ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โพรงอากาศอักเสบ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
MuanN (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
MuanN (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 28: บรรทัด 28:
สาเหตุอาจเกิดจาก[[การติดเชื้อ]] [[เยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้|โรคภูมิแพ้]] [[มลพิษในอากาศ]] หรือโครงสร้างในจมูกมีความผิดปกติ<ref name=CDC2013/> โดยส่วนใหญ่เกิดจาก[[การติดเชื้อไวรัส]]<ref name=CDC2013>{{cite web|title=Sinus Infection (Sinusitis)|url=https://www.cdc.gov/getsmart/antibiotic-use/URI/sinus-infection.html|website=cdc.gov|access-date=6 April 2015|date=September 30, 2013|url-status=live|archive-url=https://web.archive.org/web/20150407181505/http://www.cdc.gov/getsmart/antibiotic-use/URI/sinus-infection.html|archive-date=7 April 2015}}</ref> ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น [[โรคหืด]] [[ซิสติกไฟโบรซิส]] หรือ[[ภูมิคุ้มกันบกพร่อง]]<ref name=Ros2015/> อาจมีการกลับเป็นซ้ำๆ ได้มากกว่าคนอื่น โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องใช้[[การถ่ายภาพรังสีทางการแพทย์]] เว้นแต่จะสงสัยว่ามี[[ภาวะแทรกซ้อน]] ในรายที่เป็นเรื้อรังสามารถตรวจยืนยันได้ โดยอาจตรวจด้วยการส่องตรวจโดยตรง หรือการทำ[[ซีทีสแกน]]ก็ได้<ref name=Ros2015/>
สาเหตุอาจเกิดจาก[[การติดเชื้อ]] [[เยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้|โรคภูมิแพ้]] [[มลพิษในอากาศ]] หรือโครงสร้างในจมูกมีความผิดปกติ<ref name=CDC2013/> โดยส่วนใหญ่เกิดจาก[[การติดเชื้อไวรัส]]<ref name=CDC2013>{{cite web|title=Sinus Infection (Sinusitis)|url=https://www.cdc.gov/getsmart/antibiotic-use/URI/sinus-infection.html|website=cdc.gov|access-date=6 April 2015|date=September 30, 2013|url-status=live|archive-url=https://web.archive.org/web/20150407181505/http://www.cdc.gov/getsmart/antibiotic-use/URI/sinus-infection.html|archive-date=7 April 2015}}</ref> ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น [[โรคหืด]] [[ซิสติกไฟโบรซิส]] หรือ[[ภูมิคุ้มกันบกพร่อง]]<ref name=Ros2015/> อาจมีการกลับเป็นซ้ำๆ ได้มากกว่าคนอื่น โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องใช้[[การถ่ายภาพรังสีทางการแพทย์]] เว้นแต่จะสงสัยว่ามี[[ภาวะแทรกซ้อน]] ในรายที่เป็นเรื้อรังสามารถตรวจยืนยันได้ โดยอาจตรวจด้วยการส่องตรวจโดยตรง หรือการทำ[[ซีทีสแกน]]ก็ได้<ref name=Ros2015/>


