกาล[1] แบ่งออกเป็นสามบรมยุค ได้แก่ บรมยุคเฮเดียน บรมยุคอาร์เคียน และบรมยุคโพรเทอโรโซอิก ของธรณีกาล โดยช่วงของยุคนี้นั้นคือตั้งแต่กำเนิดโลกเมื่อ 4.6 พันล้านปีก่อนจนถึงเริ่มต้นยุคแคมเบรียนเมื่อประมาณ 541 ล้านปีก่อน เมื่อสัตว์เปลือกแข็งปรากฏขึ้นครั้งแรกอย่างแพร่หลาย
ภาพรวม
อภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนนั้นไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แม้ว่าจะกินเวลาของประวัติของโลกกว่าเจ็ดในแปด โดยสิ่งที่เกี่ยวกับยุคนี้ที่รู้จักกันดีส่วนใหญ่ถูกค้นพบตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา สำหรับบันทึกซากดึกดำบรรพ์ของอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนนั้นแย่กว่าที่อยู่ถัดขึ้นมา และซากดึกดำบรรพ์จากอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียน (เช่น ) นั้นสามารถใช้งานทางได้อย่างจำกัด ทั้งนี้ เนื่องจากหินของอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนจำนวนมากนั้นถูกอย่างหนักหน่วง โดยทำให้บดบังต้นกำเนิดของหินเหล่านั้น ขณะที่หินอื่น ๆ ถูกทำลายโดยการกร่อน หรือถูกฝังไว้อยู่ใต้ชั้นหินของบรมยุคฟาเนอโรโซอิก
มีแนวความคิดว่าโลกนั้นจากวัตถุในวงโคจรรอบเมื่อประมาณ 4,543 ล้านปีก่อน และอาจถูกดาวเคราะห์อีกดวงนามว่า ไม่นานนักหลังจากการก่อตัวพุ่งชน แยกวัตถุออกไปจากโลกไปกำเนิดเป็น (ดู ) ขณะที่เปลือกโลกที่เสถียรแล้วนั้นอยู่ที่ 4,433 ล้านปีก่อน เนื่องจากผลึกจากถูกกำหนดได้ 4,404 ± 8 ล้านปีก่อน
คำว่า "พรีแคมเบรียน" ถูกใช้โดยและสำหรับการอภิปรายโดยทั่วไปที่ไม่ต้องการชื่อบรมยุคที่เจาะจง อย่างไรก็ตาม ทั้ง (USGS) และ (ICS) ถือว่าคำนี้นั้นไม่เป็นทางการ เนื่องจากช่วงยุคที่อยู่ภายในพรีแคมเบรียนนั้นประกอบด้วยสามบรมยุค (ได้แก่ และ) บางครั้งจึงถูกกล่าวถึงเป็น อภิมหาบรมยุค (supereon) แต่ศัพท์นี้ก็ถือว่าไม่เป็นทางด้วย เนื่องจากไม่ได้ถูกกำหนดไว้ในคู่มือการลำดับชั้นหินตามอายุกาลของคณะกรรมมาธิการการลำดับชั้นหินสากล
คำว่า อีโอโซอิก (Eozoic; มาจากคำว่า eo- หมายความว่า แรกสุด) นั้นเป็นคำพ้องกับคำว่า พรี-แคมเบรียน หรือโดยเจาะจงยิ่งขึ้น คือ
รูปแบบสิ่งมีชีวิต
วันที่มีการกำเนิดชีวิตขึ้นนั้นยังไม่มีการกำหนดขึ้น โดยคาร์บอนที่ถูกพบในหินอายุ 3.8 พันล้านปี (บรมยุคอาร์เคียน) จากเกาะบริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันตกของกรีนแลนด์นั้นอาจเป็นจุดกำเนิดของอินทรีย์ นอกจากนี้ยังมีซากดึกดำบรรพ์ขนาดเล็กมากของแบคทีเรียอายุเก่ากว่า 3.46 พันล้านปีที่อยู่ในสภาพถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย[2] โดยยังมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่คาดว่าน่าจะมีอายุมากกว่า 100 ล้านปีในพื้นที่เดียนกันด้วย อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานแสดงว่าสิ่งมีชีวิตนั้นสามารถวิวัฒนาการได้มามากกว่า 4.280 พันล้านปีก่อนแล้ว[3][4][5][6] ซึ่งประวัติชีวิตของแบคทีเรียนั้นค่อนข้างชัดเจนในตลอดส่วนที่เหลือ (บรมยุคโพรเทอโรโซอิก) ของอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียน
สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่มีความซับซ้อนอาจปรากฏขึ้นได้เร็วที่สุดถึง 2,100 ล้านปีก่อน[7] อย่างไรก็ตาม การตีความซากดึกดำบรรพ์โบราณนั้นเป็นปัญหา และ "...คำจำกัดความบางประการของการมีหลายเซลล์ (multicellularity) นั้นครอบคลุมซึ่งทุกสิ่งตั้งแต่แบคทีเรียธรรมดาพื้นฐานไปจนถึงตัวแบดเจอร์"[8] สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่ซับซ้อนที่เป็นไปได้อื่นในช่วงต้นนั้น ได้แก่ สาหร่ายสีแดงอายุ 2,450 ล้านปีจากคาบสมุทรโคลา[9] สัญญาณบ่งชี้ถึงสิ่งมีชีวิตเนื้อสารอินทรีย์ (carbonaceous biosignatures) อายุ 1,650 ล้านปีจากตอนเหนือของประเทศจีน[10] ราฟาทาซเมียอายุ 1,600 ล้านปี[11] และสาหร่ายสีแดงแบงจิโอมาร์ฟาอายุ 1,047 ล้านปีที่เป็นไปได้จากภูมิภาคอาร์คติกแคนาดา[12] โดยซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวาง ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่ซับซ้อนนั้นถูกกำหนดอายุในยุคอีดีแอคารัน[13][14] และยังมีการพบลักษณะสิ่งมีชีวิตที่มีตัวอ่อนนุ่มหลากหลายในหลายสถานที่ทั่วโลก และมีอายุอยู่ระหว่าง 635 ถึง 542 ล้านปี โดยสิ่งเหล่านี้เรียกรวมว่า ชีวชาติยุคอีดีแอคารันหรือเวนเดียน ซึ่งสิ่งมีชีวิตมีเปลือกแข็งได้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อสิ้นสุดช่วงกาลดังกล่าว ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของบรมยุคฟาเนอโรโซอิก ในช่วงกลางของยุคถัดจากแคมเบรียน สัตวชาติต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายนั้นถูกบันทึกอยู่ในหินดินดานเบอร์เจส รวมถึงบางประการซึ่งอาจเป็นตัวแทนของกลุ่มต้นสายของลำดับสมัยใหม่ (modern taxa) โดยความหลากหลายของรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นยุคแคมเบรียนนั้น เรียกว่า การระเบิดของสิ่งมีชีวิตชีวิตยุคแคมเบรียน[15][16]
ในขณะที่แผ่นดินนั้นดูเหมือนจะไร้ซึ่งพืชและสัตว์ ไซยาโนแบคทีเรียและจุลชีพอื่น ๆ นั้นได้ก่อตัวเป็นเสื่อโพรแคริโอตขึ้นปกคลุมพื้นที่บนบก[17]
และยังมีการพบร่องรอยของสัตว์ที่มีอวัยวะคล้ายขาในโคลนเมื่อ 551 ล้านปีก่อน[18][19]
สภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์และมหันตภัยออกซิเจน
หลักฐานที่ละเอียดของการเคลื่อนตัวของแผ่นธรณีและกิจกรรมทางธรณีแปรสัณฐานอื่น ๆ ในอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนนั้นถูกเก็บรักษาไว้ได้อย่างไม่ดีนัก โดยทั่วไปแล้วเชื่อกันว่าทวีปก่อนเกิด (proto-continents) ขนาดเล็กนั้นปรากฏขึ้นก่อน 4,280 ล้านปีก่อน และแผ่นดินส่วนใหญ่ของโลกได้รวมเข้าด้วยกันเป็นมหาทวีปเดียวเมื่อประมาณ 1,130 ล้านปีก่อน มหาทวีปดังกล่าว เรียกว่า มหาทวีปโรดีเนีย และได้แตกออกจากกันราว 750 ล้านปีก่อน มีการระบุยุคธารน้ำแข็งจำนวนหนึ่งขึ้น ซึ่งย้อนไปได้ถึงสมัยฮูโรเนียนในราว ๆ 2,400–2,100 ล้านปีก่อน โดยหนึ่งในการศึกษาที่ดีที่สุด คือ การเปลี่ยนสภาพโดยธารน้ำแข็งสเตอร์เชียน-วารานเจียนประมาณ 850–635 ล้านปีก่อน ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดภาวะธารน้ำแข็งทุกหนทุกแห่งมาจนถึงเส้นศูนย์สูตร เป็นผลให้เกิด "ปรากฏการณ์โลกก้อนหิมะ"
