ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 146: | บรรทัด 146: | ||
ลวดจากขดลวดเหนี่ยวนำสัญญาณลดการรั่วไหลและความจุจรจัดในการปรับปรุงการตอบสนองความถี่สูง ขดลวดจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนและส่วนเหล่านี้ในการสลับกันระหว่างส่วนของขดลวดอื่น ๆ |
ลวดจากขดลวดเหนี่ยวนำสัญญาณลดการรั่วไหลและความจุจรจัดในการปรับปรุงการตอบสนองความถี่สูง ขดลวดจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนและส่วนเหล่านี้ในการสลับกันระหว่างส่วนของขดลวดอื่น ๆ |
||
[[ไฟล์:Transformer min stray field geometry.svg|thumb|ภาพหน้าตัดแสดงการพันขดลวดในหม้อแปลง. สีขาว: ฉนวน. เขียวเป็นวงก้นหอย: แกนเหล็กซิลิคอนวางตัวเป็นแนวเนื้อไม้. ดำ: ขดลวดปฐมภูมิทำด้วยทองแดงปราศจากอ๊อกซิเจน. แดง: ขดลวดทุติยภูมิ. บนซ้าย: หม้อแปลงรูปโดนัท. ขวา: C-core, และ E-core จะคล้ายกัน. ขดลวดสีดำทำด้วยฟิล์ม บนสุด: ค่า capacitance ระหว่างทุกปลายของทั้งสองขดลวดมีค่าต่ำเสมอกัน เนื่องจากแกนส่วนใหญ่เป็นตัวนำค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังต้องการฉนวน ล่าง: ค่า capacitance ที่ปลายหนึ่งของขดทุติยภูมิต้องมีค่าที่ต่ำที่สุด สำหรับหม้อแปลงกำลังต่ำแต่แรงดันสูง ล่างซ้าย: การลดค่า inductance ที่รั่วจะเพิ่มค่า capacitance]] |
|||
==แท็ป== |
|||
คอยส์อาจมีแท็ปที่อยู่ระหว่างขั้วหัวท้ายของขดลวดสำหรับใช้เปลี่ยนจำนวนรอบของขดลวด การเปลี่ยนจำนวนรอบก็หมายถึงการเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าด้วย |
|||
ในหม้อแปลง แท็ปอาจถูกเปลี่ยนด้วยมือหรือสวิทช์มือหมุนหรือสวิทช์อัตโนมัติ การเปลี่ยนแท็ปอัตโนมัติในขณะใช้งานจริงใช้ในงานสายส่งแรงสูง หรือใช้ในอุปกรณ์เช่นหม้อแปลงไฟฟ้าเตาหลอมหรือเพื่อควบคุมแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติสำหรับโหลดที่มีความสำคัญ หม้อแปลงความถี่เสียงใช้ในการกระจายของเสียงผ่านทางลำโพงที่สาธารณะจะมีแท็ปเพื่อใช้ปรับตัวความต้านทานของลำโพงแต่ละตัว หม้อแปลงที่มีแท็ปตรงกลางพอดีมักถูกใช้ในขั้นตอนการส่งเสียงออกของเครื่องขยายเสียงพลังสูงด้วยวงจร Push-Pull หม้อแปลงที่ใช้ในการทำมอดดูเลชั่นในเครื่องส่งสัญญาณ AM จะมีลักษณะคล้ายกันมาก |
|||
==ยึดให้แน่น== |
|||
คอยส์มักจะถูกยึดติดเพื่อป้องกันไม่ให้สายไฟเคลื่อนที่ขณะใช้งาน โดยทั่วไปจะนำคอยล์ที่ประกอบเสร็จแล้ว จุ่มลงไปในครั่งแล้วอบให้แห้ง |
|||
ระบบทำฉนวนให้ขดลวดชนิดแห้งมีแบบ'จุ่มและอบ' หรือแบบคุณภาพสูง ด้วยความดันสูญญากาศ |
|||
