หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ
เกิด10 กันยายน พ.ศ. 2417
จังหวัดธนบุรี ประเทศสยาม
เสียชีวิต27 มกราคม พ.ศ. 2517
(อายุ 99 ปี)
มีชื่อเสียงจากพม่าประเทศ
คู่สมรสพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
บุตรพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
หม่อมเจ้าศิวากร วรวรรณ
บิดามารดา
  • หม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล (บิดา)
  • ยิ้ม มนตรีกุล ณ อยุธยา (มารดา)

หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ เป็นหม่อมในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

ประวัติ[แก้]

หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ เป็นชาวบางกอกใหญ่ ธนบุรี เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีแรม 14 ค่ำ เดือน 9 ปีจอ ตรงกับวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2417[1] ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นธิดาของหม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล บุตรหม่อมเจ้าแบน โอรสในสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี มารดาชื่อยิ้ม (สกุลเดิมศิริวันต์) สายราชสกุลมนตรีกุล ของหม่อมหลวงต่วนศรี เป็นสายที่มีความสามารถสูงในเชิงละครมาตั้งแต่สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรี ผู้เป็นต้นราชสกุลนี้

หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ มีศักดิ์เป็นหลาน ของ หม่อมราชวงศ์สนอง มนตรีกุล

หม่อมเจ้าแบน มนตรีกุล และ หม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล ซึ่งเป็นท่านปู่และบิดาของหม่อมหลวงต่วนศรี ก็มีความรู้ความสามารถและสนใจปลูกฝังวิชาการละครตกทอดมาตามลำดับจนถึงหม่อมหลวงต่วนศรี ท่านจึงรอบรู้ทั้งในกระบวนรำและดนตรีตลอดจนการขับร้อง โดยเฉพาะจะเข้นั้นหม่อมหลวงต่วนศรี เล่นได้ดีมาก เมื่อท่านได้มาเป็นหม่อมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์นั้น ท่านได้เป็นศิษย์ของเจ้าจอมมารดาเขียน ในรัชกาลที่ 4 ซึงเป็นพระมารดาของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เจ้าจอมมารดาเขียนก็เป็นตัวละครเอกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นตัวเอก (เรียกกันเป็นสมญาว่า เขียนอิเหนา เขียนสังคามารตา) จึงได้มรดกการร่ายรำและเพลงการ ตกทอดมาอีกเป็นอันมาก ความรู้ของหม่อมหลวงต่วนศรี จึงมีอุดมสมบูรณ์ในเชิงละครทุกประการ

เมื่อกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงตั้งคณะละครนฤมิตรขึ้น ท่านก็เป็นกำลังสำคัญในการแต่งเพลงในละครร้องทุกเรื่อง บทละครนั้น กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงนิพนธ์อย่างรวดเร็วและท่านก็บรรจุเพลงได้อย่างรวดเร็วทันท่วงทีด้วย เรียกว่าไวกันกันทั้งคู่ วิธีการนั้นคือ ท่านจะเป็นผู้ดีดจะเข้และร้องเพลงไปพร้อมกัน รวมทั้งคิดท่ารำตีบทให้เสร็จที่ขั้นชื่อมากคือเรื่องพระลอ ละครเรื่องแรกที่ท่านมีส่วนช่วยเหลือมากคือเรื่องอาหรับราตรี ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นละครหลวงนฤมิตร จนเมื่อเกิดเป็นโรงละครปรีดาลัยขึ้น ก็เรียกละครปรีดาลัย เพลงต่าง ๆ ในเรื่อง สาวเครือฟ้า ตุ๊กตายอดรัก พระเจ้าสีป๊อมินทร์ ขวดแก้วเจียรนัย ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของท่านทั้งสิ้น ความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีของท่านเห็นได้จากการแต่งเพลงและบรรจุเพลงลงในละครแต่ละเรื่อง เพราะปรากฏว่า ท่านแต่งเพลงเร็วมากและมีลูกเล่นยักเยื้องแพรวพราว เพลงสำเนียงลาวต่างๆ ที่ท่านนำมาบรรจุลงในละครเรื่องพระลอนั้น จริงอยู่ของเก่าก็มีอยู่บ้างแล้วเหมือนกัน แต่ท่านสามารถเปลี่ยนทำนองจนเกิดเป็นเพลงแนวใหม่ขึ้นได้อย่างฉับไว คุณสมบัติข้อนี้จะเห็นได้จากละครเรื่องพระเจ้าสิป๊อมินทร์ อีกเรื่องหนึ่ง เพราะท่านให้กำเนิดเพลงสำเนียงพม่าขึ้นมาใหม่ มีชื่อแปลกๆถึงกว่า 50 เพลง อาทิ พม่าพ้อ พม่าวอน พม่าพิโรธ พม่าตังคียก พม่าพรึม พม่าเหเฮ พม่าละห้อย และที่สำคัญคือเพลง พม่าประเทศ (ซึ่งในสมัยต่อมาสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยนำไปใช้ประกอบสัญญาณเทียบเวลา) ฯลฯ มากมายสุดจะพรรณนา ท่านมีอายุยืนมาก และความจำดีจนวาระสุดท้ายเมื่อท่านอายุเกิน 90 ปี ยังนั่งดูละครโทรศัน์ของกรมศิลปากรบ่อย ๆ ท่านสามารถติชมวิจารณ์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะถ้าเล่าเรื่องพระลอ แล้ว ท่านจะตั้งใจดูเป็นพิเศษ ถ้าเห็นผิดไปจากแนวเดิมของท่านก็แสดงความขุ่นข้องในใจทุกคราวไป[2]

ท่านถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2517 รวมอายุได้ 99 ปี 4 เดือน ในการนี้พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศราชนิกุล และพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในคราวพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2517 โดยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในการพระราชทานเพลิงศพ

โอรส/ธิดา[แก้]

หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณมีโอรส/ธิดากับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ 2 พระองค์ ได้แก่

  • ศาสตราจารย์ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ (25 สิงหาคม พ.ศ. 2434 - 5 กันยายน พ.ศ. 2519) พระนามเดิม หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ, องคมนตรีในรัชกาลที่ 6, อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรองนายกรัฐมนตรี ทรงเสกสมรสกับ หม่อมเจ้าหญิงพิบูลย์เบญจางค์ กิติยากร และ หม่อมสร้อยสุพิณ บุนนาค (พ.ศ. 2436 - พ.ศ. 2525) มีธิดากับหม่อมสร้อยสุพิณ 1 ท่าน คือ ท่านผู้หญิงวิวรรณ เศรษฐบุตร (นามเดิม หม่อมราชวงศ์วิวรรณ วรวรรณ, สมรสกับ นายจิตริก เศรษฐบุตร อดีตเอกอัครราชทูต)
  • หม่อมเจ้าศิวากร วรวรรณ (20 มีนาคม พ.ศ. 2439 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2503) อดีตอาจารย์เตรียมแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , อดีตเลขานุการสถานทูตไทยประจำกรุงลอนดอน, ครูโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, ครูใหญ่โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย และ ครูใหญ่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา ไม่มีทายาทเนื่องจากครองความเป็นโสดจนกระทั่งสิ้นชีพตักษัย

ลำดับสาแหรก[แก้]

อ้างอิง[แก้]