ชั้นบรรยากาศของโลกในยุคเริ่มแรกนั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนัก นักธรณีวิทยาส่วนใหญ่เชื่อว่าชั้นบรรยากาศขณะนั้น ประกอบด้วย ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และแก๊สเฉื่อยอื่น ๆ เป็นหลัก และยังไร้ซึ่งออกซิเจนอิสระ อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานว่าชั้นบรรยากาศที่อุดมไปด้วยออกซิเจนนั้นปรากฏมาตั้งแต่ช่วงเริ่มแรกของบรมยุคอาร์เคียนแล้ว[20]
ในปัจจุบัน ยังคงเชื่อกันว่าโมเลกุลของออกซิเจน นั้นไม่ใช่ส่วนสำคัญของชั้นบรรยากาศโลก จนกระทั่งภายหลังจากสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ด้วยแสงได้วิวัฒนาการขึ้น และได้ผลิตออกซิเจนออกมาในปริมาณมากซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการเมแทบอลิซึม การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงนี้คือจากชั้นบรรยากาศซึ่งเฉื่อยทางเคมีไปสู่การออกซิไดซ์ ทำให้เกิดวิกฤตทางนิเวศวิทยาขึ้น ในบางครั้งเรียกกันว่า เหตุการณ์มหันตภัยออกซิเจน โดยในตอนแรก ออกซิเจนจะรวมตัวกับองค์ประกอบอื่น ๆ ในเปลือกโลกอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่จะเป็นเหล็กโดยเป็นนำออกจากชั้นบรรยากาศโลก หลังจากแหล่งออกซิเดชันบนพื้นผิวได้หมดลง ออกซิเจนก็เริ่มเกิดการสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศ และบรรยากาศที่มีออกซิเจนเป็นปริมาณมากในปัจจุบันก็ได้พัฒนาขึ้น โดยหลักฐานนี้ปรากฏอยู่ในหินเก่าซึ่งมีการก่อตัวขึ้นของแถบเหล็กขนาดใหญ่ที่มีการวางตัวเป็นเหล็กออกไซด์
การแบ่งย่อย
−4500 — – — – −4000 — – — – −3500 — – — – −3000 — – — – −2500 — – — – −2000 — – — – −1500 — – — – −1000 — – — – −500 — – — – 0 — | พวกยูแคริโอต |
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ศัพทวิทยาได้มีการพัฒนาขึ้นเพื่อครอบคลุมในช่วงปีเริ่มแรกที่โลกเกิดขึ้น โดยการหาอายุจากการวัดสมบูรณ์ทำให้สามารถกำหนดวันที่แน่นอนให้กับรูปแบบและลักษณะเฉพาะ[21] โดยอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนถูกแบ่งย่อยออกเป็นสามบรมยุค ได้แก่ บรมยุคเฮเดียน (4,600–4,000 ล้านปีก่อน) บรมยุคอาร์เคียน (4,000–2,500 ล้านปีก่อน) และบรมยุคโพรเทอโรโซอิก (2,500–541 ล้านปีก่อน) (ดูที่ เส้นเวลาของอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียน)
- บรมยุคโพรเทอโรโซอิก บรมยุคนี้เป็นช่วงเวลาจากขอบล่างของยุคแคมเบรียนเมื่อ 541 ล้านปีก่อน ย้อนกลับไปถึง 2,500 ล้านปีก่อน แรกเริ่มถูกใช้เป็นชื่อพ้องสำหรับชื่อ "พรีแคมเบรียน" ด้วยเหตุนี้จึงหมายรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ก่อนหน้ายุคแคมเบรียน โดยบรมยุคโพรเทอโรโซอิกแบ่งออกเป็นสามมหายุค ได้แก่ มหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิก มหายุคมีโซโพรเทอโรโซอิก และ มหายุคแพลีโอโพรเทอโรโซอิก
- มหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิก เป็นมหายุคทางธรณีกาลที่อายุน้อยที่สุดของบรมยุคโพรเทอโรโซอิก เริ่มต้นจากขอบล่างของยุคแคมเบรียน (541 ล้านปีก่อน) ย้อนลงไปถึง 1,000 ล้านปีก่อน โดยมหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิกนั้นสอดคล้องกับหินพรีแคมเบรียนซี (Precambrian Z) ของการลำดับชั้นหินอเมริกาเหนือเดิม
- ยุคอีดีแอคารัน เป็นยุคทางธรณีกาลที่อายุน้อยที่สุดในมหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิก โดยใน "ธรณีกาลฉบับปี 2555" นั้นระบุว่ามีช่วงอายุอยู่ระหว่าง 541 ถึง 635 ล้านปีก่อน ในยุคนี้นั้นชีวชาติยุคอีดีแอคารันได้ปรากฏขึ้น
- ยุคไครโอเจเนียน เป็นยุคที่อยู่ตอนกลางในมหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิก มีช่วงอายุระหว่าง 635 ถึง 720 ล้านปีก่อน
- ยุคโทเนียน เป็นยุคแรกสุดของมหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิก มีช่วงอายุระหว่าง 720 ถึง 1,000 ล้านปีก่อน
- มหายุคมีโซโพรเทอโรโซอิก เป็นมหายุคที่อยู่ตอนกลางของบรมยุคโพรเทอโรโซอิก มีช่วงอายุระหว่าง 1,000 ถึง 1,600 ล้านปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับหินพรีแคมเบรียนวาย (Precambrian Y) ของการลำดับชั้นหินอเมริกาเหนือเดิม
- มหายุคแพลีโอโพรเทอโรโซอิก เป็นมหายุคที่เก่าที่สุดของบรมยุคโพรเทอโรโซอิก มีช่วงอายุระหว่าง 1,600 ถึง 2,500 ล้านปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับหินพรีแคมเบรียนเอ็กซ์ (Precambrian X) ของการลำดับชั้นหินอเมริกาเหนือเดิม
- มหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิก เป็นมหายุคทางธรณีกาลที่อายุน้อยที่สุดของบรมยุคโพรเทอโรโซอิก เริ่มต้นจากขอบล่างของยุคแคมเบรียน (541 ล้านปีก่อน) ย้อนลงไปถึง 1,000 ล้านปีก่อน โดยมหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิกนั้นสอดคล้องกับหินพรีแคมเบรียนซี (Precambrian Z) ของการลำดับชั้นหินอเมริกาเหนือเดิม
- บรมยุคอาร์เคียน มีช่วงอายุระหว่าง 2,500 ถึง 4,000 ล้านปีก่อน
- บรมยุคเฮเดียน มีช่วงอายุระหว่าง 4,000 ถึง 4,600 ล้านปีก่อน โดยคำนี้มีจุดประสงค์แรกเริ่มเพื่อให้ครอบคลุมช่วงเวลาก่อนที่หินใด ๆ จะถูกเก็บรักษาอยู่รอดมาได้ แม้ว่าจะมีผลึกเพทายบางส่วนจากช่วงอายุประมาณ 4,400 ล้านปีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของเปลือกโลกในบรมยุคเฮเดียน ส่วนบันทึกอื่น ๆ จากช่วงเวลาในบรมยุคเฮเดียนนั้นมาจากดวงจันทร์และอุกกาบาต[22][23]
มีการเสนอกันว่าอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียน ควรถูกแบ่งออกเป็นบรมยุคและสมัยต่าง ๆ เพื่อให้สะท้อนถึงขั้นตอนของการวิวัฒนาการของดาวเคราะห์โลก มากกว่าที่จะแบ่งกันเช่นปัจจุบันซึ่งขึ้นกับอายุเชิงตัวเลข ระบบดังกล่าวนี้สามารถอาศัยเหตุการณ์ในบันทึกการลำดับชั้นหินและอาศัยการกำหนดโดยจุดและแหล่งชั้นหินแบบฉบับขอบทั่วโลก (GSSP) โดยอภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียนสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 บรมยุค "ตามธรรมชาติ" โดยมีลักษณะดังนี้[24]
- บรมยุคการพอกสะสมและการเปลี่ยนสภาพ (Accretion and differentiation) เป็นยุคตั้งแต่การก่อกำเนิดดาวเคราะห์ไปจนถึงเหตุการณ์การชนครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิดดวงจันทร์