<!-- Prevention and treatment -->
การป้องกันอาจทำได้โดยการล้างมือ งดสูบบุหรี่ และการฉีดวัคซีน การบรรเทาอาการสามารถทำได้โดยใช้ยา เช่น ยาแก้ปวด ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์ และการล้างจมูก คำแนะนำในการรักษาแรกเริ่มสำหรับผู้ป่วยไซนัสอักเสบเฉียบพลันคือการสังเกตอาการอย่างระมัดระวัง (watchful waiting) หากอาการไม่ดีขึ้นใน 7-10 วัน หรือมีอาการแย่ลง จึงพิจารณาเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ หรือเปลี่ยนชนิดยาหากใช้มาก่อนแล้ว ในกรณีที่จะต้องใช้ยาปฏิชีวนะมีคำแนะนำให้ใช้ยาอะม็อกซีซิลลิน หรือ อะม็อกซีซิลลินผสมคลาวูโลเนต เป็นอันดับแรก ในผู้ป่วยไซนัสอักเสบเรื้อรังบางรายอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
การป้องกันอาจทำได้โดย[[การล้างมือ]] งด[[สูบบุหรี่]] และ[[การฉีดวัคซีน]]<ref name=CDC2013/> การบรรเทาอาการสามารถทำได้โดยใช้ยา เช่น [[ยาแก้ปวด]] [[ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์]] และ[[Nasal irrigation|การล้างจมูก]]<ref name=Ros2015/><ref name=King2015>{{cite journal | vauthors = King D, Mitchell B, Williams CP, Spurling GK | title = Saline nasal irrigation for acute upper respiratory tract infections | journal = The Cochrane Database of Systematic Reviews | volume = 4 | issue = 4 | pages = CD006821 | date = April 2015 | pmid = 25892369 | doi = 10.1002/14651858.CD006821.pub3 | url = http://espace.library.uq.edu.au/view/UQ:201653/UQ201653_OA.pdf }}</ref> คำแนะนำในการรักษาแรกเริ่มสำหรับผู้ป่วยไซนัสอักเสบเฉียบพลันคือ[[Watchful waiting|การสังเกตอาการอย่างระมัดระวัง]] (watchful waiting)<ref name=Ros2015/> หากอาการไม่ดีขึ้นใน 7-10 วัน หรือมีอาการแย่ลง จึงพิจารณาเริ่มใช้[[ยาปฏิชีวนะ]] หรือเปลี่ยนชนิดยาหากใช้มาก่อนแล้ว<ref name=Ros2015/> ในกรณีที่จะต้องใช้ยาปฏิชีวนะมีคำแนะนำให้ใช้ยา[[อะม็อกซีซิลลิน]] หรือ [[Amoxicillin/clavulanic acid|อะม็อกซีซิลลินผสมคลาวูโลเนต]] เป็นอันดับแรก<ref name=Ros2015/> ในผู้ป่วยไซนัสอักเสบเรื้อรังบางรายอาจจำเป็นต้องรักษาด้วย[[การผ่าตัด]]<ref>{{cite web|title=How Is Sinusitis Treated?|url=https://www.niaid.nih.gov/topics/sinusitis/Pages/treatment.aspx|access-date=6 April 2015|date=April 3, 2012|url-status=live|archive-url=https://web.archive.org/web/20150405025201/http://www.niaid.nih.gov/topics/sinusitis/Pages/treatment.aspx|archive-date=5 April 2015}}</ref>


<!-- Epidemiology and society -->
<!-- Epidemiology and society -->

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:50, 19 มิถุนายน 2565

โพรงอากาศอักเสบ
(Sinusitis)
ชื่ออื่นSinus infection, rhinosinusitis
โพรงอากาศขากรรไกรบนข้างซ้ายอักเสบ (Maxillary sinusitis) (ลูกศร) สังเกตว่าลักษณะโพรงอากาศดูทึบเทียบกับอีกข้างหนึ่งเนื่องจากมีของเหลวจากการอักเสบ
สาขาวิชาโสตศอนาสิกวิทยา
อาการน้ำมูกข้นเหนียว, คัดจมูก, เจ็บใบหน้า, มีไข้[1][2]
สาเหตุการติดเชื้อ (แบคทีเรีย, เชื้อรา, ไวรัส), โรคภูมิแพ้, มลพิษในอากาศ, โครงสร้างจมูกผิดปกติ[2]
ปัจจัยเสี่ยงโรคหอบหืด, ซิสติกไฟโบรซิส, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง[1]
วิธีวินิจฉัยส่วนใหญ่ใช้วินิจฉัยจากอาการ[1]
โรคอื่นที่คล้ายกันไมเกรน[3]
การป้องกันการล้างมือ, การงดสูบบุหรี่
การรักษายาแก้ปวด, ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์, การล้างจมูก, ยาปฏิชีวนะ[1][4]
ความชุกปีละ 10–30% (กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว)[1][5]

โพรงอากาศอักเสบ หรือที่นิยมเรียกกันว่า ไซนัสอักเสบ (อังกฤษ: sinusitis, rhinosinusitis) คือการอักเสบของชั้นเยื่อเมือกภายในโพรงอากาศข้างจมูก หรือ "ไซนัส" ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการมีน้ำมูกข้นเหนียว คัดจมูก และปวดใบหน้าได้[1][6] อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้ ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ สูญเสียการรับกลิ่น เจ็บคอ และไอ[2] หากเป็นมาไม่เกิน 4 สัปดาห์ เรียกว่า ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน และหากเป็นมานานกว่า 12 สัปดาห์ เรียกว่า ไซนัสอักเสบเรื้อรัง[1]