การสร้างหม้อแปลงแบบ oil-filled ต้องทำให้ฉนวนของขดบวดแห้งสนิทก่อนเติมน้ำมันเข้าไป การอบแห้งจะดำเนินการที่โรงงานโดยการไหลเวียนของอากาศร้อนรอบแกนหรือโดยการใช้ไอน้ำอบแห้ง (VPD) โดยที่ตัวทำละลายที่ระเหยถ่ายโอนความร้อนโดยการควบแน่นบนขดลวดและแกน สำหรับหม้อแปลงขนาดเล็ก ให้ความร้อนโดยป้อนกระแสเข้าไปในขดลวด วิธีการนี้เรียกว่าการให้ความร้อนความถี่ต่ำ (LFH) เนื่องจากกระแสที่ป้อนเข้าไปมีความถี่ต่ำกว่ากระแสของกริดที่ 50 หรือ 60 Hz ความถี่ที่ต่ำกว่าจะช่วยลดผลกระทบจากการเหนี่ยวนำในหม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อให้แรงดันไฟฟ้าที่จำเป็นในการเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสมีปริมาณลดลง. วิธีการอบแห้ง LFH ยังใช้สำหรับการให้บริการกับหม้อแปลงเก่า. |
|||
==ค่า capacitance== |
|||
ขดลวด, โดยเฉพาะอย่างยิ่งขดลวดหลายชั้นสามารถมีค่า capacitance ระหว่างชั้นได้ |
|||
เมื่อค่า capacitance นี้เป็นปัญหา ขดลวดที่มีหลายชั้นมักจะถูกแทนที่ด้วยขดลวดชั้นเดียว นั่นคือ ขดลวดแบบแพนเค้กหรือ solenoid ชั้นเดียว |
|||
[[ไฟล์:TeslaFlatSpiralCoil.png|thumb|ขดลวดเกลียวแบนของนิโคลา เทสลา]] |
|||
==ประเภทเฉพาะ== |
|||
===Solenoid=== |
|||
[[ไฟล์:Solenoid-1.png|thumb|ภาพของโซลินอยด์รูปแบบหนึ่ง]] |
|||
โซลินอยด์ (จากภาษาฝรั่งเศส solénoïde มาจากภาษากรีก Solen "ท่อหรือช่อง" + รูปแบบของกรีก Eidos "รูปแบบหรือรูปร่าง" ) เป็นขดลวดพันเป็นเกลียวแน่น เป็นคำที่คิดค้นโดย André-Marie Ampère ที่กำหนดให้เป็นขดลวดเกลียว |
|||
ทางด้านกายภาพ โซลินอยด์หมายถึงเส้นลวดที่ยาว ม้วนเป็นวงเล็กๆ มักจะพันรอบแกนโลหะซึ่ง เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านจะก่อให้เกิดสนามแม่เหล็กที่สม่ำเสมอในบริเวณของพื้นที่ (ที่จะต้องทำการทดลองต่อไป) โซลินอยด์มีความสำคัญเพราะสามารถสร้างสนามแม่เหล็กที่ควบคุมได้และสามารถนำมาใช้เป็นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ |
|||
ทางด้านวิศวกรรม โซลินอยด์ยังอาจหมายถึงความหลากหลายของอุปกรณ์แปลงสัญญาณ(transducer) ที่แปลงพลังงานให้เป็นการเคลื่อนไหวเชิงเส้น คำนี้อาจถูกใช้อ้างถึงวาล์วโซลินอยด์ก็ได้ ซึ่งประกอบด้วยขดลวดกลไกแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อควบคุมการทำงานของทั้งวาล์วนิวแมติกหรือไฮโดรลิค, หรือเป็นสวิทช์โซลินอยด์ซึ่งเป็นรีเลย์ชนิดหนึ่งที่ใช้ควบคุมสวิทช์ไฟฟ้าเช่นสวิทช์สตาร์ทในรถยนต์ เป็นต้น |
|||
===หม้อแปลง=== |
|||
หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์แม่เหล็กไฟฟ้าที่มีขดลวดปฐมภูมิถ่ายเทพลังงานไปให้ขดลวดทุติยภูมิหรือในทางกลับกันโดยการเหนี่ยวนำแม่เหล็ก ขดลวด tickler หรือขดลวด feedback จะเป็นขดลวดที่สามที่วางอยู่ในความสัมพันธ์กับขดลวดปฐมภูมิและขดลวดทุติยภูมิ แท็ปคอยด์เป็นอีกขดลวดหนึ่งในหม้อแปลงหรือปิกอัพคอยด์บางตัว |
