เขตชูคา
เขตชูคา ཆུ་ཁ་རྫོང་ཁག (ซองคา) | |
---|---|
เขต | |
แผนที่แสดงเขตชูคาในภูฏาน | |
ประเทศ | ภูฏาน |
เมืองเอก | พันท์โชลลิง |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 1,991 ตร.กม. (769 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2005) | |
• ทั้งหมด | 74,387 คน |
• ความหนาแน่น | 37 คน/ตร.กม. (97 คน/ตร.ไมล์) |
เขตเวลา | UTC+6 (BTT) |
เขตชูคา (ซองคา: ཆུ་ཁ་རྫོང་ཁག་) เป็นหนึ่งใน 20 เขตของประเทศภูฏาน มีเมืองเอกคือ พันท์โชลลิง ซึ่งเป็นประตูเชื่อมระหว่างอินเดียและภาคตะวันตกของภูฏาน ชูคาเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเงินของภูฏาน เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ เป็นที่ตั้งของสถานีไฟฟ้าพลังงานน้ำและเขื่อนทาลา ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นเขตที่มีมูลค่า GDP สูงที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังมีโรงงานอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ที่สุดหลายแห่ง อาทิ บริษัท Bhutan Carbide Chemical จำกัด (BCCL) และ บริษัท Bhutan Boards Products จำกัด (BBPL)
ภาษา
[แก้]ภาษาหลักที่ใช้ในการสื่อสารคือ ภาษาซองคา ซึ่งพูดโดยชาวงาลอบที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือ และชาวชาร์คอปที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของเขต ส่วนภาษา Lhokpu จะใช้ในกลุ่มชาว Lhop ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของชูคาตามแนวเขตแดนกับเขตซัมชิ
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]เขตชูคาประกอบด้วย 11 เขต หรือ gewog[1]
- Bjacho Gewog
- Bongo Gewog
- Chapcha Gewog
- Dala Gewog
- Dungna Gewog
- Geling Gewog
- Getena Gewog
- Logchina Gewog
- Metakha Gewog
- Phuentsholing Gewog
- Sampheling Gewog
สิ่งแวดล้อม
[แก้]สภาพแวดล้อมในชูคาค่อนข้างแตกต่างจากเขตอื่นๆ เพราะตามแนวเขตแดนกับเขตซัมชินั้นไม่ได้ถูกจัดอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวน ถึงแม้ว่าพื้นที่ทางภาตใต้ของภูฏานส่วนใหญ่จะเป็นป่าสงวนก็ตาม แต่ในช่วงปี ค.ศ. 1960 พื้นที่ป่าสงวนเหล่านั้นมีการบุกรุกเพิ่มมากขึ้นไม่สามารถควบคุมได้ [2][3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Chiwogs in Chukha" (PDF). คณะกรรมการการเลือกตั้ง, รัฐบาลภูฏาน. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-10-02. สืบค้นเมื่อ 2011-07-28.
- ↑ "Parks of Bhutan". Bhutan Trust Fund for Environmental Conservation online. Bhutan Trust Fund. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-02. สืบค้นเมื่อ 2011-03-26.
- ↑ "The Organisation". Bhutan Trust Fund for Environmental Conservation online. Bhutan Trust Fund. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-03-29. สืบค้นเมื่อ 2011-03-26.