สาเหตุอาจเกิดจากการติดเชื้อ โรคภูมิแพ้ มลพิษในอากาศ หรือโครงสร้างในจมูกมีความผิดปกติ[2] โดยส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส[2] ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหืด ซิสติกไฟโบรซิส หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง[1] อาจมีการกลับเป็นซ้ำๆ ได้มากกว่าคนอื่น โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องใช้การถ่ายภาพรังสีทางการแพทย์ เว้นแต่จะสงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อน ในรายที่เป็นเรื้อรังสามารถตรวจยืนยันได้ โดยอาจตรวจด้วยการส่องตรวจโดยตรง หรือการทำซีทีสแกนก็ได้[1]

การป้องกันอาจทำได้โดยการล้างมือ งดสูบบุหรี่ และการฉีดวัคซีน[2] การบรรเทาอาการสามารถทำได้โดยใช้ยา เช่น ยาแก้ปวด ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์ และการล้างจมูก[1][4] คำแนะนำในการรักษาแรกเริ่มสำหรับผู้ป่วยไซนัสอักเสบเฉียบพลันคือการสังเกตอาการอย่างระมัดระวัง (watchful waiting)[1] หากอาการไม่ดีขึ้นใน 7-10 วัน หรือมีอาการแย่ลง จึงพิจารณาเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ หรือเปลี่ยนชนิดยาหากใช้มาก่อนแล้ว[1] ในกรณีที่จะต้องใช้ยาปฏิชีวนะมีคำแนะนำให้ใช้ยาอะม็อกซีซิลลิน หรือ อะม็อกซีซิลลินผสมคลาวูโลเนต เป็นอันดับแรก[1] ในผู้ป่วยไซนัสอักเสบเรื้อรังบางรายอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด[7]

ไซนัสอักเสบเป็นโรคที่พบได้บ่อย[1] โดยข้อมูลจากสหรัฐและยุโรปพบว่าในปีหนึ่งๆ จะพบคนทั่วไปประมาณร้อยละ 10-30 ป่วยเป็นไซนัสอักเสบ[1][5] ไซนัสอักเสบเรื้อรังพบได้ในคนร้อยละ 12.5[8] ค่าใช้จ่ายในการรักษาไซนัสอักเสบในสหรัฐคิดเป็นเงินกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[1] อีกทั้งยังมีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่สมเหตุสมผลในการรักษาไซนัสอักเสบจากเชื้อไวรัสอยู่บ่อยครั้ง[1]

อ้างอิง

  1. 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 1.15 1.16 Rosenfeld RM, Piccirillo JF, Chandrasekhar SS, Brook I, Kumar KA, Kramper M, Orlandi RR, Palmer JN, Patel ZM, Peters A, Walsh SA, Corrigan MD (April 2015). "Clinical practice guideline (update): Adult Sinusitis Executive Summary". Otolaryngology–Head and Neck Surgery. 152 (4): 598–609. doi:10.1177/0194599815574247. PMID 25833927. S2CID 206469424.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 "Sinus Infection (Sinusitis)". cdc.gov. September 30, 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 April 2015. สืบค้นเมื่อ 6 April 2015.
  3. "Migraines vs. Sinus Headaches". American Migraine Foundation. สืบค้นเมื่อ 2017-10-23.
  4. 4.0 4.1 King D, Mitchell B, Williams CP, Spurling GK (April 2015). "Saline nasal irrigation for acute upper respiratory tract infections" (PDF). The Cochrane Database of Systematic Reviews. 4 (4): CD006821. doi:10.1002/14651858.CD006821.pub3. PMID 25892369.
  5. 5.0 5.1 Adkinson NF (2014). Middleton's allergy: principles and practice (Eight ed.). Philadelphia: Elsevier Saunders. p. 687. ISBN 9780323085939. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-06-03.
  6. Head K, Chong LY, Piromchai P, Hopkins C, Philpott C, Schilder AG, Burton MJ (April 2016). "Systemic and topical antibiotics for chronic rhinosinusitis" (PDF). The Cochrane Database of Systematic Reviews. 4: CD011994. doi:10.1002/14651858.CD011994.pub2. PMID 27113482.
  7. "How Is Sinusitis Treated?". April 3, 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 April 2015. สืบค้นเมื่อ 6 April 2015.
  8. Hamilos DL (October 2011). "Chronic rhinosinusitis: epidemiology and medical management". The Journal of Allergy and Clinical Immunology. 128 (4): 693–707, quiz 708–9. doi:10.1016/j.jaci.2011.08.004. PMID 21890184.

แหล่งข้อมูลอื่น

การจำแนกโรค
ทรัพยากรภายนอก