|||
===ขดลวดเหนี่ยวนำ=== |
|||
ขดลวดเหนี่ยวนำโดยปกติจะเป็นขดลวดพันรอบแกนแม่เหล็ก หรือไม่มีแกน มีสองขั้วธรรมดา ใช้ทำหน้าที่กรองสัญญาณหรือเป็นตัว matching |
|||
===มอเตอร์ไฟฟ้า=== |
|||
ขดลวดในมอเตอร์ไฟฟ้าค่อนข้างซับซ้อน มีทั้งแบบเฟสเดียวและสามเฟส แบบสามเฟสมีขดลวดสามชุด การพันขดลวดมีหลายรูปแบบแตกต่างกัน รายละเอียดดู[[มอเตอร์]] |
|||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:42, 27 มีนาคม 2557
ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ (อังกฤษ: electromagnetic coil) เป็นตัวนำไฟฟ้าอย่างหนึ่งเช่น ลวดในรูปของขดลวด(อังกฤษ: coil), รูปเกลียวก้นหอยหรือเกลียวสปริง[1][2] ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าถูกใช้ในวิศวกรรมไฟฟ้า, ในการใช้งานที่กระแสไฟฟ้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับสนามแม่เหล็ก, ในอุปกรณ์เช่นตัวเหนี่ยวนำ, แม่เหล็กไฟฟ้า, หม้อแปลง, และขดลวดเซ็นเซอร์ เป็นได้ทั้งกระแสไฟฟ้าจะถูกส่งผ่านลวดของคอยล์เพื่อสร้างสนามแม่เหล็ก หรือตรงกันข้าม สนามแม่เหล็กภายนอกที่แปรตามเวลาพาดผ่านด้านในของขดลวดสร้าง EMF(แรงดัน)ในตัวนำ
กระแสไหลในตัวนำใดๆจะสร้างสนามแม่เหล็กวงกลมรอบตัวนำตามกฎของแอมแปร์[3] ประโยชน์ของการใช้รูปทรงแบบขดม้วนก็คือมันจะเพิ่ม ความแรงของสนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแส สนามแม่เหล็กที่เกิดจากแต่ละรอบที่แยกจากกันของลวดตัวนำทั้งหมดผ่านศูนย์กลางของขดลวดและซ้อนกัน(อังกฤษ: superpose) เพื่อสร้างสนามที่แข็งแกร่งที่นั่น จำนวนรอบของขดลวดยิ่งมาก สนามที่ถูกสร้างขึ้นก็ยิ่งแรง ในทางกลับกัน การเปลี่ยนแปลงของฟลักซ์แม่เหล็กภายนอกทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าในตัวนำตามกฎการเหนี่ยวนำของฟาราเดย์[3][4] แรงดันไฟฟ้า ที่ถูกเหนี่ยวนำสามารถทำให้เพิ่มขึ้นได้โดยพันลวดให้เป็นขดเพราะเส้นสนามจะตัดเส้นลวดหลายครั้ง[3]
มีขดลวดหลายประเภทที่ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ลวดและแทป
ลวดหรือตัวนำที่สร้างเป็นคอยล์ถูกเรียกว่าขดลวด[5] หลุมตรงกลางของขดลวดเรียกว่าพื้นที่แกน(อังกฤษ: core)หรือแกนหมุน(อังกฤษ: axis)แม่เหล็ก[6] แต่ละวงลูปที่พันเรียกว่ารอบ[2] ในขดลวดที่ลวดสัมผัสกัน ลวดต้องถูกทำให้เป็นฉนวนโดยการเคลือบด้วยสารที่ไม่นำไฟฟ้า เช่น พลาสติกหรือสีเคลือบผิวหน้า เพื่อป้องกันกระแสไหลข้ามระหว่างรอบของลวด ขดลวดมักจะถูกห่อรอบ"คอยล์ฟอร์ม"ที่ทำจากพลาสติกหรือวัสดุอื่นเพื่อยึดให้อยู่กับที่[2] ปลายของลวดจะถูกนำออกมาและติดอยู่กับวงจรภายนอก ขดลวดอาจมีการเชื่อมต่อไฟฟ้าเพิ่มเติมตามความยาวของมัน จุดแยกเหล่านี้จะเรียกว่า "แทป"[7] ขดลวดที่มีแทปเพียงจุดเดียวตรงกลางของความยาวของมันเรียกว่า center-tap[8] คอยล์สามารถมีมากกว่าหนึ่งขดลวด, เป็นฉนวนแยกจากกัน ถ้ามีสองขดหรือมากกว่ารอบแกนหมุนแม่เหล็กทั่วไป ลวดจะกล่าวว่าเป็น"คู่เหนี่ยวนำ"หรือ"คู่แม่เหล็ก"[9] กระแสที่แปรตามเวลาที่ไหลในขดลวดจะสร้างสนามแม่เหล็กที่แปรตามเวลาที่พาดผ่านขดลวดอื่น ซึ่ง จะทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าที่แปรตามเวลาในขอลวดอื่นนั้น คอยล์นี้เรียกว่า "หม้อแปลง"[10]
แกนแม่เหล็ก
ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นจำนวนมากมีแกนเป็นแม่เหล็ก, หรือชิ้นส่วนของวัสดุ ferromagnetic เช่นเหล็ก ในใจกลางของมันเพื่อเพิ่มสนามแม่เหล็ก[11] กระแสผ่านขดลวดจะทำให้วัสดุนั้นเป็นแม่เหล็กและสนาม แม่เหล็กที่เกิดจากวัสดุนั้นจะผสมไปกับสนามแม่เหล็กที่ผลิตโดยขดลวด ขดลวดนี้จะถูกเรียกว่า คอยล์แกน ferromagnetic หรือ คอยล์แกนเหล็ก[12] แกน ferromagnetic สามารถเพิ่มสนามแม่เหล็กของขดลวดได้หลายร้อยหรือหลายพันเท่ามากกว่าถ้ามันไม่มีแกน คอยล์แกนเฟอร์ไรต์เป็นความหลากหลายของคอยล์ที่มีแกนกลางทำจากเฟอร์ไรต์ซึ่งเป็นสารประกอบเซรามิก ferrimagnetic[13] ขดลวดเฟอร์ไรท์มีความสูญเสียต่ำที่ความถี่สูง
คอยล์ที่ไม่มีแกน ferromagnetic เรียกว่าคอยล์แกนอากาศ[14] ซึ่งรวมถึงคอยล์ที่พันบนพลาสติกหรือรูปแบบที่ไม่ใช่สารแม่เหล็กอื่นๆ, เช่นเดียวกับคอยล์ที่จริงๆแล้วมีช่องอากาศอยู่ภายในขดลวดของมัน
ชนิดของขดลวด
ขดลวดสามารถถูกจำแนกตามความถี่ของกระแสไฟฟ้าที่มันถูกออกแบบมาเพื่อทำงานด้วย ได้แก่:
- ขดลวด DC ที่ทำงานด้วยกระแสตรงคงที่ในขดลวดของมัน
- ขดลวดความถี่เสียงออดิโอ (AF) ตัวเหนี่ยวนำหรือหม้อแปลงที่ทำงานกับกระแสสลับในช่วงความถี่เสียงที่น้อยกว่า 20 กิโลเฮิร์ทซ์
- ขดลวดความถี่วิทยุ (RF) ตัวเหนี่ยวนำหรือหม้อแปลงที่ทำงานกับกระแสสลับในช่วงความถี่วิทยุ ที่สูงกว่า 20 กิโลเฮิร์ทซ์
ขดลวดก็สามารถถูกจำแนกตามฟังก์ชั่นของมัน ได้แก่
ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า
บทความหลัก: แม่เหล็กไฟฟ้า
ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นขดลวดที่สร้างสนามแม่เหล็กสำหรับงานภายนอกบางอย่าง, มักจะใช้กับกลไกเพื่อบังคับให้ทำอะไรบางอย่าง[15] ประเภทที่ค่อนข้างชัดเจนได้แก่
- โซลินอยด์ - ใช้เพื่อเปิดปิดวาวล์ ที่รู้จักดีได้แก่โซลินอยด์วาวล์, นูเมติกวาวล์, ไฮโดรลิกวาวล์เป็นต้น
- ขดลวดมอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า - แม่เหล็กไฟฟ้าแกนเหล็กบนโรเตอร์หรือสเตเตอร์ของ มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ที่ทำหน้าที่หมุนเพลา(มอเตอร์) หรือสร้างกระแสไฟฟ้า(เครื่องกำเนิดไฟฟ้า)
