เจฟฟ์ ไวต์ฟุต
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
วันเกิด | 31 ธันวาคม ค.ศ. 1933 | ||
สถานที่เกิด | Cheadle, Cheshire, England | ||
วันเสียชีวิต | 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 | (90 ปี)||
ตำแหน่ง | วิงฮาล์ฟ | ||
สโมสรเยาวชน | |||
1949–1950 | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
1950–1957 | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | 93 | (0) |
1957–1958 | Grimsby Town | 26 | (5) |
1958–1967 | นอตทิงแฮมฟอเรสต์ | 255 | (5) |
รวม | 374 | (10) | |
ทีมชาติ | |||
1954 | อังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี | 1 | (0) |
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น |
เจฟฟรีย์ ไวต์ฟุต (อังกฤษ: Jeffrey Whitefoot, 31 ธันวาคม 1933 – 2 กรกฎาคม 2024)[1][2][3] เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษผู้เล่นในตำแหน่งวิงฮาล์ฟให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด,[4] กริมสบีทาวน์,[5] และนอตทิงแฮมฟอเรสต์[6]ในฟุตบอลลีก เขาติดทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีในปี 1954
ไวต์ฟุตเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฐานะเด็กฝึกหัดเมื่อปี 1949 ตอนที่เขาลงประเดิมสนามเจอกับพอร์ทสมัทในเดือนเมษายน 1950 เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ลงตัวจริงในลีกให้กับยูไนเต็ดด้วยวัยเพียง 16 ปี 105 วัน ระหว่าง 8 ฤดูกาลกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เขาลงเล่นไป 95 นัดในทุกรายการ และเป็นสมาชิกของทีมที่คว้าแชมป์ลีกในปี 1952 และ 1956 แม้ว่าเขาจะไม่เคยยิงประตูให้กับสโมสรเลย[7] เขาออกจากสโมสรเพื่อไปเล่นให้กับกริมสบีทาวน์ในปี 1957 แต่เพียงปีต่อมา เขาได้กลับมาเล่นในดิวิชันหนึ่งอีกครั้ง โดยย้ายไปร่วมทีมนอตทิงแฮมฟอเรสต์ และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 1959 เขาอยู่กับฟอเรสต์จนกระทั่งเลิกเล่นเมื่อจบฤดูกาล 1966–67 เมื่อฟอเรสต์จบอันดับสองในลีกตามหลังแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของฟอเรสต์ในลีกในเวลานั้น
หลังจากที่บิลลี เกรย์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2011 ไวต์ฟุตจึงกลายเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ของทีมที่คว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 1959 นอกจากนี้การเสียชีวิตของบิล โฟกส์ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 ส่งผลให้ไวต์ฟุตกลายเป็นผู้เล่นคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่และได้เหรียญรางวัลชนะเลิศลีกกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1955–56 โดยลงเล่นในลีกไป 15 นัดในฤดูกาลนั้น อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนั้น นักเตะของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 7 คนที่เหรียญแชมป์ต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าจากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางอากาศมิวนิก เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1958 รวมถึงเอ็ดดี้ โคลแมน ผู้ที่เข้ามาแทนที่ไวต์ฟุตในตำแหน่งแบ็กขวาตัวจริงของทีมในฤดูกาลนั้น[8]
หลังจากยุติอาชีพนักฟุตบอล ไวต์ฟุตได้หันมาเปิดผับที่อีสต์ลีกและโอคแฮม เขาถูกเรียกว่า "ผู้เล่นคนสุดท้ายของบัสบีเบบส์"[9] ไวต์ฟุตเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 สิริอายุได้ 90 ปี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Jeff Whitefoot: 1933-2024". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 July 2024. สืบค้นเมื่อ 3 July 2024.
- ↑ "Jeffrey Whitefoot". MUFCInfo. Mark Graham. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 July 2015. สืบค้นเมื่อ 15 October 2009.
- ↑ Jeff Whitefoot obituary: last but one of the Busby Babes
- ↑ "Manchester United : 1946/47–2008/09". UK A–Z Transfers. Neil Brown. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 June 2019. สืบค้นเมื่อ 13 October 2009.
- ↑ "Grimsby Town : 1946/47–2008/09". UK A–Z Transfers. Neil Brown. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 September 2020. สืบค้นเมื่อ 13 October 2009.
- ↑ "Nottingham Forest : 1946/47–2008/09". UK A–Z Transfers. Neil Brown. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2021. สืบค้นเมื่อ 13 October 2009.
- ↑ Fort, Didier (11 August 2000). "Manchester United FC - Postwar Champions". RSSSF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 July 2024. สืบค้นเมื่อ 15 October 2009.
- ↑ "FA Cup Final 1959". Nottingham Forest F.C. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 May 2009. สืบค้นเมื่อ 15 October 2009.
- ↑ Harby, Chris (28 January 2023). "Manchester United's oldest surviving player Jeff Whitefoot recalls his days with the Busby Babes, the Munich Air Disaster and winning the FA Cup with Nottingham Forest". Stamford Mercury. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 January 2023. สืบค้นเมื่อ 28 January 2023.