- บรมยุคเฮเดียน (Hadean) เป็นยุคที่เต็มไปด้วยการระดมชนหนักจากประมาณ 4.51 พันล้านปีก่อน (อาจรวมถึงช่วงยุคการเย็นตัวช่วงแรกของโลกด้วย) ไปจนถึงสิ้นสุดยุคการระดมชนหนักครั้งหลัง
- บรมยุคอาร์เคียน (Archean) เป็นยุคที่กำหนดขึ้นโดยการก่อตัวขึ้นของเปลือกโลกชั้นแรก (เข็มขัดกรีนสโตนอีซัว) ไปจนถึงการสะสมตัวของการเกิดแถบเหล็กเนื่องจากปริมาณออกซิเจนในชั้นบรรยากาศที่เพิ่มขึ้น
- บรมยุคเปลี่ยนผ่าน (Transition) เป็นยุคที่มีการเกิดแถบเหล็กอย่างต่อเนื่องไปจนถึงชั้นหินแดงทวีปแรก
- บรมยุคโพรเทอโรโซอิก (Proterozoic) เป็นยุคของการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาคยุคใหม่ไปจนถึงสัตว์ตัวแรก
มหาทวีปพรีแคมเบรียน
การเคลื่อนตัวของแผ่นธรณีภาคของโลก ทำให้เกิดการก่อตัวและการแตกออกของทวีปเมื่อเวลาผ่านไป รวมไปถึง การก่อตัวเป็นมหาทวีปซึ่งรวมเอาแผ่นดินทั้งหมดไว้ด้วย มหาทวีปแรกสุดที่รู้จัก คือ วาลบารา โดยก่อตัวขึ้นจากทวีปก่อนเกิดและกลายเป็นมหาทวีปเมื่อ 3.636 พันล้านปีก่อน วาลบาราแตกออกจากกันเมื่อประมาณ 2.845 ถึง 2.803 พันล้านปีก่อน มหาทวีปเคนอร์แลนด์ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 2.72 พันล้านปีก่อนและแตกออกในบางช่วงก่อน 2.45–2.1 พันล้านปีก่อนเป็นหินฐานธรณีทวีปก่อนเกิด เรียกว่า ลอเรนเชีย บอลติกา ยิลการ์น และ คาลาฮารี มหาทวีปโคลัมเบียหรือนูนา ก่อตัวขึ้นเมื่อ 2.1–1.8 พันล้านปีก่อนและแตกออกเมื่อประมาณ 1.3–1.2 พันล้านปีก่อน[25][26] มหาทวีปโรดิเนีย คาดกันว่าก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 1,300 ถึง 900 ล้านปีก่อน โดยได้รวบรวมทวีปส่วนใหญ่หรือทั้งหมดของโลกไว้ และแยกออกเป็นแปดทวีปเมื่อราว 750 ถึง 600 ล้านปีก่อน[27]
ดูเพิ่ม
- บรมยุคฟาเนอโรโซอิก – บรมยุคที่สี่และบรมยุคปัจจุบันของธรณีกาล
อ้างอิง
- ↑ Gradstein, F.M.; Ogg, J.G.; Schmitz, M.D.; Ogg, G.M., บ.ก. (2012). The Geologic Timescale 2012. Vol. 1. Elsevier. p. 301. ISBN 978-0-44-459390-0.
- ↑ Brun, Yves; Shimkets, Lawrence J. (January 2000). Prokaryotic development. ASM Press. p. 114. ISBN 978-1-55581-158-7.
- ↑ Dodd, Matthew S.; Papineau, Dominic; Grenne, Tor; slack, John F.; Rittner, Martin; Pirajno, Franco; O'Neil, Jonathan; Little, Crispin T. S. (2 March 2017). "Evidence for early life in Earth's oldest hydrothermal vent precipitates". Nature. 543 (7643): 60–64. Bibcode:2017Natur.543...60D. doi:10.1038/nature21377. PMID 28252057.
- ↑ Zimmer, Carl (1 March 2017). "Scientists Say Canadian Bacteria Fossils May Be Earth's Oldest". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2 March 2017.
- ↑ Ghosh, Pallab (1 March 2017). "Earliest evidence of life on Earth 'found'". BBC News. สืบค้นเมื่อ 2 March 2017.
- ↑ Dunham, Will (1 March 2017). "Canadian bacteria-like fossils called oldest evidence of life". Reuters. สืบค้นเมื่อ 1 March 2017.