- ขดลวดสนาม - ขดลวดแกนเหล็กซึ่งจะสร้างสนามแม่เหล็กที่มีอย่างต่อเนื่องเพื่อจะกระทำบนขดลวดอาเมเจอร์
- ขดลวดอาเมเจอร์ - ขดลวดแกนเหล็กที่ถูกกระทำโดยสนามแม่เหล็กของขดลวดสนามเพื่อสร้างแรงบิด (มอเตอร์) หรือเหนี่ยวนำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเพื่อผลิตกำลังไฟฟ้า(เครื่องกำเนิดไฟฟ้า)
- ขดลวด Helmholtz, ขดลวด Maxwell - ขดลวดแกนอากาศที่ให้บริการในการหักล้างสนามแม่เหล็กภายนอกเช่นสนามแม่เหล็กโลก
- ขดลวด degaussing - ขดลวดที่ใช้ในการล้างอำนาจแม่เหล็กในชิ้นส่วน
- วอยซ์คอยล์ - ขดลวดที่ใช้ใน moving-coil ของลำโพง, ถูกแขวนระหว่างขั้วของแม่เหล็ก เมื่อสัญญาณเสียงถูกส่งผ่านขดลวด มันจะสั่นซึ่งเป็นการขยับกรวยลำโพงที่ติดอยู่ด้วยกันเพื่อสร้าง คลื่นเสียง
ตัวเหนี่ยวนำ
บทความหลัก: ตัวเหนี่ยวนำ
ตัวเหนี่ยวนำหรือ reactor มีขดลวดที่สร้างสนามแม่เหล็กซึ่งจะปฏิสัมพันธ์กับขดลวดตัวมันเองที่ เหนี่ยวนำเกิด back EMF ซึ่งต่อต้านกับการเปลี่ยนแปลงของกระแสในขดลวด ตัวเหนี่ยวนำถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้าในการจัดเก็บพลังงานชั่วคราวหรือต่อต้านการเปลี่ยนแปลงกระแส มีไม่กี่ประเภทดังนี้
- คอยล์ถัง - ตัวเหนี่ยวนำที่ใช้ในวงจรการจูน
- โช๊ค - ตัวเหนี่ยวนำใช้เพื่อกั้น AC ความถี่สูงในขณะที่ยอมให้ AC ความถี่ต่ำผ่านได้
- คอยล์โหลด - ตัวเหนี่ยวนำที่ใช้เพื่อเพิ่มการเหนี่ยวนำของเสาอากาศเพื่อให้มันเรโซแนนท์, หรือเพื่อให้กับสายเคเบิลเพื่อป้องกันการบิดเบือนของสัญญาณ
- Variometer - ตัวเหนี่ยวนำปรับได้ ประกอบด้วยสองขดลวดต่ออนุกรมกัน, ขดลวดอยู่กับที่ด้านนอกและขดลวดที่สองอยู่ข้างในซึ่งสามารถหมุนเพื่อให้แกนหมุนแม่เหล็กของพวกมันมีทิศทางเดียวกันหรือตรงกันข้าม
- หม้อแปลง flyback - แม้ว่าจะถูกเรียกว่าหม้อแปลง จริงๆแล้วมันเป็นตัวเหนี่ยวนำที่ทำหน้าที่ จัดเก็บพลังงานในแหล่งจ่ายไฟแบบสวิตชิ่งและวงจรกวาดแนวนอนของ CRT ในโทรทัศน์และจอมอนิเตอร์
- reactor แบบอิ่มตัวได้ - ตัวเหนี่ยวนำแกนเหล็กที่ใช้ควบคุมกำลังไฟ AC โดยการปรับความอิ่มตัวของแกนด้วยการใช้แรงดันไฟฟ้ากระแสตรงในขดลวดสำรอง
- บัลลาสต์เหนี่ยวนำ - ตัวเหนี่ยวนำที่ใช้ในวงจรหลอดไฟดีสชาร์จก๊าซ เช่นหลอดฟลูโอเรสเซนท์, เพื่อจำกัดกระแสผ่านหลอดไฟ
หม้อแปลง
บทความหลัก: หม้อแปลงไฟฟ้า
หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีขดลวดสองชุดหรือมากกว่า เป็นชุดแบบคู่(หรือเป็นช่วงๆในส่วนของชุดขดลวดใหญ่ชุดเดียว) กระแสที่แปรตามเวลาในขดลวดหนึ่ง (เรียกว่าขดปฐมภูมิ) จะสร้างสนามแม่เหล็กซึ่งจะเหนี่ยวนำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าในขดลวดอีกขดหนึ่ง (เรียกว่าขอทุติยภูมิ) มีไม่กี่ประเภทดังนี้
