ข้ามไปเนื้อหา

รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

State of Western Australia
ธงของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
ธง
ตราของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
ตรา
สมญา: 
Wildflower State or the Golden State
แผนที่ของประเทศออสเตรเลียเน้นรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
ประเทศธงของประเทศออสเตรเลีย ออสเตรเลีย
เมืองหลวงเพิร์ท
ผู้ว่าราชการWayne Martin (รักษาการ)
การปกครอง
 • มุขมนตรีColin Barnett (LP)
 • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร15
 • สมาชิกวุฒิสภา12
พื้นที่
 • ทั้งหมด2,645,615 ตร.กม. (1,021,478 ตร.ไมล์)
 • พื้นดิน2,529,875 ตร.กม. (976,790 ตร.ไมล์)
 • พื้นน้ำ115,740 ตร.กม. (44,690 ตร.ไมล์)  4.37%
อันดับพื้นที่1st
ความสูงจุดสูงสุด (Mount Meharry (AHD))1,249 เมตร (4,098 ฟุต)
ประชากร
 (December 2007)
 • ทั้งหมด2,163,200 คน
 • อันดับ4th[1]
 • ความหนาแน่น0.84 คน/ตร.กม. (2.2 คน/ตร.ไมล์)
 • อันดับความหนาแน่น7th
ผลิตภัณฑ์มวลรวม (2007-08)
 • ผลิตภัณฑ์$146,444[2] ล้าน
(อันดับที่ 4th)
 • ต่อหัว$68,142
(อันดับที่ 1st)
สัญลักษณ์
 • FloralRed and Green Kangaroo Paw
(Anigozanthos manglesii)[3]
 • MammalNumbat
(Myrmecobius fasciatus)
 • BirdBlack Swan
(Cygnus atratus)
 • FossilGogo Fish
 • ColoursGold and Black (from the State Badge)
เขตเวลาAWST UTC+8 does not observe DST
รหัสไปรษณีย์WA
รหัส ISO 3166AU-WA
เว็บไซต์www.wa.gov.au

รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย[4] (อังกฤษ: Western Australia) หรือเรียกอย่างภาษาไทยเดิมว่า รัฐออสเตรเลียตะวันตก เป็นรัฐในประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย และเป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสาธารณรัฐซาฮา มีประชากร 2.1 ล้านคน (10% ของประเทศ) มี 85% ของคนที่อาศัยทางมุมใต้-ตะวันตกของรัฐ มีเมืองหลวงคือนคร เพิร์ท

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Australian Demographic Statistics Dec 2007". ABS. 24 June 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-25. สืบค้นเมื่อ 2008-09-16.
  2. Australian National Accounts: State Accounts, 2007-08
  3. "The Floral Emblem of Western Australia". Department of the Premier and Cabinet, Government of Western Australia. สืบค้นเมื่อ 2008-06-13.
  4. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่องกำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง. ราชบัณฑิตยสถาน. หน้า 21.