- ↑ Albani, Abderrazak El; Bengtson, Stefan; Canfield, Donald E.; Bekker, Andrey; Macchiarelli, Roberto; Mazurier, Arnaud; Hammarlund, Emma U.; Boulvais, Philippe; Dupuy, Jean-Jacques; Fontaine, Claude; Fürsich, Franz T.; Gauthier-Lafaye, François; Janvier, Philippe; Javaux, Emmanuelle; Ossa, Frantz Ossa; Pierson-Wickmann, Anne-Catherine; Riboulleau, Armelle; Sardini, Paul; Vachard, Daniel; Whitehouse, Martin; Meunier, Alain (July 2010). "Large colonial organisms with coordinated growth in oxygenated environments 2.1 Gyr ago". Nature. 466 (7302): 100–104. Bibcode:2010Natur.466..100A. doi:10.1038/nature09166. PMID 20596019. S2CID 4331375.
- ↑ Donoghue, Philip C. J.; Antcliffe, Jonathan B. (July 2010). "Origins of multicellularity". Nature. 466 (7302): 41–42. doi:10.1038/466041a. PMID 20596008. S2CID 4396466.
- ↑ Rozanov, A. Yu.; Astafieva, M. M. (1 March 2013). "A unique find of the earliest multicellular algae in the Lower Proterozoic (2.45 Ga) of the Kola Peninsula". Doklady Biological Sciences. 449 (1): 96–98. doi:10.1134/S0012496613020051. PMID 23652437. S2CID 15774804.
- ↑ Qu, Yuangao; Zhu, Shixing; Whitehouse, Martin; Engdahl, Anders; McLoughlin, Nicola (1 January 2018). "Carbonaceous biosignatures of the earliest putative macroscopic multicellular eukaryotes from 1630 Ma Tuanshanzi Formation, north China". Precambrian Research. 304: 99–109. doi:10.1016/j.precamres.2017.11.004.
- ↑ Bengtson, Stefan; Sallstedt, Therese; Belivanova, Veneta; Whitehouse, Martin (14 March 2017). "Three-dimensional preservation of cellular and subcellular structures suggests 1.6 billion-year-old crown-group red algae". PLOS Biology. 15 (3): e2000735. doi:10.1371/journal.pbio.2000735. PMC 5349422. PMID 28291791.
- ↑ Gibson, Timothy M; Shih, Patrick M; Cumming, Vivien M; Fischer, Woodward W; Crockford, Peter W; Hodgskiss, Malcolm S.W; Wörndle, Sarah; Creaser, Robert A; Rainbird, Robert H; Skulski, Thomas M; Halverson, Galen P (2017). "Precise age of Bangiomorpha pubescens dates the origin of eukaryotic photosynthesis" (PDF). Geology. 46 (2): 135–138. doi:10.1130/G39829.1.
- ↑ Laflamme, M. (9 September 2014). "Modeling morphological diversity in the oldest large multicellular organisms". Proceedings of the National Academy of Sciences. 111 (36): 12962–12963. Bibcode:2014PNAS..11112962L. doi:10.1073/pnas.1412523111. PMC 4246935. PMID 25114212.
- ↑ Kolesnikov, Anton V.; Rogov, Vladimir I.; Bykova, Natalia V.; Danelian, Taniel; Clausen, Sébastien; Maslov, Andrey V.; Grazhdankin, Dmitriy V. (October 2018). "The oldest skeletal macroscopic organism Palaeopascichnus linearis". Precambrian Research. 316: 24–37. Bibcode:2018PreR..316...24K. doi:10.1016/j.precamres.2018.07.017.
- ↑ Fedonkin, Mikhail A.; Gehling, James G.; Grey, Kathleen; Narbonne, Guy M.; Vickers-Rich, Patricia (2007). The Rise of Animals: Evolution and Diversification of the Kingdom Animalia. JHU Press. p. 326. doi:10.1086/598305. ISBN 9780801886799.
- ↑ Dawkins, Richard; Wong, Yan (2005). The Ancestor's Tale: A Pilgrimage to the Dawn of Evolution. Houghton Mifflin Harcourt. pp. 673. ISBN 9780618619160.
- ↑ Selden, Paul A. (2005). "Terrestrialization (Precambrian–Devonian)" (PDF). Encyclopedia of Life Sciences. John Wiley & Sons, Ltd. doi:10.1038/npg.els.0004145. ISBN 978-0470016176.