- Autotransformer - หม้อแปลงไฟฟ้ามีเพียงขดลวดเดียว ส่วนอื่นๆของขดลวดเข้าถึงได้ด้วยแทปที่ทำหน้าที่เป็นขดปฐมภูมิและทุติยภูมิของหม้อแปลงไฟฟ้า
- หม้อแปลงแกน toroid - แกนอยู่ในรูปโดนัทซึ่งเป็นรูปทรงที่ใช้กันทั่วไปเพราะมันลดการรั่วไหลของฟลักซ์แม่เหล็ก เป็นผลให้เกิด EMI น้อย
- ขดลวดเหนี่ยวนำหรือขดลวดสั่น - เป็นคอยล์จุดระเบิดแรงดันสูงของรถยนต์สมัยแรก ใช้กลไกการขัดขวางการสั่นสะเทือนเพื่อหยุดกระแสหลักที่สร้างการสปาร์กซ้ำๆในแต่ละจังหวะชักของกระบอกสูบ
- คอยล์จุดระเบิด - ขดลวดเหนี่ยวนำที่ใช้ในเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อสร้างพัลส์ของไฟฟ้าแรงสูงที่จะยิงหัวเทียนที่เริ่มต้นการเผาไหม้เชื้อเพลิง
- Balun - หม้อแปลงไฟฟ้าที่แมทช์สายส่งที่สมดุลกับอันที่ไม่สมดุล
- ขดลวด Bifilar - ขดลวดที่พันด้วยลวดถักสองเส้นขนานกันเว้นระยะอย่างใกล้ชิด ถ้ากระแส AC ไหลในทิศทางเดียวกัน ฟลักซ์แม่เหล็กจะรวมกัน แต่ถ้ากระแสเท่ากันไหลในทิศทางตรงข้าม ฟลักซ์ที่ตรงข้ามกันจะหักล้างกัน เป็นผลให้ฟลักซ์ในแกนเป็นศูนย์ จึงไม่มีแรงดันไฟฟ้าจะถูก เหนี่ยวนำในขดลวดที่สามบนแกน ขดลวดเหล่านี้ถูกใช้ในเครื่องมือและอุปกรณ์เช่นในตัวขัดขวางการผิดปกติของระบบกราวด์ พวกเขายังถูกใช้ในการตัวต้านทานแบบลวดพันที่มีการเหนี่ยวนำต่ำ สำหรับการใช้งานที่ความถี่ RF อีกด้วย
- หม้อแปลงเสียงออดิโอ - หม้อแปลงที่ใช้กับสัญญาณเสียง พวกมันจะถูกใช้สำหรับการแมทชิ่งอิมพีแดนซ์
- ขดลวดไฮบริด - หม้อแปลงเสียงออดิโอชนิดพิเศษ มี 3 ขดลวด ที่ใช้ในวงจรโทรศัพท์เพื่อแบ่งสัญญาณออกเป็นสองทาง หรือใช้ในไมโครโฟนเพื่อไม่ให้เกิด sidetalk
ขดลวด transducer
ขดลวดเหล่านี้เป็นใช้ในการแปลสนามแม่เหล็กที่แปรตามเวลาให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าหรือแปลกลับกัน ไม่กี่ประเภทดังนี้
- ขดลวดเซนเซอร์หรือรับสัญญาณ - ขดลวดเหล่านี้ถูกใช้รับรู้สนามแม่เหล็กที่แปรตามเวลาภายนอก
- เซ็นเซอร์การเหนี่ยวนำ - ขดลวดซึ่งรับรู้ความรู้สึกเมื่อแม่เหล็กหรือวัตถุเหล็กผ่านไปใกล้มัน
- หัวบันทึก - ขดลวดที่ใช้ในการสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อเขียนข้อมูลไปยังสื่อเก็บข้อมูลแม่เหล็ก เช่นเทปแม่เหล็กหรือฮาร์ดดิสก์ ในทางกลับกันก็ยังใช้ในการอ่านข้อมูลในรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กในสื่อ
- ขดลวดเหนี่ยวนำความร้อน - ขดลวด AC ถูกใช้ให้ความร้อนกับวัตถุโดยการเหนี่ยวนำให้เกิด กระแสไหลวน(อังกฤษ: eddy current)ในวัตถุนั้น กระบวนการที่ถูกเรียกว่าการทำความร้อนด้วยการเหนี่ยวนำ
- เสาอากาศแบบ Loop - ขดลวดซึ่งทำหน้าที่เป็นเสาอากาศวิทยุ, เพื่อแปลงคลื่นวิทยุให้เป็นกระแสไฟฟ้า
- ขดลวด rogowski - ขดลวดแบบโดนัท นำมาใช้เป็นอุปกรณ์การวัด AC
- ตัวรับกีต้าร์ - ขดลวดที่ใช้ผลิตสัญญาณเสียงออกในกีตาร์ไฟฟ้าหรือเบสไฟฟ้า
- ประตูฟลักซ์ - ขดลวดเซ็นเซอร์ที่ใช้ในเครื่องวัดสนามแม่เหล็ก
- ตลับหีบเสียงแม่เหล็ก - เซ็นเซอร์ในเครื่องเล่นแผ่นบันทึกที่ใช้ขดลวดเพื่อแปลการสั่นสะเทือนของเข็มเป็นสัญญาณเสียงในการเล่นแผ่นบันทึกแบบไวนิล
นอกจากนี้ยังมีประเภทของขดลวดที่ไม่เข้ากลุ่มกับประเภทข้างบนนี้
ผลของความถี่
ขดลวดความถี่สูงทำงานที่หลายสิบหลายร้อยกิโลเฮิร์ตซ์มักจะมีลวดที่ทำจากลวดฝอยถัก Litz เพื่อลด skin effect และการสูญเสียผลใกล้ชิด. หม้อแปลงขนาดใหญ่ใช้ลวดทองแดงฝอยหลายเกลียวเช่นกันเนื่องจากแม้จะใช้ความถี่พลังงานต่ำ การกระจายไม่สม่ำเสมอของกระแสก็ยังมีอยู่ในขดลวดกระแสสูง. แต่ละเส้นของลวดฝอยเป็นฉนวนซึ่งกันและกัน และในเกลียวถักจะถูกจัดเรียงเพื่อให้บางจุดในขดลวดหรือตลอดทั้งเส้นขดลวด มีความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความสมคุลย์ในการสับเปลี่ยนการไหลของกระแสในเส้นลวดฝอยแต่ละเส้น ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียกระแสไหลวนในตัวขดลวดเอง เส้นลวดฝอยตีเกลียวนี้ยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าตัวนำที่เป็นของแข็งในขนาดที่ใกล้เคียงกันและง่ายต่อการผลิตอีกด้วย
ลวดจากขดลวดเหนี่ยวนำสัญญาณลดการรั่วไหลและความจุจรจัดในการปรับปรุงการตอบสนองความถี่สูง ขดลวดจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนและส่วนเหล่านี้ในการสลับกันระหว่างส่วนของขดลวดอื่น ๆ
อ้างอิง
- ↑ Stauffer, H. Brooke (2005). NFPA's Pocket Dictionary of Electrical Terms. Jones and Bartlett Learning. p. 36. ISBN 0877655995.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 Laplante, Phillip A. (1999). Comprehensive Dictionary of Electrical Engineering. Springer. pp. 114–115. ISBN 3540648356.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 Arun, P. (2006). Electronics. Alpha Sciences International Ltd. pp. 73–77. ISBN 1842652176.
- ↑ Newnes 2002, p. 129
- ↑ Stauffer 2005, p. 273
- ↑ Amos, S W (2002). Newnes Dictionary of Electronics. Newnes. p. 191. ISBN 0080524052.
{{cite book}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ Laplante 1999, p. 633
- ↑ Stauffer 2005, p. 29
- ↑ Newnes 2002, p. 167
- ↑ Newnes 2002, p. 326
- ↑ Laplante, Phillip A. (1999). Comprehensive Dictionary of Electrical Engineering. Springer. p. 143. ISBN 3540648356.
- ↑ Laplante 1999, p. 346
- ↑ Laplante 1999, p. 243
- ↑ Laplante 1999, p. 19
- ↑ Newnes 2002, p. 113