- ↑ Scientists discover 'oldest footprints on Earth' in southern China dating back 550 million years The Independent
- ↑ Chen, Zhe; Chen, Xiang; Zhou, Chuanming; Yuan, Xunlai; Xiao, Shuhai (June 2018). "Late Ediacaran trackways produced by bilaterian animals with paired appendages". Science Advances. 4 (6): eaao6691. Bibcode:2018SciA....4.6691C. doi:10.1126/sciadv.aao6691. PMC 5990303. PMID 29881773.
- ↑ Clemmey, Harry; Badham, Nick (1982). "Oxygen in the Precambrian Atmosphere". Geology. 10 (3): 141–146. Bibcode:1982Geo....10..141C. doi:10.1130/0091-7613(1982)10<141:OITPAA>2.0.CO;2.
- ↑ Geological Society of America's "2009 GSA Geologic Time Scale."
- ↑ Harrison, T. Mark (27 April 2009). "The Hadean Crust: Evidence from >4 Ga Zircons". Annual Review of Earth and Planetary Sciences. 37 (1): 479–505. Bibcode:2009AREPS..37..479H. doi:10.1146/annurev.earth.031208.100151.
- ↑ Abramov, Oleg; Kring, David A.; Mojzsis, Stephen J. (October 2013). "The impact environment of the Hadean Earth". Geochemistry. 73 (3): 227–248. Bibcode:2013ChEG...73..227A. doi:10.1016/j.chemer.2013.08.004.
- ↑ Bleeker, W. (2004) [2004]. "Toward a "natural" Precambrian time scale". ใน Felix M. Gradstein; James G. Ogg; Alan G. Smith (บ.ก.). A Geologic Time Scale 2004. Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-78673-7. also available at Stratigraphy.org: Precambrian subcommission
- ↑ Zhao, Guochun; Cawood, Peter A.; Wilde, Simon A.; Sun, M. (2002). "Review of global 2.1–1.8 Ga orogens: implications for a pre-Rodinia super-continent". Earth-Science Reviews. 59 (1): 125–162. Bibcode:2002ESRv...59..125Z. doi:10.1016/S0012-8252(02)00073-9.
- ↑ Zhao, Guochun; Sun, M.; Wilde, Simon A.; Li, S.Z. (2004). "A Paleo-Mesoproterozoic super-continent: assembly, growth and breakup". Earth-Science Reviews (Submitted manuscript). 67 (1): 91–123. Bibcode:2004ESRv...67...91Z. doi:10.1016/j.earscirev.2004.02.003.
- ↑ Li, Z. X.; Bogdanova, S. V.; Collins, A. S.; Davidson, A.; De Waele, B.; Ernst, R. E.; Fitzsimons, I. C. W.; Fuck, R. A.; Gladkochub, D. P.; Jacobs, J.; Karlstrom, K. E.; Lul, S.; Natapov, L. M.; Pease, V.; Pisarevsky, S. A.; Thrane, K.; Vernikovsky, V. (2008). "Assembly, configuration, and break-up history of Rodinia: A synthesis" (PDF). Precambrian Research. 160 (1–2): 179–210. Bibcode:2008PreR..160..179L. doi:10.1016/j.precamres.2007.04.021. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 6 February 2016.
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
- Valley, John W., William H. Peck, Elizabeth M. King (1999) Zircons Are Forever, The Outcrop for 1999, University of Wisconsin-Madison Wgeology.wisc.edu เก็บถาวร 2012-03-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน – Evidence from detrital zircons for the existence of continental crust and oceans on the Earth 4.4 Gyr ago Accessed Jan. 10, 2006
- Wilde, S. A.; Valley, J. W.; Peck, W. H.; Graham, C. M. (2001). "Evidence from detrital zircons for the existence of continental crust and oceans on the Earth 4.4 Gyr ago". Nature. 409 (6817): 175–178. doi:10.1038/35051550. PMID 11196637.
- Wyche, S.; Nelson, D. R.; Riganti, A. (2004). "4350–3130 Ma detrital zircons in the Southern Cross Granite–Greenstone Terrane, Western Australia: implications for the early evolution of the Yilgarn Craton". Australian Journal of Earth Sciences. 51 (1): 31–45. doi:10.1046/j.1400-0952.2003.01042.x.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Late Precambrian Supercontinent and Ice House World from the Paleomap Project